“สดศรี” ขอความเห็นใจนายกฯ แก้ไข กม.ลูก 2 ฉบับให้เรียบร้อยก่อนประกาศยุบสภา ชี้เป็นเรื่องที่ต้องทำงานร่วมกัน ปัดอย่าโยนบาปให้ กกต.รับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว หากมีการร้องเรียนเข้ามาภายหลัง พร้อมเผยมีตุ๊กตาวันสมัคร-วันเริ่มพิมพ์บัตรเสนอเรียบร้อย แต่ระบุยังเป็นห่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง อาจขอรัฐประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในบางพื้นที่
วันนี้ (8 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรมมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมตามโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานของสาขาพรรคการเมืองประจำปี 2554 ซึ่งมีผู้แทนสาขาพรรคการเมืองและพนักงาน กกต.ประจำจังหวัดเข้าร่วม 150 คน ถึงกรณีนายกรัฐมนตรีจะเข้าหารือกับ กกต.ในวันศุกร์นี้ถึงวันที่เหมาะสมในการเลือกตั้งว่า ทราบจากข่าวเท่านั้น เบื้องต้น กกต.ยังไม่ได้รับการติดต่อ นายกฯคงจะมีหนังสือมา ซึ่งเมื่อนายกฯ มาหารือกับ กกต.ก็ต้องคุยกันในเรื่องวันเหมาะสมในการเลือกตั้ง สมมุติจะยุบสภาในเร็วนี้ ซึ่งก็ต้องมีการเลือกตั้งในเดือน เม.ย. ทาง กกต.ก็คงต้องแจ้งให้ทราบว่าในเดือน เม.ย.จะมีวันหยุดยาวหลายวัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจเดินทางไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัด การกำหนดวันเลือกตั้งในช่วงดังกล่าว จะทำให้มีผู้มาใช้สิทธิน้อย โดย กกต.ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นดังนั้นจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้งไปในช่วงต้นเดือนได้หรือไม่
นอกจากนี้ก็จะมีการแจ้งให้นายกฯทราบถึงปัญหาของ กกต.กรณีที่มองว่ามาตรา 7 วรรคท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข กำหนดว่าหากการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ไม่แล้วเสร็จนั้นให้ กกต.ออกประกาศกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งนั้น เป็นการกำหนดให้ออกประกาศได้เพียงฉบับเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้กับกรณีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.
“ถ้ารัฐบาลจะยุบสภาในระยะเวลาอันใกล้ก็ต้องมีความชัดเจนให้กับผู้ปฏิบัติงานว่าจะไม่เกิดปํญหาใดๆตามมา โดย กกต.ก็จะถามรัฐบาลว่าเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับจะแก้ไขให้กับ กกต.ได้หรือไม่ หรือจะชะลอการยุบสภาออกไปก่อน รวมทั้งต้องถามนายกฯว่ามีเจตนาจะยุบสภาเมื่อไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องชี้แจงให้นายกฯทราบ แต่ถ้านายกฯบอกว่าจะต้องยุบสภาเพียงอย่างเดียว ก็จะเป็นภาระหนักกับ กกต.ที่อาจต้องพิจารณาว่าควรจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ว่าจะสามารถออกประกาศข้อกำหนดเกี่ยวกับกฎหมายลูกอีก 2 ฉบับดังเช่นกฎหมายเลือกตั้ง ได้หรือไม่เพราะ กกต.ก็ไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องศาลเกี่ยวกับอำนาจและการจัดการเลือกตั้งของ กกต.กันภายหลัง”
นางสดศรียังกล่าวอีกว่า ปัญหากฎหมายลูก 2 ฉบับนั้น รัฐบาลจะมาบอกว่าให้ กกต.ต้องรับผิดชอบผู้เดียวคงไม่ได้ เพราะรัฐบาลกับ กกต.ต้องทำงานร่วมกัน เมื่อยุบสภาแล้วรัฐบาลก็จะกลายเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ กกต.จึงอยากให้ในระหว่างที่รัฐบาลมีอำนาจเต็มอยู่ ทำทุกอย่างให้จบเสียก่อน แล้วค่อยมีการยุบสภา ซึ่งการจัดการเลือกตั้งนั้นไม่เป็นปัญหาเลย เพราะเวลานี้ กกต.ก็มีการเตรียมแผนการต่างๆ ไว้เป็นตุ๊กตาแล้ว เช่น ถ้ายุบสภาวันที่เท่านี้ ช่วงนี้ต้องมีการรับสมัคร มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่จะใช้การจัดจ้างแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันการร้องเรียนว่ามีการทำมิชอบ โดยได้มีการประสานกับหน่วยงานของรัฐแล้วในการจะเป็นผู้จัดพิมพ์ เช่นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กกต.ยังมีความห่วงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่าอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง รวมทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทำให้นักการเมืองแต่ละฝ่ายไม่สามารถไปหาเสียงในทุกพื้นที่ได้ ซึ่ง กกต.กำลังพิจารณาว่าหากมีการยุบสภาแล้วอาจต้องขอกำลังทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยของผู้สมัคร โดยจุดนี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ กกต.ต้องของบประมาณในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้วงเงินสูงกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
“กกต.มีเจ้าหน้าที่ในแต่ละจังหวัดรวมแล้วแค่ 2 พันคนอุปกรณ์ในการป้องกันม็อบก็ไม่มี ถามว่าถ้าสถานการณ์ความขัดแย้งยังเป็นอยู่อย่างนี้ ฝ่ายหนึ่งไปหาเสียงในพื้นที่ของอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ในช่วงที่มีการเลือกตั้งควรมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่อยากให้พิจารณา ซึ่งในส่วนของกกต.ถ้าถึงจุดนั้นมีความรุนแรงเกิดขึ้น กกต.ก็อาจจำเป็นต้องเสนอขอเรื่องนี้ไปยังรัฐบาล”