นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า การเคลื่อนย้ายเงินทุนในขณะนี้ยังไม่มีอะไรพิเศษเห็นได้จากเงินบาทมีการเคลื่อนไหวที่ไม่หวือหวา แต่ค่อนข้างไปทางนิ่งด้วยซ้ำ ซึ่งธปท.เองก็เข้าไปดูแลน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ธปท.พร้อมจะติดตามสถานการณ์เงินทุนไหลเข้าออกต่อไป
โดยการลงทุนในตลาดหุ้น บางสัปดาห์นักลงทุนต่างชาติมีทั้งการซื้อและขายสลับกันไป ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ยังเป็นซื้อสุทธิอยู่ ซึ่งระยะหลังมีการซื้อสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedge) มากขึ้น เพราะนักลงทุนเริ่มรู้สึกว่าเงินบาทอาจมีการเคลื่อนไหว 2 ทิศทางหรือมีโอกาสทั้งแข็งหรืออ่อนมากขึ้น ทำให้ขณะนี้เงินทุนจากต่างประเทศยังคงเป็นไหลเข้าสุทธิอยู่
**ห่วงปัญหาลิเบียกระทบน้ำมัน-ศก.โลก**
สำหรับเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในลิเบียนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในทางตรงประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากลิเบียอยู่ห่างไทยค่อนข้างมาก อีกทั้งการค้าขายก็ไม่มากนัก แต่ในทางอ้อมก็ต้องเฝ้าติตามสถานการณ์ เนื่องจากลิเบียมีบ่อน้ำมันค่อนข้างมาก ซึ่งหากมีปัญหาอาจกระทบราคาน้ำมันและส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกได้
**ย้ำยังไม่เปลี่ยนมาใช้เงินเฟ้อทั่วไป**
ผู้ว่าการธปท.กล่าวถึงกรณีที่ม.ร.ว.จัตุมงค โสณกุล ประธานคณะกรรมการธปท.(กกธ.) เสนอให้ธปท.ใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปแทนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ใช้เป็นตัวกำหนดการดำเนินนโยบายการเงินในปัจจุบัน ซึ่งช่วยสะท้อนความเป็นจริงมากกว่าว่า การนำอัตราเงินเฟ้อทั่วไปหรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมาใช้มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แต่ในระยะสั้นหรือภายในปีนี้ยังคงใช้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่อเป้าหมายนโยบายการเงินและมีผลต่อความเชื่อมั่นได้
ทั้งนี้ การใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะคำนวณรวมราคาพลังงานและอาหารสดไปด้วย ทำให้ในแง่ดีประชาชนมีความคุ้นเคย แต่ข้อเสียราคาอาจขึ้นลงตามฤดูกาลค่อนข้างมาก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่คิดคำนวณรวม อาทิ อาหารสำเร็จรูป ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ซึ่งมองว่าตัวนี้ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้แกว่งตัวมากนัก
จึงเป็นเรื่องปกติของการดำเนินนโยบายการเงินที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะต้องติดตามและพิจารณาเรื่องนี้เป็นระยะๆ อยู่แล้ว
โดยการลงทุนในตลาดหุ้น บางสัปดาห์นักลงทุนต่างชาติมีทั้งการซื้อและขายสลับกันไป ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ยังเป็นซื้อสุทธิอยู่ ซึ่งระยะหลังมีการซื้อสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedge) มากขึ้น เพราะนักลงทุนเริ่มรู้สึกว่าเงินบาทอาจมีการเคลื่อนไหว 2 ทิศทางหรือมีโอกาสทั้งแข็งหรืออ่อนมากขึ้น ทำให้ขณะนี้เงินทุนจากต่างประเทศยังคงเป็นไหลเข้าสุทธิอยู่
**ห่วงปัญหาลิเบียกระทบน้ำมัน-ศก.โลก**
สำหรับเหตุการณ์ประท้วงทางการเมืองในลิเบียนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในทางตรงประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากลิเบียอยู่ห่างไทยค่อนข้างมาก อีกทั้งการค้าขายก็ไม่มากนัก แต่ในทางอ้อมก็ต้องเฝ้าติตามสถานการณ์ เนื่องจากลิเบียมีบ่อน้ำมันค่อนข้างมาก ซึ่งหากมีปัญหาอาจกระทบราคาน้ำมันและส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกได้
**ย้ำยังไม่เปลี่ยนมาใช้เงินเฟ้อทั่วไป**
ผู้ว่าการธปท.กล่าวถึงกรณีที่ม.ร.ว.จัตุมงค โสณกุล ประธานคณะกรรมการธปท.(กกธ.) เสนอให้ธปท.ใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปแทนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ใช้เป็นตัวกำหนดการดำเนินนโยบายการเงินในปัจจุบัน ซึ่งช่วยสะท้อนความเป็นจริงมากกว่าว่า การนำอัตราเงินเฟ้อทั่วไปหรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมาใช้มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แต่ในระยะสั้นหรือภายในปีนี้ยังคงใช้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่อเป้าหมายนโยบายการเงินและมีผลต่อความเชื่อมั่นได้
ทั้งนี้ การใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะคำนวณรวมราคาพลังงานและอาหารสดไปด้วย ทำให้ในแง่ดีประชาชนมีความคุ้นเคย แต่ข้อเสียราคาอาจขึ้นลงตามฤดูกาลค่อนข้างมาก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่คิดคำนวณรวม อาทิ อาหารสำเร็จรูป ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ซึ่งมองว่าตัวนี้ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้แกว่งตัวมากนัก
จึงเป็นเรื่องปกติของการดำเนินนโยบายการเงินที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะต้องติดตามและพิจารณาเรื่องนี้เป็นระยะๆ อยู่แล้ว
