xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊สด” จี้รัฐแก้ กม.ลูกก่อน หวั่นเจอฟ้องเลือกตั้งโมฆะ แนะชวนทุกพรรคคุยวันยุบสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (แฟ้มภาพ)
“สดศรี” ยันจะจัดเลือกตั้งได้กฎหมายลูกต้องเสร็จก่อน ชี้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไม่ได้ระบุไว้ ระบุหากให้ออกประกาศโดยยังไม่ร่างแก้กฎหมายอาจเป็นชนวนโต้แย้งภายหลังได้ แนะเห็นใจ กกต.ไม่อยากถูกร้องให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ เชื่อใช้เวลา 1 เดือนผ่าน 3 วาระเสร็จ แนะชวนทุกพรรคคุยวันยุบสภาร่วม

วันนี้ (11 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวก่อนหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงการกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสมว่า กกต.คงต้องยืนยันว่าการจะจัดการเลือกตั้งได้นั้นต้องมีกฎหมายลูกพร้อมทั้ง 3 ฉบับเพื่อประกอบการปฏิบัติงานของ กกต. ซึ่งในมาตรา 141 ของรัฐธรรมนูญก็บัญญัติชัดเจนว่า ก่อนประกาศใช้กฎหมายต้องผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก่อน แต่ในมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้มีการบัญญัติไว้ ก็ไม่ทราบว่าเพราะผู้ร่างหลงลืมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การที่ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับให้แล้วเสร็จก่อนก็จะทำให้การเลือกตั้งเรียบร้อยไปไม่ได้

นอกจากนี้ นางสดศรียังเห็นว่า ถ้ารัฐบาลจะให้ กกต.ออกเป็นประกาศข้อกำหนดว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้ง โดยยังไม่เริ่มกระบวนการของการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ก่อน ก็จะเหมือนกับ ข.มาก่อน ก. ซึ่งอาจเป็นจุดที่ทำให้มีการโต้แย้งในภายหลังได้ อีกทั้งถ้าจะออกประกาศตามมาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข ก็ออกได้เพียงฉบับเดียวคือประกาศข้อกำหนดว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกตั้งเท่านั้น แต่จะให้รองรับกับกฎหมายลูกอีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.ป.กกต.นั้น รัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้เปิดช่องให้ทำ ตรงนี้ก็จะกลายเป็นปัญหา เพราะเรื่องการส่งผู้สมัครเลือกตั้ง เพราะ พ.ร.ป.พรรคการเมืองกำหนดให้สาขาพรรคมีส่วนในการคัดสรรผู้สมัครลงรับเลือกตั้งร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ถ้าไม่แก้ไขก็จะเป็นจุดที่ทำให้ฟ้องร้องได้ รวมถึงในรัฐธรรมนูญปัจจุบันก็ไม่มีการบัญญัติไว้ว่า หากมีการออกประกาศต่างๆ ก็ต้องเสนอไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายเหมือนที่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 312 ของรัฐธรรมนูญ 40

“ที่รัฐธรรมนูญ 40 ระบุให้ประกาศต้องผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้ยุติปัญหาใดได้หมด เพราะเท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญรองรับการทำงานทุกอย่างเลย แต่ในรัฐธรรมนูญ 50 ไม่มีระบุไว้ ดังนั้น ถ้า กกต.ไปออกประกาศ แล้วมีการฟ้องร้องต่อมาว่าประกาศฯที่ กกต.ออกนั้น ไม่ชอบ กกต.จะไม่มีอะไรพิงเลย รวมทั้งถ้าตอนนั้นมี การเลือกตั้งแล้ว แน่นอนว่า ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้ง ก็อาจจะไม่ได้รับการประกาศรับรองผล ตรงนี้จะเป็นปัญหาอย่างมาก กับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคที่ได้ ส.ส.มาในจำนวนใกล้เคียงกันก็จะเอามาเป็นประเด็นในกร้องต่อ ศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่าประกาศที่ กกต.ออกนั้นชอบหรือไม่ ดิฉันไม่ใช่คนมองอะไรในแง่ร้าย แต่อย่าคิดว่าอะไรไม่เกิด อย่าคิดว่า กกต.จะไม่ถูกฟ้อง เพราะในเมื่อเราไม่ใช่ศาลที่คำสั่งของเราเป็นที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ ต้องเห็นใจ กกต.ด้วย เราก็ไม่อยากให้การเลือกตั้งถูกร้องเป็นโมฆะ หรือถ้าไม่เช่นนั้นให้เราประกาศฯ แล้วก็ให้ระบุไว้ในวรรคท้ายได้หรือไม่ว่าประกาศของ กกต.ถือเป็นที่สุด ซึ่งเราก็ไม่อยากทำเช่นนั้น" นางสดศรีกล่าว

นางสดศรียังกล่าวด้วยว่า จากการหารือกับผู้แทนพรรคการเมืองของ กกต.ล่าสุด พรรคการเมืองต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ กกต.ออกประกาศฯ เพื่อมาจัดการเลือกตั้ง โดยบอกว่าควรออกเป็นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และมองว่าถ้าทุกพรรคจริงใจในการแก้ไข ก็จะใช้เวลาเพียง 1 เดือนในการพิจารณา 3 วาระรวดได้ ซึ่งตนก็เห็นว่าการจะยุบสภาไม่ควรเป็นเรื่องของ กกต.กับนายกฯ เท่านั้น ควรให้ทุกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดวันยุบสภาและวันเลือกตั้ง จึงคิดว่าน่าจะมีการเรียกประชุมพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อมาร่วมกันกำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งด้วย

เมื่อถามว่า หากรอให้กฎหมายลูกเสร็จอาจทำให้เกิดเงื่อนไขและกลายเป็นจุดให้เกิดรัฐประหารก่อน นางสดศรีกล่าวว่า การออกกฎหมายนอกจากผ่านทางรัฐสภาได้แล้ว ยังผ่านทางคณะรัฐมนตรีได้ ซึ่งก็ได้ข่าวจากวงนอกว่า กรณีกฎหมายลูก ครม.สามารถออกเป็นพระราชกำหนดได้ หากทำได้จริง กกต.ก็ยินดี แต่การจะมองว่าออกกฎหมายลูกช้าแล้วทำให้เกิดเหตุร้าย คิดว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงต้องดูแล
กำลังโหลดความคิดเห็น