xs
xsm
sm
md
lg

สลด!เด็ก1ขวบตายแล้ว เหยื่อไฟใต้ปะทุไม่หยุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สุดเศร้าหนูน้อยวัย 1 ขวบเหยื่อกระสุนโจรใต้สิ้นใจในอ้อมกอดแม่ตามผู้เป็นตา หลังแพทย์ยื้อชีวิตไม่สำเร็จ ด้าน "กอ.รมน.นราฯ" สั่งเอกซเรย์เป้าหมายพื้นที่เฝ้าระวังครอบคลุมที่พักข้าราชการทุกแห่ง สกัดโจรใต้ป่วนซ้ำ เชื่อคาร์บอมแฟลตตำรวจศรีสาคร แนวร่วมหันใช้แผนสำรอง หลังเข้าไม่ถึงเป้าหมายสถานที่ราชการโดยตรง "มาร์ค"จี้เข้มข้นระบบตรวจสอบ รับการปฏิบัติยังไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน "สุเทพฯ"ทำเสียงแข็งไม่ให้ใครยึดพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ด.ญ.บุญธิสา มาลายานนท์ อายุ 1 ปี 2 เดือนที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี หลังจากที่คนร้ายลอบยิง ด.ต.สุพล กล่อมพล อายุ 62 ปี อดีตตำรวจเกษียนราชการ สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ผู้เป็นตาเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ขณะขับรถยนต์พา ด.ญ.บุญธิสา หลานสาวขับรถกลับบ้านพักใน อ.ปะนาเระ เมื่อช่วงเย็นเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากที่ทีมแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิตจนสุดความสามารถ แต่เนื่องจาก ด.ญ.บุญธิสา ถูกกระสุนปืนของคนร้ายบริเวณไหล่ซ้ายทะลุปอดอาการสาหัส แพทย์ได้พยายามผ่าตัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เด็กมีอาการช็อคและเสียชีวิตในอ้อมกอดของพ่อ แม่ และญาติที่เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

"เป็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายและสร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงติดต่อกันให้กับชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดปัตตานี นับตั้งแต่เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงพระในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ ยิงข้าราชการตำรวจและเด็กจนเสียชีวิต ทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ได้อย่างโหดร้ายทารุณ ซึ่งล่าสุดได้ส่งทีมแพทย์นักจิตวิทยาเข้าไปปลอบขวัญและดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวผู้สูญเสียทุกๆ รายอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการเข้าไปปรับความรู้สึกของชาวบ้านในพื้นที่ไม่ให้ความโกรธเข้ามาเป็นตัวจุดชนวนทำให้เกิดความหวาดระแวงกันในกลุ่มชาวบ้านที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกันเพราะจะเป็นการเข้าทางโจรได้"

อย่างไรก็ตาม สำหรับศพของ ด.ญ.บุญธิสา และ ด.ต.สุพล ได้มีพิธีรดน้ำศพและตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประจันตคาม ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเข้าร่วมพิธีด้วยท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า

**กอ.รมน.นราฯสั่งเอกซเรย์ที่พักขรก.

ด้าน พ.อ.สมพล ปานกุล รองผอ.กอ.รมน.จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า เหตุการณ์คาร์บอมบ์บริเวณแฟลตตำรวจ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นับเป็นเหตุการณ์ที่คนร้ายกล้าลงมือค่อนข้างอุกอาจที่ขับรถที่ซุกซ่อนระเบิดไปจอดบริเวณที่จอดรถของแฟลตตำรวจ โดยคนร้ายอาศัยจังหวะช่วงสายนำรถเข้าไปจอด ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่อยู่ในจุดดังกล่าวมากนัก ทำให้คนร้ายใช้โอกาสนี้เข้ามาก่อเหตุได้สำเร็จ

แต่ขณะเดียวกันก็มีผลทั้งในแง่ดีและแง่เสีย เนื่องจากพื้นที่จอดรถส่วนใหญ่จะมีเจ้าของ ซึ่งคนในแฟลตจะทราบดีว่ารถที่นำมาจอดใครเป็นเจ้าของ กระทั่งรถที่คนร้ายนำมานั้น ก็ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์เช่นกัน แต่ช่วงเวลาประมาณ 5นาทีที่คนร้ายจอดรถแล้วระเบิดขึ้นนั้นเร็วเกินไปจึงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ทันการณ์ ซึ่งในอนาคตจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานราชการจะต้องเพิ่มมาตรการดูแลสถานที่เสี่ยงต่างๆ ให้เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อความไม่ประมาท เนื่องจากคนร้ายที่ถูกสั่งมาให้ก่อเหตุแม้จะก่อเหตุเป้าหมายตรงไม่ได้ก็ต้องหาเป้าหมายสำรองให้จงได้เหมือนเหตุการณ์คาร์บอมครั้งนี้

"จากการวิเคราะห์สถานการณ์เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีความพยายามที่จะก่อเหตุกับสถานที่ราชการตามแผนที่ถูกกำหนดขึ้นมาโดยแกนนำระดับสั่งการให้ก่อเหตุ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับการแจ้งเตือนของเจ้าหน้าที่ แต่เนื่องจากคนร้ายไม่มีโอกาสเท่าที่ควร เพราะสถานที่ราชการหลายแห่งมีการปรับแผนวางมาตรการตรวจสอบอย่างแน่นหนา ทำให้คนร้ายเปลี่ยนเป้าหมายมาก่อเหตุกับบ้านพักของตำรวจแทน ซึ่งแผนดังกล่าวมีการกำหนดขึ้นมาเป็นแผนสำรอง ซึ่งนับจากนี้ไปเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำขึ้นอีก"

พ.อ.สมพล ระบุอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการติดตามคนร้ายตัวจริงที่เป็นเจ้าของรถที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนวัตถุระเบิดก่อนจุดชนวนระเบิดบริเวณใต้อาคารแฟลตตำรวจสภ.ศรีสาคร ทำให้รถยนต์เสียหาย18 คันเหตุเกิดวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เนื่องจากรถที่ถูกนำมาใช่ก่อเหตุส่วนใหญ่จะมี 2 ลักษณะ คือ 1.เป็นรถที่ถูกขโมยแล้วนำมาดัดแปลงสภาพใหม่ทั้งหมดจนไม่เหลือสภาพของเดิม อีกทั้งบางคันมีการสวมทะเบียนปลอมด้วย และ 2.เป็นรถที่มีการโอนลอยจากการหลุดการผ่อนจ่ายบริษัทไฟน์แนล หรือซื้อขายผ่านเต็นรถมืสอง ซึ่งเบื้องต้นไม่สามารถดำเนินคดีกับคนร้ายตัวจริงได้

**“อภิสิทธิ์”อ้างไฟใต้คุเป็นการโต้ตอบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เรื่องนี้ได้มีการคุยกันแล้ว ตนได้เชิญทุกฝ่ายมา และจะให้ทางฝ่ายปกครองเป็นหลักในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติต่างๆ จะต้องแจ้งทำได้ดีกว่านี้ เพราะหลายเหตุการณ์จะเป็นลักษณะของการตอบโต้กัน ยกตัวอย่างเช่น เวลามีการไปปิดล้อมตรวจค้น ก็จะมีการตอบโต้มา และข้อสังเกต คือ มีความพยายามให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกันเอง เข้าใจว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ท่านจุฬาราชมนตรีท่านได้กรุณาให้สัมภาษณ์ไปแล้ว เพราะกรณีเหตุที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์นั้นก็อ้างว่ามีการตอบโต้กรณีที่มีการยิงโต๊ะอิหม่ามก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ถึงขนาดที่ว่ามีการก่อเหตุในแฟลตตำรวจ จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่าจะมีความปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งนี้ คือ ตัวที่ตนเองได้ย้ำไปแล้วว่าระบบของการตรวจสอบจะต้องมีความชัดเจน เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางฝ่ายปกครองจะเป็นผู้ที่จัดระบบว่าตรงไหนเป็นอาสาสมัคร ตรงไหนเป็นตำรวจ ตรงไหนเป็นทหาร

เมื่อถามว่า ตอนนี้มันมีความเป็นเอกภาพหรือยัง ระหว่างหน่วยงานฝ่ายปกครองกองทัพ และฝ่ายตำรวจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนเข้าใจนโยบายดี แต่ว่าแนวการปฏิบัติต้องยอมรับยังว่าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน อย่างกรณีของพระสงฆ์นั้น ก็ไม่เป็นตามที่ได้ตกลงกัน

**"เทพเทือก"ลั่นไม่ให้ใครยึดพื้นที่

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้ เป็นเพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ พยายามตอบโต้รัฐบาล และแสดงให้เห็นว่า มีอิทธิพลในพื้นที่ และได้กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดแล้ว และกองทัพบกได้ปรับเพิ่มกำลังในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ให้ใครยึดพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดได้ และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของจุฬาราชมนตรี เพราะการแก้ไขปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องที่ทุกคนห่วงใย
กำลังโหลดความคิดเห็น