เอเอฟพี - ออสเตรเลีย, แคนาดา และ สิงคโปร์ เป็น 3 ชาติล่าสุด ที่งดนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นแล้ววานนี้ (23) ขณะที่ฝุ่นกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ มีระดับเพิ่มขึ้นจนสร้างความหวั่นวิตกไปทั่วโตเกียว
ยอดผู้เสียชีวิตและสูญหายจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและคลื่นยักษ์สึนามิที่ซัดถล่มชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งสูงกว่า 25,000 ราย ขณะที่อีกหลายแสนคนยังต้องอาศัยศูนย์ผู้อพยพเป็นที่พักพิง ส่วนประชาชนในกรุงโตเกียวก็เริ่มกังวลเรื่องน้ำดื่มที่พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี
วิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ทำให้สหรัฐฯและฮ่องกงตัดสินใจจำกัดการนำเข้าอาหารญี่ปุ่นแล้ว ส่วนฝรั่งเศสก็เรียกร้องให้สหภาพยุโรปใช้มาตรการเดียวกัน
ออสเตรเลียสั่งงดการนำเข้าอาหารจำพวกสาหร่ายทะเล, อาหารทะเล, ผลิตภัณฑ์นม ตลอดจนผลไม้และผักสด ที่ผลิตจาก 4 จังหวัดใกล้เคียงโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 250 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ทางการออสเตรเลียยืนยันว่า อาหารญี่ปุ่นที่วางขายอยู่ในขณะนี้มีความปลอดภัย เนื่องจากถูกขนส่งก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว และ “โอกาสที่ผู้บริโภคชาวออสเตรเลียจะได้รับสารกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนในอาหารญี่ปุ่นมีน้อยมาก”
สิงคโปร์หยุดนำเข้าผลิตภัณฑ์นมและอาหารจาก 4 จังหวัดใกล้โรงไฟฟ้า ได้แก่ ฟูกูชิมะ, กุนมะ, อิบารากิ และโทจิกิ ส่วนแคนาดาก็เพิ่มมาตรการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารจาก 4 จังหวัดดังกล่าวเช่นกัน
ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ), องค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ญี่ปุ่นได้เดินมาถูกทางแล้ว
“ญี่ปุ่นมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยของอาหาร, ตรวจวัดระดับรังสีในอาหาร และแจ้งผลการตรวจให้สาธารณชนได้รับทราบ”
อาฟเตอร์ช็อกรุนแรง 3 ครั้งที่เกิดขึ้นกลางดึกเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจชาวโตเกียวกว่า 30 ล้านคน ว่า เมืองหลวงของญี่ปุ่นล่วงพ้นกำหนดที่เชื่อกันว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มานานหลายทศวรรษแล้ว
ความหวาดหวั่นของชาวเมืองยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเมื่อมีการเปิดเผยว่า น้ำดื่มในโตเกียวมีปริมาณกัมมันตรังสีไอโอดีนสูงกว่าระดับปลอดภัยสำหรับทารกถึง 2 เท่า ส่งผลให้ประชาชนแห่ไปซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดจากร้านค้า หรือตู้จำหน่ายน้ำดื่มอัตโนมัติกันจ้าละหวั่น ขณะที่กรุงโตเกียวจะแจกจ่ายน้ำดื่มขนาด 550 มิลลิลิตร 3 ขวดต่อทารก 1 คน
กรุงโตเกียว แถลงวานนี้ (23) ว่า สามารถวัดปริมาณกัมมันตรังสีไอโอดีนได้ 210 เบคเคอเรลต่อน้ำ 1 กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าระดับปลอดภัยสำหรับทารก 100 เบคเคอเรล/กิโลกรัม แต่ยังต่ำกว่า 300 เบคเคอเรล/กิโลกรัม ซึ่งเป็นระดับปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่
ล่าสุด กรุงโตเกียวประกาศวันนี้ (24) ว่า ปริมาณกัมมันตรังสีไอโอดีนในน้ำดื่มลดลงเหลือเพียง 79 เบคเคอเรลต่อน้ำ 1 กิโลกรัม ซึ่งไม่เกินระดับปลอดภัยสำหรับทารก และยกเลิกคำเตือนการบริโภคน้ำประปาสำหรับทารกอายุไม่เกิน 1 ปีในขณะนี้
รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งระงับการกระจายสินค้าประเภทนมและผักสด ซึ่งยังไม่ผ่านการตรวจสอบจากจังหวัดฟูกุชิมะ และอีก 3 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกัน นอกจากนี้ยังให้เฝ้าจับตาระดับกัมมันตภาพรังสีในอีก 6 จังหวัดรอบๆกรุงโตเกียวอย่างใกล้ชิด
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ตรวจพบกัมมันตรังสีซีเซียมในผักคูคิตาจินะ ประมาณ 82,000 เบคเคอเรล ซึ่งสูงกว่าระดับปลอดภัยถึง 164 เท่า นอกจากนี้ ยังพบการปนเปื้อนรังสีในผักอีก 10 ชนิด ซึ่งรวมถึง กะหล่ำปลี และหัวผักกาดชนิดต่างๆ
