** การให้ประกันตัวฮาร์ดคอร์แดงคนแล้วคนเล่า ในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา คงเป็นสถานการณ์น่าเศร้าสำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย
ที่ต้องทนเห็นคนเกี่ยวพันกับการเผาบ้าน เผาเมืองที่หนีคดีไปนานเกือบ 10 เดือน เดินอาดๆ อยู่ในสังคมที่พวกเขาร่วมกันทำร้าย ทำลาย จนแทบจะฉิบหายย่อยยับ โดยที่คนเหล่านี้ทิ้งพี่น้องเสื้อแดง เอาตัวรอดหนีคุกไปโดยไม่รับผิดชอบต่อประชาชนที่พวกมันปลุกปั่นมาตาย เพื่อให้นายใหญ่เหยียบศพขึ้นทวงคืนอำนาจ
ที่ได้รับการประกันตัวไปแล้วคงไม่ไปกล่าวถึงให้เปลืองพื้นที่ แต่ที่ต้องตะโกนดังๆ เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบได้ยินคือ รายต่อไปที่อาจตะกายตึกกลับมามอบตัวคือ ไอ้กี้ร์ - อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ก่อการร้ายแดงฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ ซึ่งล่าสุดได้ปรากฏตัวผ่านคลิปวีดีโอ ซึ่งมีผู้ใช้นามว่า Thailandmirror อัพขึ้นเว็บไซต์ยูทูป มีเนื้อหาปฏิเสธข่าวการปรากฏตัวที่บ่อนปอยเปต ฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อเตรียมการเข้ามอบตัวว่าไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า จะมามอบตัวทันทีก็ต่อเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้แก่ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้งแล้วเท่านั้น
ตอนนี้นายกรัฐมนตรีประกาศกรอบเวลายุบสภาชัดเจนว่าไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ขณะที่ปฏิทินการเลือกตั้งก็ถูกกำหนดไว้คร่าวๆ แล้วโดย กกต. คือปลายเดือนมิถุนายนไม่เกินต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเท่ากับว่าเข้าเงื่อนไขที่ ไอ้กี้ร์ ระบุเอาไว้ คือ จะมอบตัวก็ต่อเมื่ออภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้ง
**สาเหตุที่ “ไอ้กี้ร์” ต้องการให้มีความชัดเจนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งก่อนที่จะเข้ามอบตัว โดยคาดหวังว่าจะได้รับการประกันตัวเฉกเช่นคนอื่นที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้วเกือบทั้งแก๊ง น่าจะเกิดจากความทะยานอยาก ที่เบื่อใส่เสื้อแดงอยากกลับไปใส่สูทอยู่ในห้องแอร์ในฐานะ ส.ส.เต็มแก่แล้ว
ดังนั้น หาก“ไอ้กี้ร์” กลับมาจริง ก็คงยื่นความจำนงค์กับพรรคเผาไทยทันทีว่า ต้องส่งมันลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับต้นๆ ที่ไร้ความเสี่ยง และสามารถรับประกันว่าได้เป็นส.ส.แน่นอน ซึ่งคงเป็นขั้นตอนที่สองซึ่ง “ไอ้กี้ร์” วางแผนให้กับตัวเองเอาไว้
แต่ก่อนที่จะไปถึงฝั่งฝัน ผู้มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมของบ้านเมือง ควรจะได้ดับฝันของคนเลวเสียแต่ต้นมือ ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งกรณีของ “ไอ้กี้ร์” ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้ประกันตัวเฉกเช่นคนอื่น
เพราะพฤติกรรมเฉพาะตัวของ “ไอ้กี้ร์” ต้องบอกว่า ดิบ ถ่อย เถื่อน โหด เลว และอำมหิต ต่อพี่น้องคนไทยอย่างยิ่ง ตั้งแต่การก่อคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อเดือนเมษายน ปี 52 หลังจากนั้นศาลมีเมตตาให้ประกันตัวออกมาสูดอิสรภาพนอกคุก แต่ก็หาทำให้ “ไอ้กี้ร์” รู้สำนึกไม่
ตรงกันข้ามกลับมีพฤติกรรมเลวร้ายทำลายชาติมากกว่าเดิม ด้วยการเดินสายปลุกปั่นคนเสื้อแดง ตั้งแต่การประกาศให้คนเสื้อแดงเอาขวดเข้ากรุงเทพฯให้ได้ 1 ล้านขวด เพื่อทำให้กรุงเทพฯเป็นทะเลเพลิง
ไม่เพียงเท่านั้น “ไอ้กี้ร์” ยังย่ามใจถึงขนาดประกาศบนเวทีคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก มีเนื้อหาดังนี้
**"วันนี้การต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ เป้าหมายคือคุก หรือไม่ก็ตายเท่านั้น พี่น้อง ผมขอบอกข่าวดีว่า เดิมทีนั้นคนเสื้อแดงมีเพียงพรรคการเมืองและมวลชนเท่านั้น แต่วันนี้ แก้วอีกประการหนึ่งที่เรารอ นั่นคือ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย เขาพร้อมสนับสนุนและปกป้องคนเสื้อแดง และพร้อมที่จะเป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้ากองทัพทำร้ายประชาชน พวกเรามาที่นี่ มาดูน้ำหน้าทหารทั้งหลาย วันนี้ทางภาคใต้ มีการรวมพล รวมทหาร ปฏิญาณตน ต้องบอกว่า ให้ฟังคำสั่งเจ้านาย ให้ฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นหลัก"
นอกจากนี้ “ไอ้กี้ร์” คนเดียวกันนี้ ยังพาพวกไปบุกกกต. และประกาศจะยุบชีวิต กกต. ถ้าไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
ไม่เพียงเท่านั้น “ไอ้กี้ร์” ยังพาคนเสื้อแดงไปบุกบ้านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และข่มขู่โดยใช้ถ้อยคำดังนี้ " ดีนะที่นายอภิสิทธิ์ไม่อยู่บ้าน ถ้าอยู่เราจะเอาเลือดจากศีรษะนายอภิสิทธิ์ มาล้างตีน"
ที่สำคัญคือก่อนเกิดเหตุชายชุดดดำโจมตีทหารกลางสี่แยกคอกวัวไม่ถึงยี่สิบนาที “ไอ้กี้ร์” คนนี้แหละ ที่ประกาศบนเวทีสี่แยกราชประสงค์ว่า “สงครามเต็มรูปแบบกำลังจะเกิดขึ้น” จากนั้นการถล่มทหารด้วยอาวุธหนัก ก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความสูญเสียของชาติไทย
แม้กระทั่งระหว่างหนีคดีจากการเผาบ้านเผาเมืองปลายปีที่แล้ว “ไอ้กี้ร์” ก็ยังร่อนจดหมายปลุกระดมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองภายในประเทศ ด้วยแผนการและถ้อยคำรุนแรง เช่นในตอนหนึ่ง ระบุว่า
" พี่น้องจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง การลุกขึ้นของประชาชนครั้งนี้ ถ้าถูกทหารตำรวจใช้ความรุนแรงปราบปรามด้วยอาวุธต่างๆ เราจะสู้ด้วยวิธีของประชาชน เราจะตะโกนบอกฟ้า เรียกชื่อจริงของคนสั่งฆ่าให้ลั่นไปทั่วโลก เพื่อให้โลกรับรู้เสียที และเราพร้อมสู้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราขอวิงวอนถึงทหาร ตำรวจ ทุกท่าน ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะได้พิจารณาตัดสินใจว่า ท่านจะเลือกยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน หรือจะเลือกยืนอยู่ข้างอำมาตย์ และรับใช้รัฐบาลทรราชที่ไล่ฆ่าประชาชน
แม้ประชาชนจะไม่มีอาวุธ ก็ไม่แพ้ เพราะเราจะรวมกันสู้อย่างเป็นระบบโดย มีฝ่ายสนับสนุน ที่จะส่งเสริมอุปกรณ์ อุดหนุนเงินทุน ช่วยเหลือในด้านการเผยแพรข่าวสาร ความชั่วร้ายของรัฐบาลและสถาบันอำมาตย์ ทั้งทางอินเตอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆให้มากที่สุด อีกฝ่ายทำหน้าที่สู้รบรับผิดชอบประกบตัวการชั่ว ที่ทำร้ายประชาชน เช่นคนในรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจ ราชการ องค์กรอิสระ ตุลาการ ศาลผู้พิพากษา ที่รับใช้อำมาตย์และรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่ชอบบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยก โดยจำเป็นต้องจัดการให้หมดแบบสะดวกใครสะดวกมัน คือใครใกล้คนไหน ก็จัดการคนนั้น โดยเราหวังเพียงพัฒนาเปลี่ยนแปลงระบบการปครองชาติ และประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรม ความเท่าเทียม และรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคน ทุกสถาบัน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้น และผู้ฆ่าประชาชนต้องรับโทษ"
จดหมายจุดชนวนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของ “ไอ้กี้ร์” ได้ปอกเปลือก เปิดแผนชั่วของคนเสื้อแดงไว้อย่างชัดแจ้ง ว่ามีเป้าประสงค์อย่างไร โดยเฉพาะวลีสุดท้ายที่ว่า "เราหวังให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคน ทุกสถาบัน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้"
ความหมายคืออะไร คงไม่ต้องมานั่งอธิบาย เลวร้ายไปกว่านั้นคือ การระบุว่าเราจะตะโกนบอกฟ้า เรียกชื่อจริงของคนสั่งฆ่าให้ลั่นไปทั่วโลก ซึ่งคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด จะรู้ดีว่า “ไอ้กี้ร์” หมายถึงอะไร เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการแจกใบปลิวใส่ร้ายบุคคลอันเป็นที่เคารพเทิดทูนยิ่งของคนไทยทั้งชาติ ว่าเป็นผู้สั่งฆ่าประชาชน
พฤติกรรมของ “ไอ้กี้ร์” ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ แต่มันยังมีทัศนคติ และการกระทำที่เป็นมหันตภัยต่อสถาบันหลักของชาติด้วย
** ถามใจดีเอสไอ อัยการ และศาล ว่า “ไอ้กี้ร์” สมควรได้รับการประกันตัวหรือไม่ !
ที่ต้องทนเห็นคนเกี่ยวพันกับการเผาบ้าน เผาเมืองที่หนีคดีไปนานเกือบ 10 เดือน เดินอาดๆ อยู่ในสังคมที่พวกเขาร่วมกันทำร้าย ทำลาย จนแทบจะฉิบหายย่อยยับ โดยที่คนเหล่านี้ทิ้งพี่น้องเสื้อแดง เอาตัวรอดหนีคุกไปโดยไม่รับผิดชอบต่อประชาชนที่พวกมันปลุกปั่นมาตาย เพื่อให้นายใหญ่เหยียบศพขึ้นทวงคืนอำนาจ
ที่ได้รับการประกันตัวไปแล้วคงไม่ไปกล่าวถึงให้เปลืองพื้นที่ แต่ที่ต้องตะโกนดังๆ เพื่อให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบได้ยินคือ รายต่อไปที่อาจตะกายตึกกลับมามอบตัวคือ ไอ้กี้ร์ - อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ก่อการร้ายแดงฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ ซึ่งล่าสุดได้ปรากฏตัวผ่านคลิปวีดีโอ ซึ่งมีผู้ใช้นามว่า Thailandmirror อัพขึ้นเว็บไซต์ยูทูป มีเนื้อหาปฏิเสธข่าวการปรากฏตัวที่บ่อนปอยเปต ฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อเตรียมการเข้ามอบตัวว่าไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่า จะมามอบตัวทันทีก็ต่อเมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้แก่ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้งแล้วเท่านั้น
ตอนนี้นายกรัฐมนตรีประกาศกรอบเวลายุบสภาชัดเจนว่าไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ขณะที่ปฏิทินการเลือกตั้งก็ถูกกำหนดไว้คร่าวๆ แล้วโดย กกต. คือปลายเดือนมิถุนายนไม่เกินต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเท่ากับว่าเข้าเงื่อนไขที่ ไอ้กี้ร์ ระบุเอาไว้ คือ จะมอบตัวก็ต่อเมื่ออภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้ง
**สาเหตุที่ “ไอ้กี้ร์” ต้องการให้มีความชัดเจนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งก่อนที่จะเข้ามอบตัว โดยคาดหวังว่าจะได้รับการประกันตัวเฉกเช่นคนอื่นที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้วเกือบทั้งแก๊ง น่าจะเกิดจากความทะยานอยาก ที่เบื่อใส่เสื้อแดงอยากกลับไปใส่สูทอยู่ในห้องแอร์ในฐานะ ส.ส.เต็มแก่แล้ว
ดังนั้น หาก“ไอ้กี้ร์” กลับมาจริง ก็คงยื่นความจำนงค์กับพรรคเผาไทยทันทีว่า ต้องส่งมันลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับต้นๆ ที่ไร้ความเสี่ยง และสามารถรับประกันว่าได้เป็นส.ส.แน่นอน ซึ่งคงเป็นขั้นตอนที่สองซึ่ง “ไอ้กี้ร์” วางแผนให้กับตัวเองเอาไว้
แต่ก่อนที่จะไปถึงฝั่งฝัน ผู้มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมของบ้านเมือง ควรจะได้ดับฝันของคนเลวเสียแต่ต้นมือ ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งกรณีของ “ไอ้กี้ร์” ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้ประกันตัวเฉกเช่นคนอื่น
เพราะพฤติกรรมเฉพาะตัวของ “ไอ้กี้ร์” ต้องบอกว่า ดิบ ถ่อย เถื่อน โหด เลว และอำมหิต ต่อพี่น้องคนไทยอย่างยิ่ง ตั้งแต่การก่อคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา เมื่อเดือนเมษายน ปี 52 หลังจากนั้นศาลมีเมตตาให้ประกันตัวออกมาสูดอิสรภาพนอกคุก แต่ก็หาทำให้ “ไอ้กี้ร์” รู้สำนึกไม่
ตรงกันข้ามกลับมีพฤติกรรมเลวร้ายทำลายชาติมากกว่าเดิม ด้วยการเดินสายปลุกปั่นคนเสื้อแดง ตั้งแต่การประกาศให้คนเสื้อแดงเอาขวดเข้ากรุงเทพฯให้ได้ 1 ล้านขวด เพื่อทำให้กรุงเทพฯเป็นทะเลเพลิง
ไม่เพียงเท่านั้น “ไอ้กี้ร์” ยังย่ามใจถึงขนาดประกาศบนเวทีคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก มีเนื้อหาดังนี้
**"วันนี้การต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ เป้าหมายคือคุก หรือไม่ก็ตายเท่านั้น พี่น้อง ผมขอบอกข่าวดีว่า เดิมทีนั้นคนเสื้อแดงมีเพียงพรรคการเมืองและมวลชนเท่านั้น แต่วันนี้ แก้วอีกประการหนึ่งที่เรารอ นั่นคือ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย เขาพร้อมสนับสนุนและปกป้องคนเสื้อแดง และพร้อมที่จะเป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้ากองทัพทำร้ายประชาชน พวกเรามาที่นี่ มาดูน้ำหน้าทหารทั้งหลาย วันนี้ทางภาคใต้ มีการรวมพล รวมทหาร ปฏิญาณตน ต้องบอกว่า ให้ฟังคำสั่งเจ้านาย ให้ฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นหลัก"
นอกจากนี้ “ไอ้กี้ร์” คนเดียวกันนี้ ยังพาพวกไปบุกกกต. และประกาศจะยุบชีวิต กกต. ถ้าไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
ไม่เพียงเท่านั้น “ไอ้กี้ร์” ยังพาคนเสื้อแดงไปบุกบ้านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และข่มขู่โดยใช้ถ้อยคำดังนี้ " ดีนะที่นายอภิสิทธิ์ไม่อยู่บ้าน ถ้าอยู่เราจะเอาเลือดจากศีรษะนายอภิสิทธิ์ มาล้างตีน"
ที่สำคัญคือก่อนเกิดเหตุชายชุดดดำโจมตีทหารกลางสี่แยกคอกวัวไม่ถึงยี่สิบนาที “ไอ้กี้ร์” คนนี้แหละ ที่ประกาศบนเวทีสี่แยกราชประสงค์ว่า “สงครามเต็มรูปแบบกำลังจะเกิดขึ้น” จากนั้นการถล่มทหารด้วยอาวุธหนัก ก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความสูญเสียของชาติไทย
แม้กระทั่งระหว่างหนีคดีจากการเผาบ้านเผาเมืองปลายปีที่แล้ว “ไอ้กี้ร์” ก็ยังร่อนจดหมายปลุกระดมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองภายในประเทศ ด้วยแผนการและถ้อยคำรุนแรง เช่นในตอนหนึ่ง ระบุว่า
" พี่น้องจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง การลุกขึ้นของประชาชนครั้งนี้ ถ้าถูกทหารตำรวจใช้ความรุนแรงปราบปรามด้วยอาวุธต่างๆ เราจะสู้ด้วยวิธีของประชาชน เราจะตะโกนบอกฟ้า เรียกชื่อจริงของคนสั่งฆ่าให้ลั่นไปทั่วโลก เพื่อให้โลกรับรู้เสียที และเราพร้อมสู้ทุกวิถีทาง เพื่อที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราขอวิงวอนถึงทหาร ตำรวจ ทุกท่าน ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะได้พิจารณาตัดสินใจว่า ท่านจะเลือกยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน หรือจะเลือกยืนอยู่ข้างอำมาตย์ และรับใช้รัฐบาลทรราชที่ไล่ฆ่าประชาชน
แม้ประชาชนจะไม่มีอาวุธ ก็ไม่แพ้ เพราะเราจะรวมกันสู้อย่างเป็นระบบโดย มีฝ่ายสนับสนุน ที่จะส่งเสริมอุปกรณ์ อุดหนุนเงินทุน ช่วยเหลือในด้านการเผยแพรข่าวสาร ความชั่วร้ายของรัฐบาลและสถาบันอำมาตย์ ทั้งทางอินเตอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆให้มากที่สุด อีกฝ่ายทำหน้าที่สู้รบรับผิดชอบประกบตัวการชั่ว ที่ทำร้ายประชาชน เช่นคนในรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจ ราชการ องค์กรอิสระ ตุลาการ ศาลผู้พิพากษา ที่รับใช้อำมาตย์และรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่ชอบบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยก โดยจำเป็นต้องจัดการให้หมดแบบสะดวกใครสะดวกมัน คือใครใกล้คนไหน ก็จัดการคนนั้น โดยเราหวังเพียงพัฒนาเปลี่ยนแปลงระบบการปครองชาติ และประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรม ความเท่าเทียม และรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคน ทุกสถาบัน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้น และผู้ฆ่าประชาชนต้องรับโทษ"
จดหมายจุดชนวนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของ “ไอ้กี้ร์” ได้ปอกเปลือก เปิดแผนชั่วของคนเสื้อแดงไว้อย่างชัดแจ้ง ว่ามีเป้าประสงค์อย่างไร โดยเฉพาะวลีสุดท้ายที่ว่า "เราหวังให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคน ทุกสถาบัน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้"
ความหมายคืออะไร คงไม่ต้องมานั่งอธิบาย เลวร้ายไปกว่านั้นคือ การระบุว่าเราจะตะโกนบอกฟ้า เรียกชื่อจริงของคนสั่งฆ่าให้ลั่นไปทั่วโลก ซึ่งคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด จะรู้ดีว่า “ไอ้กี้ร์” หมายถึงอะไร เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการแจกใบปลิวใส่ร้ายบุคคลอันเป็นที่เคารพเทิดทูนยิ่งของคนไทยทั้งชาติ ว่าเป็นผู้สั่งฆ่าประชาชน
พฤติกรรมของ “ไอ้กี้ร์” ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ แต่มันยังมีทัศนคติ และการกระทำที่เป็นมหันตภัยต่อสถาบันหลักของชาติด้วย
** ถามใจดีเอสไอ อัยการ และศาล ว่า “ไอ้กี้ร์” สมควรได้รับการประกันตัวหรือไม่ !