เอเอฟพี/รอยเตอร์ - “วิกฤตนิวเคลียร์” ในญี่ปุ่นทำท่าจะกระเตื้อง หลังคนงานโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิประสบความสำเร็จในการต่อกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังเตาปฏิกรณ์ เผยเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 สู่ภาวะเสถียร ขณะที่รัฐบาลห้ามจำหน่ายนมดิบและผักโขมในบางพื้นที่ แถมยังตรวจพบถั่วญี่ปุ่นปนเปื้อนรังสีที่ไต้หวัน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 21,000 คน เฉพาะมิยางิอาจถึง 15,000 คน
ความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีการรวมศูนย์เน้นหนักแก้ปัญหากันอย่างจริงจัง โดยที่เวลานี้มีวิศวกรและคนงานจำนวน 300 คนกำลังต่อสู้อย่างหนักภายในเขตอันตราย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ที่มีเตาปฏิกรณ์รวม 6 เครื่อง ต้องบังเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดในโลก นับตั้งแต่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลเมื่อ 25 ปีก่อน
คนงานเหล่านี้สวมชุดป้องกันที่ไม่แน่นอนว่าจะสามารถต่อสู้กับกัมมันตภาพรังสีที่บางช่วงก็อยู่ในระดับที่สูงมากได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็ประสบความสำเร็จในความพยายามที่จะต่อกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2 โดยที่งานชิ้นนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความพยายามของพวกเขาที่จะลดอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์เครื่องนี้ลง และจำกัดการรั่วไหลของรังสีที่อาจมีอันตรายถึงชีวิต
พวกเจ้าหน้าที่ของ โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ (เท็ปโก) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าแห่งนี้ แจ้งว่า คนงานยังกำลังมุ่งที่จะทำให้ห้องควบคุม ตลอดจนแสงสว่างและระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 กลับทำงานขึ้นมาใหม่ โดยที่ส่วนต่างๆ เหล่านี้ของเตาหมายเลข 1 ต่อเชื่อมด้วยสายไฟฟ้ากับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 2
นอกจากนั้น เท็ปโกบอกว่า คนงานยังสามารถต่อสายไฟฟ้าเข้าไปยังเตาปฏิกรณ์หมายเลข 5 และ หมายเลข 6 ขณะเดียวกันก็กำลังอาศัยเครื่องปั่นไฟใช้น้ำมันดีเซล มาใช้เดินระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ 2 เครื่องนี้ ซึ่งเท่าที่ผ่านมามีปัญหาน้อยกว่าเครื่องอื่นๆ อยู่แล้ว รวมทั้งคนงานยังทำให้อุณหภูมิของบ่อพักแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้วของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 5 และหมายเลข 6 ลดลงสู่ระดับปกติแล้วด้วย
ก่อนหน้านั้นก็มีข่าวดีออกมาจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 ว่า จากการที่ขบวนรถดับเพลิงช่วยกันระดมฉีดน้ำที่สูบขั้นมาจากทะเล อยู่เป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมงคิดเป็นปริมาณน้ำนับพันตันแล้ว เตาปฏิกรณ์เครื่องนี้ก็กำลังกลับเข้าสู่ภาวะเสถียร เนื่องจากแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้ในเตาปฏิกรณ์เครื่องนี้ มีส่วนผสมของพลูโตเนียมซึ่งการแผ่รังสีจะเป็นพิษภัยต่อสุขภาพของมนุษย์สูงกว่า จึงเป็นที่วิตกกังวลกันอย่างยิ่ง และการลดอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์เครื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกในการพยายามแก้ไขวิกฤตคราวนี้
บริษัทเท็ปโกแถลงว่า อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าที่จะส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 และหมายเลข 4 ซึ่งจะทำให้สามารถเปิดใช้ระบบสูบน้ำเพื่อหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่อยู่ตรงแกนกลางของเตา โดยไม่ต้องคอยฉีดน้ำจากภายนอกกันอีก
กระนั้น เทตสึโระ ฟูกูยามะ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าววานนี้ด้วยอาการผ่อนคลายมากขึ้นว่า “ผมคิดว่าสถานการณ์กำลังกระเตื้องขึ้นทีละขั้นๆ” ถึงแม้เขาจะเตือนด้วยว่าสถานการณ์ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ในขณะที่สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้าทำท่ากระเตื้องขึ้น แต่กลับมีความหวั่นกลัวกันเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับฝุ่นกัมมันตภาพรังสีที่ออกจากโรงงานในช่วงหลายๆ วันทีผ่านมา จะไปปนเปื้อนอาหารและน้ำ โดยที่วานนี้รัฐบาลได้สั่งห้ามจำหน่ายน้ำนมดิบที่ออกมาจากจังหวัดฟูกูชิมะ และผักโขมสปีแนช ที่มาจากพื้นที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่ารัฐบาลเตรียมการประชุมพิจารณาในวันนี้ (21) เพื่อออกประกาศมาตรการในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีก
ไม่เพียงในดินแดนอาทิตย์อุทัย มีรายงานจากไต้หวันว่าได้ตรวจพบไอโอดีนที่มีกัมมันตภาพรังสี และ ซีเซียม 137 ในถั่วปากอ้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นล็อตหนึ่ง ถึงแม้ปริมาณกัมมันตภาพรังสีที่ตรวจพบเหล่านี้ยังอยู่ต่ำกว่าระดับความปลอดภัยที่ไต้หวันกำหนดไว้
ที่กรุงโตเกียว ซึ่งอยู่ห่างลงมาทางใต้ราว 240 กิโลเมตรจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ภายหลังที่รัฐบาลแถลงในวันเสาร์ว่าได้ตรวจพบไอโอดีนเปื้อนรังสีในน้ำประปา ในปริมาณที่ยังไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ ปรากฏว่าวานนี้ถึงแม้ชาวเมืองจะพากันวิตกหวั่นไหว แต่ก็ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกอย่างกว้างขวางแต่อย่างใด
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ประสบภาวะวิกฤตภายหลังถูกถล่มด้วยแผ่นดินไหวความรุนแรง 9.0 แล้วตามด้วยคลื่นสึนามิที่ซัดกวาดอาณาบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติวานนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้วได้เพิ่มขึ้นเป็น 8,199 คน และจำนวนผู้สูญหายอยู่ที่ 12,722 คน
ถึงแม้วานนี้มีข่าวที่ให้กำลังใจ จากการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือคุณยายวัย 80 ปี และหลานชายวัย 16 ปีออกมาจากซากปรักหักพัง หลังจากที่พวกเขาติดอยู่นานถึง 9 วัน (อ่านละเอียดในหน้า 2) ทว่าก็มีข่าวเศร้าจาก นาโอโตะ ทาเกอูชิ ผู้กำกับการตำรวจจังหวัดมิยางิ ซึ่งระบุว่า เฉพาะแค่จังหวัดของเขา ก็จำเป็นต้องเตรียมสถานที่สำหรับเก็บศพที่น่าจะมีมากกว่า 15,000 ศพทีเดียว
จังหวัดมิยางิ ซึ่งคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มเมืองเล็กๆ หลายแห่ง จนทั่วทั้งเมืองอยู่ในสภาพเหมือนกล่องไม้ขีดที่ไม้ขีดต่างหล่นกระจายเกลื่อน เวลานี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการยังยืนอยู่ที่ 4,882 คน แต่เป็นที่คาดหมายได้ว่าตัวเลขจริงๆ จะสูงกว่านี้หลายเท่า