ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เสร็จศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กระทรวงมหาดไทยยังมีปมปัญหาสำคัญรอให้สะสาง...
บรรดา “สิงห์เสื้อน้ำเงิน”ในกระทรวงมหาดไทย ทั้งชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย-บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย-วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย -ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทย -มงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง-ศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย รวมถึงสิงห์เสื้อน้ำเงินตัวใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ”
คงต้องสุมหัวกันแล้วว่าจะเอาอย่างไรกับเก้าอี้ “อธิบดีกรมการปกครอง” จะคืนตำแหน่งให้”วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิชย์” ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กลับไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองอีกครั้งตามมติของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)
ที่มีมติและทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ต้องคืนเก้าอี้ให้วงศ์ศักดิ์ด้วยเหตุผลว่า การสั่งย้ายวงศ์ศักดิ์ที่คนเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีคือมานิต วัฒนเสน อดีตปลัดกระทรวงมหดาไทย เป็นการดำเนินการโดยมิชอบตามคำแถลงตอนหนึ่งเมื่อ 14 มีนาคมดังนี้
“ผลการพิจารณาก.พ.ค.จึงเห็นว่าคำสั่งย้ายดังกล่าวไม่ชอบจึงทำให้นายวงศ์ศักดิ์ ในฐานะผู้ร้องทุกข์ ยังคงมีสถานะเป็นอธิบดีกรมการปกครองเช่นเดิม ตั้งแต่วันที่มีผลยกเลิกคำสั่งและประกาศดังกล่าว
ส่วนนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครองเวลานี้จะแก้ปัญหาอย่างไร ก็เป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และคู่กรณีในการร้องทุกข์เรื่องนี้ ที่จะเยียวยาจัดหาตำแหน่งให้ปฏิบัติหน้าที่ให้อย่างเหมาะสมต่อไป”
เหตุที่สิงห์น้ำเงินทั้งหลายต้องสางปมปัญหาให้ได้ ก็เพราะหากคิดจะยื้อเรื่องนี้ออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้มงคล นั่งเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ไปจนถึงการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลง แม้ดูตามขั้นตอนแล้ว สามารถจะยื้อได้ แต่ก็สุ่มเสี่ยงว่าจะถูกเอาผิด หรือถูกวงศ์ศักดิ์ยื่นฟ้องศาลหรือไม่ หากกระทรวงมหาดไทยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของก.พ.ค.
เนื่องจากมาตรา 123 พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ระบุไว้ว่าเมื่อ ก.พ.ค.ได้พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ประการใดแล้ว ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี ดำเนินการไปตามคำวินิจฉัยของ ก.พค.
แม้ท่าทีของกระทรวงมหาดไทย จะไม่เด้งรับ และเห็นชัดว่าพยายามจะยื้อเรื่องนี้ด้วยการอ้างว่า มติก.พ.ค.ไม่จำเป็นที่กระทรวงมหาดไทยต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งเกรงว่าจะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ในการบริหารงานของกระทรวงมหาดไทย เพราะหากเอาวงศ์ศักดิ์กลับมาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง
คำถามก็มีอยู่ว่า แล้ว “มงคล” ที่พลาดหวังจากเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะให้ไปนั่งอยู่ในตำแหน่งไหน จะย้ายสลับไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แทนวงศ์ศักดิ์ ก็ถือว่าเป็นการลดชั้นอย่างมาก และมงคล คงไม่ยอมแน่นอน มีโอกาสจะฮึดสู้ ร้องคัดค้านคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อทำให้กระบวนการเอาวงศ์ศักดิ์ กลับกรมการปกครองถูกชะลอและยื้อไปอีกเรื่อยๆ
แม้ฝ่าย ก.พ.ค.ยืนกรานว่า มติก.พ.ค.ที่มีความเห็นในปัญหาของวงศ์ศักดิ์ ถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว กระทรวงมหาดไทยต้องยกเลิกคำสั่งย้ายวงศ์ศักดิ์ และนำเรื่องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทบทวนมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง โดยให้นายวงศ์ศักดิ์พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงไปเป็นอธิบดีกรมการปกครองตามเดิม ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2553
แต่เมื่อไม่มีอะไรจะเสีย “มงคล” ที่แน่นอนว่าต้องได้รับไฟเขียวจากพวกสิงห์น้ำเงินในกระทรวงมหาดไทย ก็คงต้องทำทุกอย่างเพื่อสกัดวงศ์ศักดิ์ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามขั้ว เนวิน-ชวรัตน์-ศักดิ์สยาม ไม่ให้กลับมาเป็นอธิบดีกรมการปกครองในช่วงปีสุดท้ายของการรับราชการ และในช่วงการเลือกตั้ง แน่นอน
“ทีมข่าวการเมือง ASTVผู้จัดการ” วิเคราะห์ว่าเรื่องนี้ ฝ่ายเนวิน-ชวรัตน์ และพรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมง่ายๆแน่ แม้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะยืนกรานให้กระทรวงมหาดไทยต้องปฏิบัติตามมติก.พ.ค.
เพราะพวกสิงห์น้ำเงิน ก็ย่อมรู้ดีว่าหากปล่อยให้วงศ์ศักดิ์กลับมาคุมกรมการปกครองอีกครั้งแถมคุมในช่วงการเลือกตั้ง ที่จะมีมือไม้สำคัญคือพวกนายอำเภอ-ปลัดอำเภอทั่วประเทศ ที่ย่อมนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้งได้เป็นอย่างดี และรู้กันดีว่าที่ผ่านมาสองปีกว่า กลุ่มภูมิใจไทย ได้วางคนของตัวเองไว้ในอำเภอหลักๆ ในจังหวัดต่างๆ พื้นที่เป้าหมายต้องการชัยชนะในการเลือกตั้งไว้หมดแล้ว
ดังนั้น หากวงศ์ศักดิ์ เข้ามาในช่วงนี้ ก็อาจทำให้แผนที่วางไว้ทั้งหมด ถูกวงศ์ศักดิ์ที่ฝ่ายภูมิใจไทยได้ข้อมูลมาว่ามีความใกล้ชิดกับแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนเข้ามารื้อได้
แถมอาจถูกเอาคืนด้วยการให้นายอำเภอฝ่ายตัวเองคอยสอดส่องดูแลการเลือกตั้งเป็นหูเป็นตาให้ในการช่วยจับผิดการเลือกตั้ง เพื่อหวังเอาผิดพรรคภูมิใจไทย
อันเป็นสิ่งที่พวกสิงห์เสื้อน้ำเงิน ก็รู้ดีว่าย่อมมีสิทธิเกิดขึ้นได้ จึงเชื่อว่า ฝ่ายภูมิใจไทย จะไม่สนใจกับท่าทีของอภิสิทธิ์ ที่ต้องการให้กระทรวงมหาดไทยคืนตำแหน่งให้วงศ์ศักดิ์แน่นอน
อันดับแรกคงยื้อเอาไว้จนถึงที่สุด หากไม่ไหวจริงๆ อภิสิทธิ์ลงมาบี้หลายรอบ เพราะอภิสิทธิ์ ก็คงไม่ต้องการให้ถูกคนมองว่าเสียหลักการในเรื่องนี้ เพราะไม่กล้าหือกับเนวิน และพรรคภูมิใจไทย
ยิ่งตอนนี้ฝ่าย เนวิน-ภูมิใจไทย กำลังสร้างอำนาจการต่อรองทางการเมืองไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ยังไม่มีการเลือกตั้ง ด้วยการจับมือกับ บรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพันธมิตรการเมืองกัน จนเหมือนกับการขู่กลายๆ อภิสิทธิ์ ว่าพร้อมจะสลัดมืออภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์เพื่อกลับไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลังการเลือกตั้งหากได้ข้อเสนอที่ดีกว่า
หากอภิสิทธิ์ที่พูดไปแล้วให้กระทรวงมหาดไทยทำตามมติ ก.พ.ค. แล้วสุดท้าย ภูมิใจไทย ยืนกรานไม่เอาด้วย ขวางวงศ์ศักดิ์สุดตัว อภิสิทธิ์ ก็คงต้องลงมาบี้หนักขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าไม่กล้าหือกับพรรคภูมิใจไทย เพราะกลัวภูมิใจไทยไปจับมือกับเพื่อไทยตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จนทำให้อดได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม ภูมิใจไทย ก็อาจต้องทำทีเป็นยอมเพื่อรักษาหน้ากันไป แต่ก็คงหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบยื้อให้มากที่สุด อันเห็นได้จากตอนนี้ก็ใช้วิธีการตั้งคณะกรรมการซื้อเวลากันไปก่อน
โดยมีคำสั่งของปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ลงนามเมื่อ 15 มีนาคม ตั้งคณะกรรมการศึกษาข้อกฎหมาย กรณีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ที่ให้กระทรวงมหาดไทย คืนตำแหน่งอธิบดีปกครองกับ วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ โดยให้ สุรพล พงทัดศิริกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน
ที่บอกว่าซื้อเวลา ก็เพราะเห็นได้จากคำให้สัมภาษณ์ของ วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่บอกว่าคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ และการให้นโยบายกับกรรมการชุดนี้เพื่อศึกษาข้อกฎหมายว่าจะให้กระทรวงมหาดไทยทำอย่างไรกับมติของก.พ.ค.ทางกระทรวงมหาดไทย แต่ไม่ได้ขีดเส้นระยะเวลาให้กับกรรมการว่า ต้องทำบทสรุปทางออกของเรื่องนี้เสนอต่อกระทรวงมหาดไทยภายในเวลากี่วัน เพียงแต่บอกว่าให้พิจารณาโดยรอบคอบที่สุดเท่านั้น
ทั้งที่ตามระเบียบปฏิบัติแล้ว ส่วนใหญ่เมื่อก.พ.ค.มีมติความเห็นใดๆ ออกมา หน่วยงานราชการที่เป็นต้นเรื่องจะต้องปฏิบัติตาม และทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งหลักปฏิบัติทั่วไป ก็จะต้องมีท่าทีอันชัดเจนภายใน 15 วัน แต่กับกรณีของวงศ์ศักดิ์ กลับพบว่าผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ กลับไม่แสดงท่าทีให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการยุติปัญหา
แค่นี้ก็พอเห็นแล้วว่า การคัมแบ็กของวงศ์ศักดิ์ในตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองคงไม่ง่ายอย่างที่คิด