นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ม.ค.54 มีจำนวน 4,262,996.98 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.94% ของ GDP โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่มีหนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 19,106.65 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะดังกล่าว เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,984,473.43 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,085,863.64 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 162,076.41 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,583.50 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลง 17,949.48 ล้านบาท และ 6,015.77 ล้านบาท ตามลำดับ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 4,858.10 ล้านบาท และ 0.50 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
ด้านการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นั้น กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 21,083.63 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการกู้เงินรวม 202,044.67 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 89,104.58 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ในวงเงินกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่การปรับโครงสร้างของรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 8,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 88,600 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 34,000 ล้านบาท และโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 54,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะดังกล่าว เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,984,473.43 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,085,863.64 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 162,076.41 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,583.50 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลง 17,949.48 ล้านบาท และ 6,015.77 ล้านบาท ตามลำดับ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 4,858.10 ล้านบาท และ 0.50 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
ด้านการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2554 นั้น กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 21,083.63 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการกู้เงินรวม 202,044.67 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 89,104.58 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ในวงเงินกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่การปรับโครงสร้างของรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 8,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 88,600 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 34,000 ล้านบาท และโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 54,600 ล้านบาท
