ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเล็งผ่อนคลายเงินไหลออกนอกประเทศเพิ่มเติม คาดจะเพิ่มเม็ดเงินลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศให้มากกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ พร้อมทั้งเพิ่มเงินลงทุนในต่างประเทศของบริษัทคนไทย หลังพบนักลงทุนไทยยื่นคำขอนำเงินออกในปีนี้เพียบ เผยคนไทยสนใจซื้อบ่อน้ำมัน!
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ขณะนี้สายตลาดการเงินของธปท.อยู่ระหว่างศึกษาแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มวงเงินให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุน พร้อมทั้งช่วยสร้างความสมดุลในการเคลื่อนย้ายเงินทุนให้มีความเสรีมากขึ้น หลังจากธปท.ได้ผ่อนคลายเกณฑ์ระเบียบการลงทุนในต่างประเทศครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีก่อน
ทั้งนี้ การผ่อนคลายการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศในครั้งนี้อาจจะมีการขยายวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธปท.อนุมัติวงเงินในหลักทรัพย์ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดสรรให้แก่นักลงทุนไทยจำนวน 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนไทย โดยเฉพาะนิติบุคคลในลักษณะของกองทุนต่างๆ ของไทยที่ไปลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในต่างประเทศค่อนข้างมาก นอกจากนี้อาจจะพิจารณาเพิ่มวงเงินให้แก่บุคคลธรรมดาไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมากขึ้นเช่นกัน
"ล่าสุดมีบริษัทคนไทยสนใจยื่นคำขอนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการกระจายแหล่งผลิตในต่างประเทศให้กว้างขวางขึ้นหรือขยายตลาดด้านอื่นๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่ง รวมไปถึงพัฒนากลับขึ้นไปสู่แหล่งต้นน้ำ เช่น จากเดิมทีที่มีการซื้อน้ำมันในต่างประเทศอาจหันไปซื้อบ่อน้ำมันแทน เป็นต้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจของสายตลาดการเงินของธปท. พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 54 เป็นต้นมา การลงทุนโดยตรงของภาคเอกชนไทยในต่างประเทศเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากและแนวโน้มการลงทุนในลักษณะนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งแม้ในปัจจุบันธปท.ได้เปิดให้ภาคเอกชนไทยสามารถลงทุนได้ไม่จำกัดอยู่แล้ว หากมีเหตุผลที่เหมาะสม และมีความเป็นไปได้ในการลงทุน
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ขณะนี้สายตลาดการเงินของธปท.อยู่ระหว่างศึกษาแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มวงเงินให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุน พร้อมทั้งช่วยสร้างความสมดุลในการเคลื่อนย้ายเงินทุนให้มีความเสรีมากขึ้น หลังจากธปท.ได้ผ่อนคลายเกณฑ์ระเบียบการลงทุนในต่างประเทศครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีก่อน
ทั้งนี้ การผ่อนคลายการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศในครั้งนี้อาจจะมีการขยายวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธปท.อนุมัติวงเงินในหลักทรัพย์ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดสรรให้แก่นักลงทุนไทยจำนวน 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนไทย โดยเฉพาะนิติบุคคลในลักษณะของกองทุนต่างๆ ของไทยที่ไปลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในต่างประเทศค่อนข้างมาก นอกจากนี้อาจจะพิจารณาเพิ่มวงเงินให้แก่บุคคลธรรมดาไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมากขึ้นเช่นกัน
"ล่าสุดมีบริษัทคนไทยสนใจยื่นคำขอนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการกระจายแหล่งผลิตในต่างประเทศให้กว้างขวางขึ้นหรือขยายตลาดด้านอื่นๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่ง รวมไปถึงพัฒนากลับขึ้นไปสู่แหล่งต้นน้ำ เช่น จากเดิมทีที่มีการซื้อน้ำมันในต่างประเทศอาจหันไปซื้อบ่อน้ำมันแทน เป็นต้น"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจของสายตลาดการเงินของธปท. พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 54 เป็นต้นมา การลงทุนโดยตรงของภาคเอกชนไทยในต่างประเทศเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากและแนวโน้มการลงทุนในลักษณะนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งแม้ในปัจจุบันธปท.ได้เปิดให้ภาคเอกชนไทยสามารถลงทุนได้ไม่จำกัดอยู่แล้ว หากมีเหตุผลที่เหมาะสม และมีความเป็นไปได้ในการลงทุน