ASTVผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯจี้รัฐบาลแจงงบคุมม็อบ 94 ล้าน คาดตำรวจเตรียมสลายการชุมนุมก่อนศาลชี้ขาดคดีประกาศพ.ร.บ.มั่นคง มิชอบ ศุกร์นี้ "จำลอง"สับงบ 94 ล้านละลายแม่น้ำ ใช้กลั่นแกล้งประชาชน
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ ( 2 มี.ค. ) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกันแถลงข่าว
โดยนายปานเทพ เปิดเผยถึงการต่อสู้คดีความในศาลแพ่ง ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาบังคับระงับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ด้วยว่าพันธมิตรฯได้ใช้ข้อต่อสู้ในทางกฎหมาย โดยระบุว่า การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงและประกาศทั้ง 3 ฉบับของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และไม่ได้มีการประกาศในราชกิจานุเบกษา เข้าข่ายการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงเอง และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นการเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ต้องการมาบังคับใช้กับกันพันธมิตรฯ เท่านั้น จากการออกหมายเรียกหรือการเปิดช่องทางการจราจรเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม แต่กลับปล่อยให้มีรถสัญจรไปมาได้ ทั้งที่ประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคง ที่ห้ามไม่ให้มีการเข้าออก
**ชี้รัฐบาลจ้องสลายการชุมนุม
นายปานเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้ในเรื่องของสิทธิการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องให้ปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลและตำรวจ พยายามอ้างเหตุถึงข้อห่วงใยถึงเหตุการปะทะกับกลุ่มชุมนุมอื่น และจินตนาการ ว่าพันธมิตรฯ จะไปชุมนุมปิดล้อมรัฐบาล หรือทำเนียบรัฐบาล ซึ่งศาลได้พิจารณาครบถ้วนแล้ว ในชั้นไต่สวนเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยในวันที่ 2-3 มี.ค. จะมีการไต่สวนในส่วนคดีของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และจะมีการตัดสินในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น.ว่า จะมีการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่
** ต้องชี้แจงการใช้งบ 94 ล้าน
นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีความพยายามยึดคืนพื้นที่เพิ่มเปิดช่องทางทางจราจรเพิ่มเติมของรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องการมากกว่านี้ จนถึงขั้นสลายการชุมนุม รัฐบาลเพียงต้องการเอาชนะคะคานกับภาคประชาชน ทั้งที่ปํญหาคือ การยึดคืนพื้นที่จากกัมพูชามาให้ได้ จนวันนี้นายกฯอภิสิทธิ์ พยายามที่จะมาพูดถึงดินแดนไทยที่ถูกกัมพูชายึดครองไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าตำรวจจะเร่งดำเนินการยึดคืนพื้นที่การชุมนุมมากขึ้น ก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในวันที่ 4 มี.ค.นี้
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ตนได้ทราบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ ที่ระบุว่า ภาครัฐมีการใช้งบประมาณเพื่อควบคุมการชุมนุมของภาคประชาชน ตั้งแต่วันที่ 9-20 ก.พ. ที่ผ่านมา รวม 12 วัน เป็นจำนวน 94 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 8 ล้านบาท มากกว่าค่าใช้จ่ายในการชุมนุมของพันธมิตรฯมาก โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช. ) ที่ใช้ไป 91 ล้านบาท ถือว่าสูงมาก รัฐบาลต้องตรวจสอบว่า มีการใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เพราะหากปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐ มีแรงจูงใจเช่นนี้ ก็อาจทำให้มีการสร้างสถานการณ์ เพื่อให้มีความหวาดวิตกและต้องเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย
ผู้สื่อข่าวถามมีความเห็นอย่างไรต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่า กลุ่มผู้ชุมุนมใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมากเกินไป นายปานเทพ กล่าวว่า หมายถึงผู้ชุมนุมกลุ่มใด ตนมั่นใจว่าพันธมิตรฯมาชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 และทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 70-71 ในการพิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ
**อัดรัฐบาลขี่ช้างจับตั๊กแตน
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในการชุมนุมพันธมิตรฯ ได้ใช้งบประมาณจากเงินบริจาคของประชาชน แต่รัฐบาลใช้ภาษีของคนทั้งประเทศ เพื่อมาจัดการกลั่นแกล้งประชาชนโดยเฉพาะ 94 ล้านบาท จึงเสียเปล่า แทนที่นำไปใช้ในเรื่องที่จำเป็น หรือเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนโดยที่ตั๊กแตนก็ไม่ได้ ช้างก็เหนื่อยเปล่า
ขณะที่ นายประพันธ์ กล่าวถึงการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์ เคยคัดค้านกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 48 และ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อปี 51 โดยพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ เป็นเผด็จการ ออกโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทั้งยังเคยเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย แต่ปรากฏว่า เมื่อมาเป็นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ใช้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับมากกว่ารัฐบาลก่อนๆ
***กทม.เตรียมรื้อสุขา พธม.
วานนี้( 2 มี.ค.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศอ.รส กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสร้างบ่อเกรอะ บ่อซึม เพื่ออุจจาระและปัสสาวะ ไว้บริเวณริมถนนราชดำเนิน เรื่องนี้ทางผู้แทนของกรุงเทพมหานครได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาด โดยให้ดำเนินการรื้อถนนสิ่งก่อสร้างดังกล่าว เบื้องต้นทาง ปลัดกทม.ได้มอบหมายให้ ผอ.เขต เป็นผู้เจราจรกับผู้ที่ดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้รื้อถอนไป แต่ผลการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ทางกรุงเทพมหานคร สามารถใช้อำนาจรื้อถอนได้ ซึ่งกระบวนการเข้าไปรื้อถอนนั้น ทางเจ้าหน้าที่เทศกิจจะประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้ารื้อถอนได้ภายใน 2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อสร้างบ่อดังกล่าวยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดมีโทษปรับ 2,000 บาท แต่หากพบว่า มีการขุดเจาะลงไปพื้นผิวถนน มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 360 มีโทษจำคุก 5ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
**ตร.ยันเดินหน้าขอคืนพื้นที่
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวถึงการเปิดการเจราจรเพื่อขอเปิดการจราจรกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทางผอ.ศอ.รส.ได้ประสานไปยังผอ.กองกำลังให้เปิดพื้นที่การจราจรเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตามหากระหว่างดำเนินการศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมชั่วคราว หรือ คำสั่งใด ๆ ก่อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ก่อนจะมีคำสั่งจากศาล การปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ยังมีอยู่ อย่างต่อเนื่อง จนถึงการเปิดพื้นที่ผิวการจราจรทั้งหมด
**แกนนำเครือข่ายคนไทยฯขึ้นศาล
วานนี้ ( 2 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 310 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนฉุกเฉินในคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนฯ และนายทศพล แก้วทิมา กรรมการเครือข่ายหัวใจรักชาติ ผู้ถูกออกหมายเรียกลำดับที่ 10 ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1-2 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประกาศ และข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกตามพ.ร.บ.มั่นคงฯให้เป็นโมฆะ
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ ( 2 มี.ค. ) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกันแถลงข่าว
โดยนายปานเทพ เปิดเผยถึงการต่อสู้คดีความในศาลแพ่ง ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อพิจารณาบังคับระงับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ด้วยว่าพันธมิตรฯได้ใช้ข้อต่อสู้ในทางกฎหมาย โดยระบุว่า การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงและประกาศทั้ง 3 ฉบับของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และไม่ได้มีการประกาศในราชกิจานุเบกษา เข้าข่ายการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงเอง และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญอีกด้วย รวมทั้งยังเป็นการเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ต้องการมาบังคับใช้กับกันพันธมิตรฯ เท่านั้น จากการออกหมายเรียกหรือการเปิดช่องทางการจราจรเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม แต่กลับปล่อยให้มีรถสัญจรไปมาได้ ทั้งที่ประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคง ที่ห้ามไม่ให้มีการเข้าออก
**ชี้รัฐบาลจ้องสลายการชุมนุม
นายปานเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้ในเรื่องของสิทธิการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องให้ปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลและตำรวจ พยายามอ้างเหตุถึงข้อห่วงใยถึงเหตุการปะทะกับกลุ่มชุมนุมอื่น และจินตนาการ ว่าพันธมิตรฯ จะไปชุมนุมปิดล้อมรัฐบาล หรือทำเนียบรัฐบาล ซึ่งศาลได้พิจารณาครบถ้วนแล้ว ในชั้นไต่สวนเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยในวันที่ 2-3 มี.ค. จะมีการไต่สวนในส่วนคดีของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และจะมีการตัดสินในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 13.00 น.ว่า จะมีการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่
** ต้องชี้แจงการใช้งบ 94 ล้าน
นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีความพยายามยึดคืนพื้นที่เพิ่มเปิดช่องทางทางจราจรเพิ่มเติมของรัฐบาลว่า รัฐบาลต้องการมากกว่านี้ จนถึงขั้นสลายการชุมนุม รัฐบาลเพียงต้องการเอาชนะคะคานกับภาคประชาชน ทั้งที่ปํญหาคือ การยึดคืนพื้นที่จากกัมพูชามาให้ได้ จนวันนี้นายกฯอภิสิทธิ์ พยายามที่จะมาพูดถึงดินแดนไทยที่ถูกกัมพูชายึดครองไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าตำรวจจะเร่งดำเนินการยึดคืนพื้นที่การชุมนุมมากขึ้น ก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในวันที่ 4 มี.ค.นี้
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ตนได้ทราบข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ ที่ระบุว่า ภาครัฐมีการใช้งบประมาณเพื่อควบคุมการชุมนุมของภาคประชาชน ตั้งแต่วันที่ 9-20 ก.พ. ที่ผ่านมา รวม 12 วัน เป็นจำนวน 94 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 8 ล้านบาท มากกว่าค่าใช้จ่ายในการชุมนุมของพันธมิตรฯมาก โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช. ) ที่ใช้ไป 91 ล้านบาท ถือว่าสูงมาก รัฐบาลต้องตรวจสอบว่า มีการใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เพราะหากปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐ มีแรงจูงใจเช่นนี้ ก็อาจทำให้มีการสร้างสถานการณ์ เพื่อให้มีความหวาดวิตกและต้องเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย
ผู้สื่อข่าวถามมีความเห็นอย่างไรต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่า กลุ่มผู้ชุมุนมใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมากเกินไป นายปานเทพ กล่าวว่า หมายถึงผู้ชุมนุมกลุ่มใด ตนมั่นใจว่าพันธมิตรฯมาชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 และทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 70-71 ในการพิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ
**อัดรัฐบาลขี่ช้างจับตั๊กแตน
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ในการชุมนุมพันธมิตรฯ ได้ใช้งบประมาณจากเงินบริจาคของประชาชน แต่รัฐบาลใช้ภาษีของคนทั้งประเทศ เพื่อมาจัดการกลั่นแกล้งประชาชนโดยเฉพาะ 94 ล้านบาท จึงเสียเปล่า แทนที่นำไปใช้ในเรื่องที่จำเป็น หรือเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนโดยที่ตั๊กแตนก็ไม่ได้ ช้างก็เหนื่อยเปล่า
ขณะที่ นายประพันธ์ กล่าวถึงการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์ เคยคัดค้านกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 48 และ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อปี 51 โดยพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ เป็นเผด็จการ ออกโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทั้งยังเคยเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วย แต่ปรากฏว่า เมื่อมาเป็นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ใช้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับมากกว่ารัฐบาลก่อนๆ
***กทม.เตรียมรื้อสุขา พธม.
วานนี้( 2 มี.ค.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศอ.รส กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสร้างบ่อเกรอะ บ่อซึม เพื่ออุจจาระและปัสสาวะ ไว้บริเวณริมถนนราชดำเนิน เรื่องนี้ทางผู้แทนของกรุงเทพมหานครได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาด โดยให้ดำเนินการรื้อถนนสิ่งก่อสร้างดังกล่าว เบื้องต้นทาง ปลัดกทม.ได้มอบหมายให้ ผอ.เขต เป็นผู้เจราจรกับผู้ที่ดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้รื้อถอนไป แต่ผลการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ทางกรุงเทพมหานคร สามารถใช้อำนาจรื้อถอนได้ ซึ่งกระบวนการเข้าไปรื้อถอนนั้น ทางเจ้าหน้าที่เทศกิจจะประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้ารื้อถอนได้ภายใน 2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ก่อสร้างบ่อดังกล่าวยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดมีโทษปรับ 2,000 บาท แต่หากพบว่า มีการขุดเจาะลงไปพื้นผิวถนน มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 360 มีโทษจำคุก 5ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
**ตร.ยันเดินหน้าขอคืนพื้นที่
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวถึงการเปิดการเจราจรเพื่อขอเปิดการจราจรกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทางผอ.ศอ.รส.ได้ประสานไปยังผอ.กองกำลังให้เปิดพื้นที่การจราจรเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตามหากระหว่างดำเนินการศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมชั่วคราว หรือ คำสั่งใด ๆ ก่อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ก่อนจะมีคำสั่งจากศาล การปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ยังมีอยู่ อย่างต่อเนื่อง จนถึงการเปิดพื้นที่ผิวการจราจรทั้งหมด
**แกนนำเครือข่ายคนไทยฯขึ้นศาล
วานนี้ ( 2 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 310 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนฉุกเฉินในคดีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนฯ และนายทศพล แก้วทิมา กรรมการเครือข่ายหัวใจรักชาติ ผู้ถูกออกหมายเรียกลำดับที่ 10 ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1-2 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประกาศ และข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกตามพ.ร.บ.มั่นคงฯให้เป็นโมฆะ