xs
xsm
sm
md
lg

‘น้ามิ่ง’เหยื่อสึนามิน้ำลาย ‘มาร์ค’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์

อ่า! วิกฤติจากธรณีพิโรธ แผ่นดินไหว สึนามิ ตามมาด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในโรงงานไฟฟ้ามีปัญหา หิมะตก! ทำให้ญี่ปุ่นต้องระดมทรัพยากรควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้

ไม่ใช่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ใจหายใจคว่ำ จะ “เอาอยู่” หรือไม่ หลายชาติทั่วโลกต่างผวาไปต่างๆ นาๆ ถ้าโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย กัมมันตภาพรังสีแพร่กระจาย จะสยดสยองแค่ไหน ถ้าคนเป็นแสนๆ ล้านๆ ต้องเสี่ยงภัยหนีตาย

ไม่มีใครรู้จักความร้ายแรงของพลังของปรมาณูมากเท่าญี่ปุ่น เพราะโดนถล่มด้วยระเบิด 2 ลูกในช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือปี 1945 ประชาชนเสียชีวิตหลายแสนคน

ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้สงคราม เผชิญกับผลพวงของการประกาศศึกกับประเทศสหรัฐและกลุ่มพันธมิตร! แต่วิกฤติครั้งนี้เกิดจากภัยธรรมชาติ ซ้ำเติมด้วยอากาศหนาว การขาดแคลนอาหาร น้ำประปา เครื่องนุ่งห่ม ไฟฟ้า และสิ่งจำเป็นสำหรับการยังชีพ

เป็นทุกขเวทนาซึ่งคงไม่มีชาติใดตกอยู่ในสภาวะผีซ้ำด้ำพลอยในขณะนี้!

นี่ไม่ใช่เป็นปัญหาของญี่ปุ่น คนทั้งโลกต้องช่วยกัน เพราะผลที่จะตามมายังเหนือกว่าการประเมินในขณะนี้ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ต่อเนื่องอีกหลายปี

อาหารการกิน สินค้าทุกอย่างออกจากญี่ปุ่นต้องถูกตรวจหาสารกัมมันตภาพรังสี การส่งออกสินค้าญี่ปุ่นต้องมีปัญหา ผลที่เห็นชัดเจนคือร้านอาหารญี่ปุ่น สั่งอาหารทะเลจากญี่ปุ่น ต่อให้บอกว่าสั่งจากน่านน้ำอื่นๆ ก็คงไม่มีใครเชื่อ อยากเสี่ยง

ผลด้านดี คือความสมบูรณ์ของน่านน้ำในทะเลใกล้เคียงญี่ปุ่นอาจได้รับการฟื้นฟู เมื่อเรือประมงญี่ปุ่นถูกสึนามิถล่มเสียหายไปเยอะ เว้นแต่พวกไปหากินในน่านน้ำอื่นๆ หรือเรือล่าปลาวาฬ ซึ่งยังตระเวณฆ่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในมหาสมุทร ใครค้านก็ไม่ฟัง

ที่ว่ามายืดยาว เพราะผลกระทบต้องเกิดขึ้นระหว่างไทยและญี่ปุ่น แรงงานไทยต้องอยากกลับ กลุ่มอื่นๆ เช่นนักศึกษา ก็น่าจะเผ่นก่อนเช่นกันในเมื่องความเสี่ยงยังสูง

ดูก็แล้วกันว่าชาวโลกจะร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติครั้งนี้อย่างไร!

การเมืองบ้านเรา การอภิปรายผลัดกันด่าในสภา โดนข่าวต่างประเทศกลบไปเยอะ ทั้งวิกฤติญี่ปุ่นและการลุกฮือของคนอาหรับในตะวันออกกลางและอัฟริกาเหนือ จะลงเอยด้วยประชาธิปไตยแบบไหน หรือเกิดสงครามกลางเมืองเหมือนลิเบียต้องรอดูเช่นกัน

เมื่อศึกน้ำลายเกิดขึ้นระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล ย่อมมีเหยื่อ นั่นคือคนที่มือไม่ถึง แก้ตัวได้ไม่รอด เล่านิทานไม่เก่ง หรือโกหกหน้าซื่อตาใสยังไม่เนียน ต้องอาศัยหน้าด้าน

เหยื่อรายแรก วันแรก คือ “น้ามิ่ง โพเดี้ยง” ว่าที่นายกฯ คนใหม่นั่นเอง!

สภาพที่น่าสงสารก็คือ แม้แต่ความเป็นว่าที่นายกฯ คงเป็นได้เพียงงานเดียว ช่วงสั้นๆ ท่ามกลางบรรยากาศน่าขบขัน และน่าเวทนา โดยฝ่ายเดียวกัน และคนประชาธิปัตย์

ช่วงยืนเกาะโพเดี้ยม “น้ามิ่ง” พกความมั่นใจเต็มร้อย ร่ายยาวในสไตล์ดุเดือด ใช้ลีลาโวหาร ตีหน้ายักษ์ เข้มข้น เหมือนขุนศึกกระหายเลือด หวังโชว์ลีลาท่วงท่าว่าที่นายกฯ

นั่นแหละ! แค่นั้นไม่ครณามือ “มาร์ค โพเดียม” นักฆ่าเลือดเย็นจากแม่น้ำเทมส์ และแม่น้ำเจ้าพระยาผสมกัน กลายเป็นนายกฯ พันธุ์ผสมไทย-อังกฤษ

“น้ามิ่ง โพเดี้ยง” กว่าครึ่งค่อนชีวิตถูกบ่มเพาะด้วยโตโยต้า ซามูไร จึงไม่มีทางทาบติด! ต้องบอกว่า “น้ามิ่ง” พยายามมากเกินไป ต่างลีลา ไม่ใช่ตัวตนแท้จริง เป็นใครก็ไม่รู้ ออกแนวหมูน่อยท้าราชสีห์รบ มีหรือ “มาร์ค โพเดียม” จะปราณีให้กลับมาท้ารบอีก

ลำพังเป็นฝ่ายค้านธรรมดา ก็โดนยำเละอยู่แล้ว นี่หมายปองจะมาชิงเก้าอี้นายกฯ ก็ต้องโดน “มาร์ค โพเดียม” สั่งสอนจนเสียผู้เสียคน กลับบ้านถูกทางหรือเปล่าก็ไม่รู้!!

หรือกลับบ้านถูกแล้ว แต่ยังเมาพิษการเชือดโดย “มาร์ค โพเดียม” ทำให้ “น้ามิ่ง” ยังต้องงมหาเส้นทางกลับมาสภาฯ โดยพวกเดียวกันไม่ได้แสดงความเห็นใจ

ป่านนี้ “สิงห์เฉ-ลิม บางบอน” หยุดหัวเราะคิกคักหรือยัง! ชาวบ้านอยากรู้!

การไม่ประมาณตน ไม่ประเมินฝีมือทั้งเขาและเรา มีแต่ความอยากลองของ ทำให้ “น้ามิ่ง” ได้รับบทเรียนราคาแพง หมดสภาพและโอกาสต่อรองลุ้นเก้าอี้นายกฯ

เว้นแต่ว่า “น้ามิ่ง” ยังไม่เข็ด ออกแนวชอบโดนทรมานเหมือนพวกมาโซคิสต์!

ศึกปะทะคารม พ่นน้ำลายพิษใส่กันนั้นค่ายสะตอไม่เป็นรองใคร! รู้ๆ กันอยู่ว่าถ้าค่ายสะตอไม่รบกับใคร จะไม่ว่างศึกนานให้เรื้อสนามรบ ต้องหาเหตุฟัดกันเอง เหมือนเป็นการฝึกฝนเขี้ยวเล็บให้คมกริบ มีพิษเต็มร้อย ไม่ยอมให้ฝีมือตก สนิมเกาะจนเขรอะ!

ค่ายสะตออยู่รอดมาได้กว่า 60 ฤดูฝน ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นการโชกด้วยเลือดและน้ำลายฝ่ายตรงข้าม ที่อยู่ในสภาพศพไม่สวยมานักต่อนักแล้ว

รองฯ เทือก คนนิยมงานทุกอย่างด้านความมั่นคง ทั้งๆ ที่ผลตามมาทุกครั้งทำให้ตัวเองและพรรคไม่มั่นคง ยังใช้ลีลาผสมระหว่างความยืดยาด เยิ่นเย้อ ยืดยาว ใจกว้าง ป้อนคำตอบสารพัด ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้านไม่ได้ถาม เท่ากับใช้ความน่าเบื่อหน่ายเป็นอาวุธ

การทำให้เวลาผ่านไปกับประเด็นไร้สาระ เท่ากับเป็นการโหมโทสะฝ่ายค้านแดงให้ปรอทแตกนั่นเอง! นักล่าขุมทรัพย์ระดับสากทองในถ้ำลิเจีย ต้องเดินสะบัดก้นออกจากห้องประชุม ตัดใจไม่ยอมโชว์เครื่องแบบ อันเป็นเอกลักษณ์เดิมๆ จนชาวบ้านนึกว่าบ้าๆ บอๆ!

“เสี่ยกรณ์” ขุนคลังใช้ยุทธศาสตร์กินเวลาสร้างความน่าเบื่อหน่ายให้ฝ่ายค้านจนแทบเลิกราการไล่บี้ นอกจากพูดเรื่องไม่สนุก ชวนง่วงนอน ยังยืดยาวเกินความจำเป็น

ค่ายสะตอไม่น่ามีปัญหา จะมีรอยร้าวในพรรคร่วมรับประทานหรือไม่ เมื่อยุทธการเอาตัวรอดทำให้หลายคนเป็นเหยื่อน้ำลายฝ่ายค้าน! “ทักษิณ” คนหนีคุกชาวมอนเตเนโกร ยังอยากเป็นพี่เลี้ยง เล็มๆ “มาร์ค โพเดียม” แต่ตัวเองยังไม่มีพิษสง นอกจากเงินหนา!

ช่วงนี้ไม่ต้องหวังว่าการเมืองจะพ้นน้ำเน่า เพราะเป็นงานถนัดของค่ายสะตอ ต้องรออีกนาน หรือจน “มาร์ค โพเดียม” พ้นจากเก้าอี้นั่นแหละนิ! อิอิอิ!!!

กำลังโหลดความคิดเห็น