xs
xsm
sm
md
lg

คลอด 6 มาตรการตะเพิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน-ผู้ว่าฯเมืองคอน ขอกฟผ.ย้ายชั่วคราว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - เครือข่ายต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินประกาศมาตรการเดินหน้า 6 มาตรการ โดยจะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ภายใน 120 วัน พร้อมแนะผู้บริหาร กฟผ.เลิกฟังเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ชงข้อมูลผิดๆ เพราะมีการอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่าสำนักงานโดนลอบปา และมีชาวบ้านสนับสนุนให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้น ทว่าหาคนตัวเป็นๆ ยืนยันไม่ได้ แต่ให้หันมาฟังเสียงของประชาชนดีกว่า ด้านผู้ว่าฯ หวั่นเดือดออกหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าการกฟผ. ขอให้ย้ายสำนักงานโครงการออกจากพื้นที่ไว้ก่อน

ความคืบหน้ากรณีเครือข่ายคัดค้านต่อต้านโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในพื้นที่ อ.หัวไทร และ อ.ท่าศาลา หลังจากที่ได้มีการเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามทวงถามมาตรการในการยื่นเงื่อนไขให้มีการย้ายสำนักงานโครงการและบุคลากรของศูนย์ข้อมูลพัฒนาพลังงานไฟฟ้า กฟผ.ออกจากพื้นที่นครศรีธรรมราช เนื่องจากเกรงว่าสถานการณ์มีแนวโน้มของความปั่นป่วนรุนแรงมากขึ้น

เมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค. แกนนำและเครือข่ายต่อต้านโรงไฟฟ้าจำนวนมาก ประกอบด้วยเครือข่ายวลัยลักษณ์เพื่อปวงชน เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา เครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน อ.หัวไทร และเครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้า อ.จะนะ ได้รวมตัวกันที่หน้าอาคารไทยบุรี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นำโดยว่าที่ ร.ต.กำพล จิตตะนัง นายวิชาญ เชาวลิต นายบุญโชค แก้วแกม นายบรรจง นะแส นายกิตติภพ สุทธิสว่าง นายประเสริฐ คงสงค์ และนายทรงวุฒิ พัฒแก้ว นายสมิง พัฒนานนท์ และทีมงาน โดยมีการกล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ในการเข้าร่วมประกาศจุดยืนคัดค้านโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในพื้นที่นครศรีธรรมราช และร่วมกันประกาศมาตรการในการเคลื่อนไหวกดดันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ในการยุติโครงการที่สร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความรักความสามัคคีในชุมชน

จากนั้น ในเวลาประมาณ 23.00 น.ตัวแทนภาคีเครือข่ายปกป้องนครศรีธรรมราชได้ร่วมกันขึ้นเวทีเพื่ออ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เรื่อง มาตรการปกป้องนครศรีธรรมราช สาระสำคัญ คือ ข้อ 1 ให้ นายกรัฐมนตรีเร่งรัดการดำเนินการกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยเร่งด่วน ข้อ 2 ไม่เลือก ไม่สนับสนุน ไม่ลงคะแนนเสียงให้แก่บุคคล กลุ่มบุคคล และพรรคการเมืองที่สนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน

ข้อ 3 จะจัดงานชุมนุมใหญ่ ภายใน 120 วัน ในพื้นที่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อกำหนดอนาคตของ จ.นครศรีธรรมราช และภาคใต้ ข้อ 4 การพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมด้านพลังงาน ต้องเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไม่ส่งผลกระทบ ข้อ 5 การพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ต้องเลือกแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ข้อ 6 ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์การต่อสู้ของภาคีเครือข่ายปกป้องนครศรีธรรมราช จะยึดแนวทางสันติวิธีและไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยจะดำเนินการตามมาตรการทั้ง 6 ข้อ ตั้งแต่ วันที่ 16 มี.ค.2554 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แสดงความวิตกกังวลในเรื่องนี้อย่างมาก ล่าสุดได้ออกหนังสือที่ นศ.0036/5487 ลงวันที่ 15 มี.ค.2554 ถึง ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยมีสาระสำคัญคือ ได้มีข้อเรียกร้องจากประชาชนเครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินยื่นข้อเรียกร้องให้ ย้ายศูนย์ประสานงานและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ท่าศาลาและหัวไทร ออกจากพื้นที่นครศรีธรรมราชก่อน ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดปัญหาความขัดแย้งของราษฎรในพื้นที่ จึงขอให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิจารณาดำเนินการตามข้อเรียกร้องด้วย หนังสือดังกล่าวระบุและลงนามโดยนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช

ส่วนความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่กฟผ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานตามปกติในพื้นที่ โดยในพื้นที่ท่าศาลานั้นมีการเลี่ยงบาลี ปิดที่ทำการเดิม แต่ไปเปิดห้องทำการใหม่ที่อยู่ใกล้กัน ขณะที่ในพื้นที่ อ.หัวไทร ยังคงทำการปกติ และศูนย์ประสานงานหลักที่ตั้งอยู่ในสถานีย่อยไฟฟ้าแรงสูง ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงทำงานต่อไปตามปกติ ในขณะที่ผู้บริหารศูนย์ได้ถูกเรียกตัวขึ้นไปยัง กทม.ด้วยภารกิจบางอย่าง

นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา เปิดเผยว่า ขอเรียกร้อง ให้ กฟผ.หยุดสร้างสถานการณ์ยั่วยุให้รุนแรงเสียเอง เช่น การขว้างปาสำนักงาน ตรงนี้ใครก็ทราบว่าเจ้าหน้าที่นั่งทำงานและเฝ้า 24 ชั่วโมง ใครจะเข้าไปทำอะไรได้พูดเอง เออเองทั้งนั้น และ กฟผ.เลิกใช้มือที่สามออกมาป่วนเสียที

ทั้งนี้ หากจะอ้างว่ามีคนยอมรับ มีคนต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหิน เปิดเผยรายชื่อตรงไปตรงมา มีกี่คน ใครบ้าง ลงชื่อเป็นลายลักษณ์อักษร แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เปิดเวทีสาธารณะการยอมรับอย่างเป็นกระบวนการทางวิชาการ ไม่ใช่อ้างลอยๆนั่งคิดเอง เออเอง รายงานผู้บริหารแบบมั่วๆ ในส่วนของผู้บริหารก็ต้องเลิกฟังเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่คอยชงข้อมูลผิดๆ มีสติในการฟังกระแสสังคมเสียบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น