ASTVผู้จัดการรายวัน – คลัง-แบงก์ชาติบรรลุข้อตกลง คงร่างกองทุนฟื้นฟูฯ ไว้พร้อมแก้กฎหมายโอนสินทรัพย์ทั้งหมดคืนกระทรวงการคลัง “อารีพงศ์” เผยยังมีความจำเป็นต้องมีเอฟไอดีเอฟ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดระทรวงการคลังเปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ได้ส่งร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เงินตรา พ.ศ. … เกี่ยวกับวิธีการลงบันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 บัญชีเรียบร้อย คาดว่าจะนำเสนอต่อนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป โดยหลักการเป็นการโอนผลประที่เกิดขึ้นระหว่างบัญชีหนุนหลังธนบัตรและบัญชีสำรองพิเศษเท่านั้น โดยไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับส่วนสำคัญคือในส่วนของทองคำที่เป็นส่วนหนุนหลังธนบัตร
ทั้งนี้การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.เงินตรา เพื่อให้บัญชีผลประโยชน์มีตัวเลขนิ่ง จะได้นำเงินไปชำระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูแลพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(เอฟไอดีเอฟ)ได้ นอกจากนั้นก็จะมีร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ที่จะต้องแก้ไขให้สามารถโอนสินทรัพย์ที่มีอยู่ในขณะนี้มายังกระทรวงการคลังได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้โอนหนี้ทั้งหมดมาที่กระทรวงการคลังแล้ว หลังจากนั้นก็จะเหลือเพียงโครงร่างเอฟไอดีเอฟไว้ โดยไม่ชำระบัญชีไปและยุบเลิกกองทุนไปในปี 2556 ตามที่มีใน พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ฉบับปัจจุบันเ
“กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ร่วมหารือและมีความเห็นเห็นตรงกันในเบื้องต้นว่า ไม่จำเป็นต้องยุบเลิกกองทุนไปคงเหลือไว้เพียงโครงร่างเท่านั้น เพราะในอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหากมีเหตุร้ายแรงจนกระทบระบบสถาบันการเงินเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เราก็จะได้มีเครื่องมือในการดูแลระบบสถาบันการเงินได้ แต่ต้องจำกัดการดูแล เพราะจะไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้จำนวนมากเหมือนอดีตแล้ว” นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับแนวคิดการรักษาโครงร่างของเอฟไอดีเอฟนั้นจะยังคงให้หน่วยงานนี้คงอยู่เพียงแค่ชื่อและตำแหน่งเปล่าๆ ไว้เท่านั้นหากประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาอีกครั้งและส่งผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินอย่างร้ายแรงก็สามารถส่งคนเข้าไปทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ ที่ยังคงไว้ในโครงของเอฟไอดีเอฟที่มีอยู่ได้
ขณะที่สถาบันประกันเงินฝาก ที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมา เพื่อดูแลเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินนั้น นายอารีพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันประกันเงินฝากมีเงินที่สมทบจากสถาบันการเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ยังถือว่าน้อย ที่จะดูแลสถาบันการเงิน ยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ที่จะสะสมเงินสมทบจากสถาบันการเงินทั้งหมด จึงมองว่า การที่จะมีโครงร่างเอฟไอดีเอฟไว้ด้วย ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยกว่า.
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดระทรวงการคลังเปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ได้ส่งร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เงินตรา พ.ศ. … เกี่ยวกับวิธีการลงบันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 บัญชีเรียบร้อย คาดว่าจะนำเสนอต่อนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้ในเร็วๆ นี้ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป โดยหลักการเป็นการโอนผลประที่เกิดขึ้นระหว่างบัญชีหนุนหลังธนบัตรและบัญชีสำรองพิเศษเท่านั้น โดยไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับส่วนสำคัญคือในส่วนของทองคำที่เป็นส่วนหนุนหลังธนบัตร
ทั้งนี้การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.เงินตรา เพื่อให้บัญชีผลประโยชน์มีตัวเลขนิ่ง จะได้นำเงินไปชำระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูแลพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(เอฟไอดีเอฟ)ได้ นอกจากนั้นก็จะมีร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ที่จะต้องแก้ไขให้สามารถโอนสินทรัพย์ที่มีอยู่ในขณะนี้มายังกระทรวงการคลังได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้โอนหนี้ทั้งหมดมาที่กระทรวงการคลังแล้ว หลังจากนั้นก็จะเหลือเพียงโครงร่างเอฟไอดีเอฟไว้ โดยไม่ชำระบัญชีไปและยุบเลิกกองทุนไปในปี 2556 ตามที่มีใน พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ฉบับปัจจุบันเ
“กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ร่วมหารือและมีความเห็นเห็นตรงกันในเบื้องต้นว่า ไม่จำเป็นต้องยุบเลิกกองทุนไปคงเหลือไว้เพียงโครงร่างเท่านั้น เพราะในอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหากมีเหตุร้ายแรงจนกระทบระบบสถาบันการเงินเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เราก็จะได้มีเครื่องมือในการดูแลระบบสถาบันการเงินได้ แต่ต้องจำกัดการดูแล เพราะจะไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้จำนวนมากเหมือนอดีตแล้ว” นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับแนวคิดการรักษาโครงร่างของเอฟไอดีเอฟนั้นจะยังคงให้หน่วยงานนี้คงอยู่เพียงแค่ชื่อและตำแหน่งเปล่าๆ ไว้เท่านั้นหากประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาอีกครั้งและส่งผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงินอย่างร้ายแรงก็สามารถส่งคนเข้าไปทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ ที่ยังคงไว้ในโครงของเอฟไอดีเอฟที่มีอยู่ได้
ขณะที่สถาบันประกันเงินฝาก ที่รัฐบาลได้ตั้งขึ้นมา เพื่อดูแลเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินนั้น นายอารีพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันประกันเงินฝากมีเงินที่สมทบจากสถาบันการเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ยังถือว่าน้อย ที่จะดูแลสถาบันการเงิน ยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ที่จะสะสมเงินสมทบจากสถาบันการเงินทั้งหมด จึงมองว่า การที่จะมีโครงร่างเอฟไอดีเอฟไว้ด้วย ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยกว่า.
