xs
xsm
sm
md
lg

เขมรยื่นศาลโลกหวังฮุบ4.6ตร.กม. พธม.ค้านJBC3ฉบับ อัดรัฐปล่อยวีระตายคาคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ เตือนหากสภาฯผ่าน เจบีซี 3 ฉบับ ไทยจะเสียดินแดน 1.8 ล้านไร่ เตรียมออกมาตรการต้าน "ประพันธ์" จวกรัฐบาลไม่ช่วย "วีระ" หวังให้ตายในคุกเขมร ด้านกก.สิทธิฯเยี่ยม "วีระ-ราตรี" เผย "วีระ" อัดรัฐบาลไทยไม่จริงใจช่วยเหลือ "ฮุน เซน" ตั้งทีมยื่นศาลโลกตีความคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหารใหม่ หวังฮุบ 4.6 ตร.กม.

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (16 มี.ค. ) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายประพันธ์ กล่าวว่า ตลอด 51 วัน ของการชุมนุม ได้มีการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงผ่านเวทีปราศรัย ที่มีความหนักแน่น และมีเหตุผล จนยากที่จะปฏิเสธได้ถึงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ทำให้คนไทยตกต่ำ เสื่อมเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี ที่ให้กัมพูชาเหยียบย่ำมาโดยตลอด ในอดีตเราเคยถูกชาวกัมพูชาเผาธงชาติ และเผาสถานทูต แต่ก็ไม่ได้มีมาตรการตอบโต้ใดๆ พอมายุคนี้หนักขึ้นไปอีก เมื่อต้องสูญเสียดินแดน และอธิปไตย

** จวกรัฐบาลไม่ช่วยวีระ-ราตรี

นายประพันธ์ กล่าวถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 คนไทย ที่ยังถูกคุมขังอยู่ที่กัมพูชาว่า ไม่น่าให้อภัยรัฐบาล เมื่อพบว่านายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกมายอมรับว่า 2 คนไทย ยังไม่ได้ลงนามในหนังสือเพื่อขอถอนคำอุทธรณ์ และขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะทางการกัมพูชาไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยเข้าพบนายวีระ และน.ส.ราตรี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูมาก ที่รัฐบาลไทยไม่รู้จักใช้สิทธิที่จะเข้าพบผู้ต้องขังที่เป็นคนไทย ทั้งที่เป็นรัฐซึ่งมีสิทธิเข้าพบผู้ต้องหาที่เป็นพลเมืองของตนเองได้ตลอดเวลา ไม่ว่าโดยหลักกฎหมาย หรือสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างประเทศ จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดรัฐบาลไทยถึงได้ตกต่ำเพียงนี้

ที่สำคัญเมื่อย้อนกลับไปยังพบว่ากระทรวงการต่างประเทศโดย นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขาฯ รมว.ต่างประเทศ ที่ออกมาระบุ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ว่า ทั้ง 2 คนไทยได้ลงนามในหนังสือขออภัยโทษไปแล้ว รวมทั้งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาระบุในทำนองเดียวกัน ในวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา แสดงว่ารัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และคนใกล้ชิด นายกฯ มีพฤติกรรมต้องการให้ประชาชนชาวไทย และญาติของนายวีระ เข้าใจผิด

" ขอประณามรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ ว่ามีความอำมหิต ไม่ทำหน้าที่ของรัฐบาลที่เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ในฐานะรัฐไทยที่มีประชากร 66 ล้านคน มีศักยภาพทุกอย่าง มีข้อตกลงทางกฎหมายที่จะช่วยเหลือคุ้มครองสิทธิพลเมืองให้คนของเรา แต่รัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือคุณวีระ และคุณราตรีเลย " นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรจะแสดงความรับผิดชอบ แต่วันนี้รัฐบาลทำตัวแบบคนหูทวนลม มีอคติต่อประชาชนไทยผู้รักชาติ ไม่ฟังเสียงประชาชน หากรัฐบาลยังอยู่ในจุดยืนนี้ วันหนึ่งประชาชนทั้งประเทศจะทนไม่ได้ ซึ่งก็ไม่อาจคาดได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะทุกวันนี้พี่น้องประชาชนไทย มีความอึดอัด คับแค้นใจ ต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาล แม้แต่ข้อเสนอการขอโอนย้ายผู้ต้องโทษจากกัมพูชา ที่มีสนธิสัญญากันอยู่ ก็ไม่ทำ ทั้งที่เป็นช่องทางที่ประนีประนอมที่สุดแล้ว รัฐบาลยังไม่เดินหน้าใดๆ เลย ขณะที่ญาติของทั้ง 2 คนได้แจ้งความประสงค์ให้ต่อรัฐบาลไปแล้ว

นายประพันธ์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศอ้างว่าติดเงื่อนไขต่างๆไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้งที่ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นผู้เสนอแนวคิดการโอนย้ายตัวผู้ต้องโทษ ระบุชัดเจนว่า ที่ผ่านมาไทยส่งนักโทษกลับกัมพูชา 800 กว่าคน ขณะที่กัมพูชาส่งกลับมาไทยเพียง 8 คน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องต่างตอบแทน ที่จะสามารถไปเจรจาในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆได้

**รัฐบาลสมคมฮุนเซนขังวีระตายคาคุก

โฆษกคณะกรรมการฯ กล่าวต่อว่า เรามีกรมคุ้มครองสิทธิประชาชน สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีงบประมาณ และหน้าที่ช่วยคนไทยที่ไปตกทุกข์ต่างแดน ไม่ว่าจะเผชิญภัยธรรมชาติ หรือการต่อสู้คดี กรมนี้มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ แต่เรื่องนี้กลับไม่ออกมาทำหน้าที่ แม้แต่เรื่องของทนายความที่ต้องดำเนินการให้ ไม่ใช่หน้าที่ของประชาชนไทยที่จะไปให้การช่วยเหลือได้ จะให้ประชาชนเคลื่อนไปกดดันกัมพูชาหรือเผาสถานทูตกัมพูชา ก็ไม่ใช่วิถีของพวกเรา ภาคประชาชนจึงพยายามชี้ช่องให้แล้ว แต่ไม่มีการตอบสนอง

"แสดงให้เห็นว่า ทั้งรัฐบาลไทยและนายฮุนเซน สมคบกันให้นายวีระ ถูกขังต่อไป ซึ่งรายงานข่าวทางลับก็ทราบมาว่า ผู้มีอำนาจทางทหาร และรัฐบาล ต้องการให้นายวีระตายในคุกเขมร เพราะนายวีระ เป็นปากเป็นเสียงไปขัดขวางช่องทางหาประโยชน์ของนักการเมืองของทั้ง 2 ประเทศ" นายประพันธ์ กล่าว

** ชาติเสียหายหากสภาผ่านเจบีซี 3 ฉบับ

ในส่วนการพิจารณาร่างบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ( เจบีซี ) 3 ฉบับ ในสัปดาห์หน้านั้นนายประพันธ์ กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ยื่นเตือนทั้งรัฐบาล และสมาชิกรัฐสภา ไม่ให้นำบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงที่จะทำให้ประเทศชาติต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวง เท่ากับเป็นการยอมรับการสูญเสียดินแดนอธิปไตยอย่างเป็นทางการ ซึ่งยากที่จะโต้แย้งในเวทีระหว่างประเทศได้ ทำให้หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล ก็ยากที่จะเรียกร้องดินแดนคืนมา ดังนั้นการชุมนุมจึงต้องยืนหยัดต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะหามาตรการมากลั่นแกล้งพวกเราอย่างไรก็ตาม จนกว่าปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข ทั้งนี้จะมีการกำหนดมาตรการเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ร่างทั้ง 3 ฉบับได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย โดยในส่วนการดำเนินคดีก็จะเป็นไปตามขั้นตอน หากมีการพิจารณาเห็นชอบบันทึกทั้ง 3 ฉบับของรัฐสภา

**ไทยจะเสียดินแดน 1.8 ล้านไร่

ด้านพล.ต.จำลอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทีมงานอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้ให้ประชาชนไทยเห็นว่า หากรัฐบาลยังดึงดันในแนวนโยบายเช่นนี้ จะทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนอีก 1.8 ล้านไร่ ใน 7 จังหวัด ตั้งแต่ จ .อุบลราชธานี ถึง จ.ตราด เฉลี่ยแล้วแต่ละจังหวัดจะเสียดินแดนไปกว่า 2 แสนไร่ ซึ่งจะเริ่มนำเสนอให้คนไทยได้ทราบว่า ที่ดินส่วนใดบ้างที่จะสูญเสียไป เพราะกัมพูชาไม่หยุดอยู่แค่พื้นที่ 4.6 ตร.กม. หรือ 2.8 พันไร่ รอบปราสาทพระวิหารเท่านั้น ต้องการรุกรานไทยตลอดแนวยชายแดน

พล.ต.จำลอง ยังได้กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎรด้วยว่า ปัญหาเรื่องการสูญเสียดินแดน ถือเป็นเรื่องใหญ๋ที่สุดในชีวิต แต่นัการเมืองกลับไม่เห็นความสำคัญ แม้กระทั่งในที่ประชุมสภาฯ ก็ไม่มีการพูดถึงเท่าที่ควร เพราะพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลมีแผลที่มีส่วนในการทำหน้าสูญเสียดินแดนเหมือนกัน

" วันนี้เราได้สูญเสียดินแดนไปแล้ว แต่ผมขอยืนยันว่า คนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดิน อย่าเพิ่งท้อ เนื่องจากยังมีความหวังเรียกคืนมาได้ หากรัฐบาลทำตาม 3 ข้อเรียกร้องที่เราได้เสนอไป" พล.ต.จำลองกล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า มีอดีต พ.อ.หญิงคนหนึ่ง มาเสนอกับตนว่า ทันทีที่รัฐบาลสลายการชุมนุมขอให้เรียกผู้ที่เสียเงินไปคนละ 1 บาท ให้แก่รัฐบาลในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในการต่อสู้คดีเข้าพระวิหาร เมื่อปี 2505 ให้ออกมารวมแสดงพลังกับผู้ชุมนุมตรงนี้ด้วย เพราะทราบว่าคนเหล่านั้น มีความโกรธแค้นรัฐบาลไทยมากที่กำลังจะซ้ำรอยกรณีสูญเสียปราสาทพระวิหาร

ส่วนกรณีของนายวีระ และน.ส.ราตรี นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่ผ่านรัฐบาลไม่มีความความพยายามที่จะช่วยเหลือเท่าที่ควร ทั้งที่มีช่องทางมากมาย จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชา สมคบกันในการไม่ต้องการให้นายวีระ กลับประเทศไทยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง ในสิ่งที่ตัวเองในเผชิญตลอดเวลาที่ถูกจับกุมอยู่ในกัมพูชา ทำให้ผู้มีอำนาจเสียประโยชน์ได้

**กก.สิทธิฯเผย"วีระ"ป่วยหนักต้องรีบรักษา

วานนี้ ( 16 มี.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกเอกสารข่าว ชี้แจงความคืบหน้าการคุ้มครองสิทธิ นายวีระ และน.ส.ราตรี ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำในประเทศกัมพูชาว่า กก.สิทธิฯได้ติดตาม ตรวจสอบข้อเท็จจริง และความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา นายปริญญา ศิริสารการ กก.สิทธิฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิฯได้เดินทางไปพบ นายวีระ และ น.ส.ราตรี ที่เรือนจำประเทศกัมพูชา และทราบข้อมูลว่า การเจ็บป่วยของนายวีระ มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม และเท่าทันต่ออาการของโรค

ทั้งนี้ นายวีระ และน.ส.ราตรี ได้ตั้งข้อสังเกตกับทางคณะว่า " รัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง ไม่ว่ากรณีการการเจ็บป่วย หรือกรณีการยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลกัมพูชา" รวมทั้งแจ้งให้คณะทราบว่า จะขอพระราชทานอภัยโทษ โดยต้องยื่นเรื่องขอถอนการอุทธรณ์คำพิพากษา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากหากยังอุทธรณ์ จะทำให้ระยะเวลายืดเยื้อ และหากได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว อาจต้องใช้ช่องทางการพิสูจน์ความยุติธรรม ผ่านทางศาลอาญาระหว่างประเทศ ส่วนน.ส.ราตรี ให้ข้อมูลว่า การที่ไม่ได้รับสิทธิที่จะพบทนาย ทำให้เกิดผลเสียอย่างยิ่งเพราะไม่มีโอกาสต่อสู้คดี หรือเตรียมเอกสารใดๆ เลย ซึ่ง น.ส.ราตรี ก็จะไม่อุทธรณ์คดี ด้วยเหตุผลเดียวกับนายวีระฯ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ศาลกัมพูชาไม่เปิดโอกาสให้นำพยานบุคคล หรือเอกสารไปแก้ต่างในกระบวนการพิจารณาได้

นอกจากนั้นจากการที่ นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกก.สิทธิฯ และน.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการฯ ได้เข้าพบ รมว.ต่างประเทศ เพื่อทราบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว

ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้เน้นย้ำว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งทางด้านความเป็นอยู่ และกฎหมาย รวมทั้ง การประสานทนายความอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกก.สิทธิฯ จะนำข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่ายไปประมวลเพื่อช่วยเหลือนายวีระฯ และน.ส.ราตรี ต่อไป

*** ผลประชุมเจบีซี 3 ฉบับ เข้าสภา 29 มี.ค.

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) โดยมีนายอัษฎา ชัยนาม เป็นประธานในที่ประชุม ว่า เป็นการประชุมเตรียมความพร้อม หลังจากอินโดนีเซียเสนอวันประชุมวันที่ 7-8 เมษายน 2554 ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยประเด็นสำคัญที่จะนำไปหารือคือ การคัดเลือกบริษัทถ่ายภาพทางอากาศ การเดินสำรวจหลักหมุด ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมจะดำเนินการตามสนธิสัญญาและอนุสัญญาต่างๆ ตามหลักการ และเชื่อมั่นว่า การประชุมดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ เพราะกัมพูชามีข้อแม้เพียงให้รัฐสภารับรองผลการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งได้รับแจ้งจากทางสภาฯ ว่า จะเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทันการประชุม

**"เครือข่ายแม่"ร้องส.ว.ส่งหมอตรวจ"วีระ"ด่วน

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. เครือข่ายหัวอกแม่ นำโดยนางดวงธรรม อุดมรักษ์ พร้อมตัวแทนแม่ 18 คนยื่นหนังสือต่อ นส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว. กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ศึกษาตรวจสอบ ทุจรติและเสริมสร้างธรรมาภิบาลวุฒิสภา วุฒิสภา นส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี และนายวรวิทย์ บารู ส.ว. ปัตตานี ในฐานะกมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อเรียกร้องให้นายวีระ ที่กำลังป่วยหนักได้รับการรักษาจากแพทย์ เพื่อให้หายจากจากโรคที่เป็นอยู่

**เขมรยื่นศาลโลกตีความคำตัดสินเขาพระวิหาร

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 54 สำนักข่าวด่วนของกัมพูชา รายงานว่านายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจำนวน 5 คน คือ นายฮอ นำฮง รมว.ต่างประเทศ เป็นประธาน และมีคณะกรรมการอีก 4 คน ประกอบด้วย นายวา กึมฮง รัฐมนตรีดูแลกิจการพรมแดน นายอวน ปันธ์มุนีรัตน์ เลขาธิการกระทรวงเศรษฐกิจ นายลง วิซาโล เลขาธิการกระทรวงการต่างประเทศ และนายอุจ กึมอัน เอกอัครข้าราชทูตกัมพูชาประจำประเทศฝรั่งเศส เพื่อร่วมกันทำการจัดเตรียมอรรถคดี และเอกสาร ยื่นเสนอต่อศาลโลก เพื่อตีความหมายของคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2505 ใหม่อีกครั้ง ว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆปราสาทพระวิหารได้ตกเป็นของกัมพูชาพร้อมกับปราสาทเก่าแก่ด้วยหรือไม่.
กำลังโหลดความคิดเห็น