วานนี้ (11 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวินัย พาณิชยานุบาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหวนกิจ (1999) จำกัด ซึ่งเป็นพ่อค้าไม้รายใหญ่ในภาคเหนือ และนายประวัติ ถนัดค้า รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 144 และ ม.149 เป็นผู้ให้และรับสินบน เพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการโดยทุจริต
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 พ.ย.48 โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ ซึ่งมีพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้เบิกเงินจำนวน 5 ล้านบาทออกไปหลังจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้ทำการตรวจสอบ และอายัดไม้สักท่อน ของบริษัทสหวนกิจฯ มูลค่า 180 ล้านบาทไว้ มาเบิกความยืนยัน ซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมโจทก์ปากอื่น ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถอนเงิน5 ล้านบาท แล้วนำไปบรรจุไว้ในกล่องกระดาษโดยใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วนำไปให้จำเลยที่ 2 ที่บ้านพัก ซึ่งพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ โจทก์ยังเป็นพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางเขน เป็นพยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้มาเบิกเงินด้วยตัวเอง สอดคล้องกับผลการตรวจลายนิ้วมือบนธนบัตรพบลายนิ้วมือของจำเลยทั้งสอง พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยที่ 2 ปล่อยไม้ที่อายัด เป็นความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน เพื่อไม่กระทำการตามหน้าที่โดยทุจริต และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบน เพื่อไม่กระทำการตามหน้าที่โดยทุจริต ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ขอให้ศาลรอลงอาญา เพราะไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน เห็นว่า การกระทำของจำเลยมีความร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นลง 2 ปี นับว่าสาสมแก่โทษแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างจึงไม่สมควรรอลงอาญาให้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก นายประวัติ ถนัดค้า จำเลยที่ 2 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน รับทรัพย์สินหรือสินบน ตาม ป.อาญา ม.149 เป็นเวลา 5 ปี ส่วนนายวินัย พานิชยานุบาล เจ้าของบริษัท สหวนกิจ (1999) จำกัด พ่อค้าไม้รายใหญ่ ในจังหวัดภาคเหนือ จำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ให้ทรัพย์สินหรือสินบนแก่เจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา ม.144 ลงโทษจำคุก 2 ปี
ต่อมาญาติของจำเลยทั้งสองได้มายื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลก็อนุญาตให้จำเลยทั้งสองประกันตัวไประหว่างฎีกาโดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท แต่ห้ามมิให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อครั้งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 2540 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี รณรงค์ระดมทุนตั้งกองทุนช่วยชาติ โดยมีประชาชนมาบริจาคเงินจำนวนมาก ขณะเดียวกัน นายประวัติ ก็หอบเงิน 5 ล้านบาทมาบริจาค โดยอ้างว่ามีบุคคลนำเงินดังกล่าวใส่กล่องของขวัญมาวางไว้ โดยนายชวน เห็นว่าเป็นเงินต้องสงสัย จึงไม่รับบริจาคพร้อมกับสั่งตั้งกรรมการสอบสวน จึงทราบว่าเป็นเงินสินบนที่ได้รับจากการเซ็นอนุมัติปล่อยไม้สาละวิน จึงถูกฟ้องดำเนินคดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 พ.ย.48 โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ ซึ่งมีพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้เบิกเงินจำนวน 5 ล้านบาทออกไปหลังจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ได้ทำการตรวจสอบ และอายัดไม้สักท่อน ของบริษัทสหวนกิจฯ มูลค่า 180 ล้านบาทไว้ มาเบิกความยืนยัน ซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมโจทก์ปากอื่น ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถอนเงิน5 ล้านบาท แล้วนำไปบรรจุไว้ในกล่องกระดาษโดยใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วนำไปให้จำเลยที่ 2 ที่บ้านพัก ซึ่งพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ โจทก์ยังเป็นพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางเขน เป็นพยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้มาเบิกเงินด้วยตัวเอง สอดคล้องกับผลการตรวจลายนิ้วมือบนธนบัตรพบลายนิ้วมือของจำเลยทั้งสอง พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยที่ 2 ปล่อยไม้ที่อายัด เป็นความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน เพื่อไม่กระทำการตามหน้าที่โดยทุจริต และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบน เพื่อไม่กระทำการตามหน้าที่โดยทุจริต ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ขอให้ศาลรอลงอาญา เพราะไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน เห็นว่า การกระทำของจำเลยมีความร้ายแรง ที่ศาลชั้นต้นลง 2 ปี นับว่าสาสมแก่โทษแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างจึงไม่สมควรรอลงอาญาให้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก นายประวัติ ถนัดค้า จำเลยที่ 2 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน รับทรัพย์สินหรือสินบน ตาม ป.อาญา ม.149 เป็นเวลา 5 ปี ส่วนนายวินัย พานิชยานุบาล เจ้าของบริษัท สหวนกิจ (1999) จำกัด พ่อค้าไม้รายใหญ่ ในจังหวัดภาคเหนือ จำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ให้ทรัพย์สินหรือสินบนแก่เจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา ม.144 ลงโทษจำคุก 2 ปี
ต่อมาญาติของจำเลยทั้งสองได้มายื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลก็อนุญาตให้จำเลยทั้งสองประกันตัวไประหว่างฎีกาโดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท แต่ห้ามมิให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อครั้งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 2540 รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี รณรงค์ระดมทุนตั้งกองทุนช่วยชาติ โดยมีประชาชนมาบริจาคเงินจำนวนมาก ขณะเดียวกัน นายประวัติ ก็หอบเงิน 5 ล้านบาทมาบริจาค โดยอ้างว่ามีบุคคลนำเงินดังกล่าวใส่กล่องของขวัญมาวางไว้ โดยนายชวน เห็นว่าเป็นเงินต้องสงสัย จึงไม่รับบริจาคพร้อมกับสั่งตั้งกรรมการสอบสวน จึงทราบว่าเป็นเงินสินบนที่ได้รับจากการเซ็นอนุมัติปล่อยไม้สาละวิน จึงถูกฟ้องดำเนินคดี