โสภณ องค์การณ์
และแล้วพรรคเพื่อไทยฝ่ายค้านก็ได้ฤกษ์เหมาะสำหรับพิธีกรรมจำเป็นของการเมืองน้ำเน่า ด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เอาค่ายสะตอประชาธิปัตย์และค่ายภูมิใจไทยเป็นเป้าหมายหลักของการละเลงน้ำลาย ระหว่าง 9-13 เดือนนี้
ทั้ง 2 ฝ่ายมั่นใจในข้อมูลว่าสามารถใช้หักล้างฝ่ายตรงข้ามได้! ผลสุดท้ายเป็นเพียงราคาคุย เหมือนการผลัดเปลี่ยนกันผายลมให้สุนัขดมแก้ง่วงหรือไม่ ต้องรอดู! แต่ที่ไม่ต้องสงสัยคือพิธีกรรมพ่นน้ำลายจะไม่เป็นมงคลต่อประชาชน และประชาธิปไตยแน่ๆ
รัฐบาล ฝ่ายค้าน ทำเป็นแกล้งเซ่อ ไม่รู้ตัวว่าประชาชนไม่ไว้วางใจ 2 ฝ่ายนั่นแหละ! ถ้าจะมีความคลุมเครือ ก็อยู่ที่ว่า “ฝ่ายใด” ชั่วช้าเลวทรามมากกว่ากัน!
ยุคก่อน มีการเปรียบเปรยการเมือง 2 ฝ่าย ว่าเป็น “พรรคเทพ” และ “พรรคมาร” ตามแบบบู๊ลิ้ม หลังจากยุค “ทักษิณ” คนหนีคุก และนอมินี จนมาถึงยุคกลุ่มการเมืองชุบมือเปิบเข้ามากุมอำนาจ 2 ปี ทำให้การแบ่งฝ่ายไม่เหลือความเป็น “เทพ” และ “มาร”
มีแต่คำพูดว่ารัฐบาล “มาร์ค โพเดียม” ทำมาหากินเก่งเป็นยุค “กินแบ่ง” ไม่ต่างจากยุค “ทักษิณ” กินรวบ แถมยังเร่งรีบ ตะกละตะกลาม ขาดศิลปะในการเปิบ ไร้เชิง
ประชาชนมองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเพียงวาระของการสาวไส้เน่าของกันและกัน ทำให้ประชาชนรู้ว่าฝ่ายใดมีไส้เน่ากี่ขด ใครคดในข้องอในกระดูก ทรยศประชาชนได้เลือดเย็น หรือถึงขั้นขายชาติได้เด็ดขาดกว่ากัน!
เดี๋ยวนี้เริ่มมีเสียงกระซิบเบาๆ ว่า “มาร์ค” ทำให้ “ทักษิณ” ดูดีขึ้นเยอะ! ถ้าเป็นจริงระดับหนึ่ง “ทักษิณ” ไม่ต้องจ้างทีมนักโฆษณาชวนเชื่อ นักสร้างภาพ นักประชาสัมพันธ์ไปปั่นหัว เป่าหูชาวบ้าน เพียงกระชับสื่อรับจ้างให้เจาะตรงประเด็น!
โดยพฤติกรรมของพรรคร่วมรับประทานปัจจุบัน ชาวบ้านเห็นความหิวกระหาย ต้องเร่งเปิบโดยไม่บันยะบันยัง แข่งกับเวลา แทบไม่ต้องหาหลักฐานด้วยซ้ำ
มหกรรมสงครามน้ำลาย ไม่ทำให้ฝ่ายใดดีขึ้น! ฝ่ายค้านเริ่มต้นจากสภาพติดลบ มีปัญหาความน่าเชื่อถือรุนแรง เรื้อรัง ยิ่งเป็นเนื้อเดียวกันกับเสื้อแดง เผาบ้าน เผาเมือง ซึ่งจะมีอิทธิพลเหนือพรรคด้วยแล้ว ทำให้งานอภิปรายไม่มีราคาตามที่ควรจะเป็น
ผลสุดท้าย จะสรุปได้เพียงสั้นๆ ว่า “เอ็งเลวกว่า” อีกฝ่ายบอกว่า “เอ็งนั่นแหละชั่วกว่า” สลับกันเป็นต่อเป็นรองในช่วงเวลา 4 วัน 4 คืนในบ่อน้ำลายเน่านั่นเอง
รัฐบาลอาจดูดีกว่าฝ่ายค้านเล็กน้อย อาศัยต้นทุนเดิมของหัวหน้า “มาร์ค โพเดียม” แต่ความบอบช้ำสะสมจากพิษการเปิดโปงโดยกลุ่มคนเสื้อเหลืองทำให้ขาดความมั่นใจไปเยอะ การพูดจากับผู้สื่อข่าว ติดๆ ขัดๆ ไม่ลื่นไหล ราศีหมอง
ฝ่ายค้านนำโดย “มิ่ง โพเดี้ยง” ซึ่งไม่รู้ชะตาตัวเอง ทำตัวเป็นหนูท้าราชสีห์รบ ต่อให้มีข้อมูลแน่ปึ้กในการเล่นงาน “มาร์ค โพเดียม” ก็จะไร้ผล เพราะการแพ้ทาง แพ้รูปกันตั้งแต่เริ่มนั่นเอง แม้แต่ในค่ายเพื่อไทย “น้ามิ่ง” ของน้องๆ ก็ไม่มีใครให้ราคา
เพียงแต่ต้องตามใจนายเงิน คนหนีคุก ระหว่างหาตัวเลือกใหม่เท่านั้น!
เชื่อเหอะ! ต่อให้พูดจนคอแหบ คอแห้ง เดี้ยงคาโพเดียมเหมือนช่วงวูบก่อนหน้านี้ ก็จะไม่มีใครเข้าใจ นั่นเป็นเพราะ “น้ามิ่ง” กล้าท้าชิงเก้าอี้นายกฯ ซึ่งพวกแม่ยกของ “มาร์ค โพเดียม” ปกป้องอย่างมั่นคงยิ่งว่าจงอางหวงไข่ ไม่ลืมหู ลืมตา ว่าผิดหรือถูก
แม้ฝ่ายค้านจะหวังเพียงหาเวที “หลอกด่า ประจาน” รัฐบาล การไร้ความน่าเชื่อถือจะเป็นตัวบั่นทอน เวลา 60 ชั่วโมง จะเสียไปกับน้ำท่วมทุ่ง ลีลาถ่อย
ฝ่ายรัฐบาลได้ 20 ชั่วโมง เหลือแหล่! แถมยังมี 6 ชั่วโมงสำหรับประท้วง!
เมื่อมหกรรมนี้เป็นพิธีกรรมจำเป็น ชาวบ้านต้องทำใจ ประชาธิปไตยบ้านเรายังไร้การพัฒนา นักการเมืองคุณภาพต่ำ ขี้โกงอย่างมหาวายร้าย คนกาเบอร์ขายเสียง ทำให้อยู่ในสภาพจมปลักในน้ำเน่า ยากที่จะยกระดับเข้าสู่มาตรฐานยอมรับได้
ถ้าไม่มีสถานการณ์พลิกผัน หรือมีการหักหลังตามธรรมชาติคนคดทรยศ ฝ่ายรัฐบาลคงชนะแบบฉลุย แต่มีรายการบลัฟหวังต่อรองเก้าอี้หลังจากเลือกตั้ง
และการเลือกตั้งก็เป็นมหกรรมจำเป็นสำหรับการเมือง! เป็นประตูให้นักการเมืองต่ออายุเข้าสู่อำนาจเพื่อกอบโกย โกงกินเหมือนเดิม ชาวบ้านไม่ได้อะไร
ดังนั้น การเลือกตั้งคือช่วงเวลาของการแข่งขันของพรรคการเมืองในการทุ่มเงินซื้อเสียง เมื่อฝ่ายรัฐบาลประกาศยุยสภา ขอให้รู้ไว้เถอะว่าได้สะสมเงิน กระสุนสำหรับยิงซื้อเสียง มั่นใจว่าจำนวนทุน และกลไกเจ้าหน้าที่ จะปูทางสู่ชัยชนะ
และไม่มีพรรคไหนรู้สึกอาย กระมิดกระเมี้ยน ว่านี่เป็นฤดูกาลสำหรับแข่งกันซื้อเสียงจากชาวบ้าน เพื่อให้ ส.ส. ได้เสียงเอามาขายต่อในสภา แสวงหาประโยชน์
การเลือกตั้งจึงเป็นมหกรรมลงทุนเพื่อหวังถอนทุนจากเงินงบประมาณ โครงการต่างๆ ขั้นต่ำคือ 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้นักการเมืองเป็นอาชีพรวยเร็ว ไม่ติดคุก เว้นแต่ซวย หรือโง่เกินคาด ขาดตัวช่วย ทรยศ หักหลังกันในการแบ่งผลประโยชน์
“มาร์ค โพเดียม” และพวกยังคงรักษาลีลา คารมเล่นลิ้นเรื่องวันยุบสภา อ้างความสงบในบ้านเมืองเป็นเงื่อนไข แต่ดันให้คนของรัฐไปอ้อนศาลให้ปล่อยตัวแกนนำแดงเพร้อมเครือข่ายนักเผาบ้าน เผาเมือง นักยิงเอ็ม 79 ให้พ้นจากการถูกจองจำในคุก
เป็นพฤติกรรมแฝงเงื่อนงำ หวังผลทางการเมือง เข้าข่ายแผนยืมดาบฆ่าคน อยากให้แดงจัดการเหลือง หรือให้แดงเป็นตัวต้านรัฐประหาร การชุมนุมของเสื้อแดงทำให้รัฐบาลดูดี ช่วยหักเหความสนใจของชาวบ้านจากการเปิดโปงความชั่วโดยเสื้อเหลือง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เดาล่วงหน้าได้เลยว่าประชาชนมีแต่เสียกับเสีย มหกรรมเลือกตั้งก็ได้พวกหน้าเดิมๆ เข้ามาพายเรือการเมืองในอ่างน้ำเน่า โกงกินอีกรอบนิ! อิอิอิ!!!