xs
xsm
sm
md
lg

รายงาน:"สุเทพ "จี้สุวรรณภูมิจัดการไกด์ผี-ของหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนามบินสุวรรณภูมิ แม้ว่าด้านหนึ่งจะมีความยิ่งใหญ่ เป็นหน้าเป็นตาของประเทสไทย แต่อีกด้านหนึ่ง สนามบินแห่งนี้ยังมีปัญหาที่ตกค้างรอการแก้ไขอยู่อีกมาก และหากขาดการตัดสินใจที่ดีและการปฎิบัติที่มีประสิทธิภาพแล้ว สนามบินสุวรรณภูมิก็คงไม่ต่างอะไรจากสนามประจานไทยไปสู่สายตาชาวโลก โดยเฉพาะเรื่องแท๊กซี่ป้ายดำและไกด์ผี ที่คอยดักรอหลอกลวงนักท่องเที่ยวอยู่หน้าสนามบิน ปัญหานี้เป็นปัญหาหนักอกของสนามบิน และกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศมาตลอด เพราะเมื่อไรที่ชาวต่างชาติถูกหลอก ก็มักจะมีการนำไปเผยแพร่ไปทั่วโลก

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหานี้แก้ไม่ตก นอกจากเจ้าหน้าที่บางส่วนจะไปมีผลประโยชน์ร่วมกับผู้กระทำความผิดแล้วยังมีประเด็นข้อกฎหมายคือ โทษของผู้กระทำผิดเพียงแค่ปรับเท่านั้น ทำให้ไม่เกิดความเกรงกลัว ซึ่งเรื่องนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ได้สั่งให้มีการขยายการดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาในข้อหาบุกรุกด้วย และหากกระทำความผิดในเวลากลางคืนก็จะมีโทษเพิ่ม รวมทั้งให้ ทอท.จัดทำคำสั่ง ทอท.ว่าด้วยการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ทอท.มีอำนาจในการว่ากล่าวตักเตือนจนถึงเชิญบุคคลออกนอกสถานที่สำหรับจัดการกับแท็กซีป้ายดำและไกด์เถื่อนที่ยังไม่มีพฤติกรรมที่รุนแรง เพราะมีการกระทำผิดในลักษณะนี้จำนวนมากในแต่ละปี เพราะเพียงแค่ปี 2543 เพียงปีเดียว ได้มีการจับกุมและตักเตือนไปถึง 18,042 ครั้ง รวมถึงการส่งฟ้องในคดีบุกรุกอีกหลายคดี ซึ่งเชื่อแน่ว่า หากมีคำพิพากษาออกมาเป็นคดีตัวอย่างแล้ว ผุ้กระทำผิดจะต้องลดลง นอกจากนี้ยังได้สั่งให้ ทอท.เร่งติดตั้งระบบอ่านและวิเคราะห์ป้ายทะเบียนรถยนต์ทุกคันที่เข้าสู่ชานชลาชั้นที่ 1 ,2 และ 4 เพื่อให้สามารถตรวจสอบทะเบียนรถแท๊กซีเถื่อนได้เร็วขึ้น

อีกปัญหาที่สำคัญ คือ การลักทรัพย์ในกระเปาผู้โดยสารขณะลำเลียงขึ้นเครื่อง ซึ่งผุ้ต้องหาทั้งหมด คือ เจ้าหน้าที่ที่บริษัทรับเหมาจ้างเข้ามาทำงาน เรื่องนี้สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศเป็นอย่างมาก เพราะมีนักท่องเที่ยวที่ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิต้องสูญเสียทรัพย์ของตนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงได้สั่งให้มีการตรวจสอบประวัติของเจ้าหน้าที่ขนถ่ายสัมภาระทุกคน และเร่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน และจากการปฎิบัติการร่วมกันระหว่างฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทอท. สายการบิน และตร.สภ.ราชาเทวะ สามารถดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ถึง 27 ราย ทำให้ยอดการร้องเรียนของผุ้โดยสารลดลงเหลือเพียง 4 รายต่อเดือนจากปี 2553 ที่มีมากถึง 9 ราย และยังติดตามผลต่อเนื่องด้วยการจัดทำฐานข้อมูลผู้กระทำผิดส่งให้ผุ้ประกอบการที่เกี่ยวบข้องเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปลี่ยนย้ายบริษัทและกลับมาทำงานได้อีกภายหลัง รวมทั้งใช้มาตรการเข้มกับบริษัทที่รับจ้างขนถ่ายสัมภาระที่มีพนักงานถูกจับกุมข้อหาลักทรัพย์หรือมีพฤติกรรมส่อไปทางลักทรัพย์ จะถูกเลิกสัญญากับ ทอท.ทันที

พฤติกรรมของผู้ลักทรัพย์ในสัมภาระของเจ้าหน้าที่นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากปัญหาเงินเดือนน้อย เพราะบริษัทจะจ้างเพียง 6,500 – 7,800 บามต่อเดือน รวมทั้งเกิดพฤติกรรมเลียนแบบจากพนักงานใหม่ที่เห็นพนักงานเก่าทำแล้วไม่ถูกจับกุม นอกจากนี้ยังมีพนักงานฝ่ายอื่นที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายขนถ่ายสัมภาระ รู้เห็นเป็นใจหรือได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฝ่ายควบคุม ที่จะเป็นผู้รับซื้อหรือรับส่วนแบ่งจากการนำทรัพย์สินไปขาย การตรวจค้นที่ไม่เข้มงวดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการลักทรัพย์ได้ เช่น มีการเขียนข้อความเพิ่มเติมในใบแสดงหลักฐานการนำสิ่งของผ่านเขตหวงห้ามเป็นเท็จโดยเพิ่มรายการทรัพย์สินที่ลักขโมยมาเข้าไป ทำให้สามารถนำทรัพย์สินยออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งรองฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานฯได้สั่งให้เข้มงวดในการตรวจค้นให้มากขึ้น และอนุมัติให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มอีก 300 ตัวในบริเวณพื้นที่ขนถ่ายสัมภาระ และตั้งเป้าให้การร้องเรียนทรัพย์สินหายระหว่างขนถ่ายสัมภาระต้องเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปีนี่

ปัญหาในสนามบินสุวรรณภูมิ คงยังไม่จบลงได้ง่าย ๆ ผู้เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งแก้ไขและกวดบันให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในสุวรรณภูมิ จะกระทบต่อหน้าตาของประเทศอย่างรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น