ASTVผู้จัดการรายวัน- ทุนภัทร เพิ่มวงเงินลงทุนพอร์ตระยะสั้นเกือบ 2 เท่าตัว เหตุภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงมีโอกาสทำกำไรงาม แม้ผลตอบแทนการลงทุนอาจไม่สูงเท่าปีก่อนที่มีถึง 97% ส่งผลให้มีกำไรงาม "อภินันท์ "เล็งลงทุนบริษัทย่อยเพิ่ม พร้อมตั้งเป้ามาร์เกตแชร์บล.ภัทรปีนี้ 5% จากสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศซื้อขายหุ้นมากขึ้น
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเพิ่มวงเงินลงทุนหลักทรัพย์ระยะสั้นปีนี้เพิ่มเกือบ 2 เท่า เป็น 3,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 2,500 ล้านบาท เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ความผันผวนสูงการลงทุนระยะสั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งเงินที่บริษัทได้มีการลงทุนในหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตการลงทุนระยะยาวของบริษัทอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทยังประมาณการผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นปีนี้ได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับภาวะตลาด แต่คงจะไม่สูงเท่ากับปีที่ผ่านมาที่บริษัทมีผลตอบแทนการลงทุนทั้งระยะสั้นและยาวอยู่ที่ 97% ทำให้มีกำไรลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในระยะยาวบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปถือลงทุนในบริษัทอื่น ๆ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมีบริษัทย่อยเพียงแห่งเดียวคือ บล.ภัทร โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาแต่ไม่ได้รับร้อน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เกตแชร์)ของบล.ภัทร ปีนี้อยู่ที่ 5% จากปีก่อนที่ประมาณ 4% เพราะปีนี้สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 35% จากปีก่อนที่มี 30%
โดยส่วนสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยปรับตัวลดลงอยู่ที่ 50% จากปีก่อนที่มี 60% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ในระดับสูง ซึ่งปีนี้ทาง บล .ภัทร จะออกเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) จำนวน 16 ตัว มูลค่าตัวละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่า 800 ล้านบาท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติเพิ่มวงเงินในการออกหุ้นกู้ปีนี้เป็น 1,500 ล้านบาทจาก 1,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น
นายอภินันท์กล่าวว่า งานที่ปรึกษาทางการลงทุนส่วนบุคคล (Private Wealth Management) ปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะโต 20% อยู่ที่ 130,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท ด้วยการหาลูกค้าและออกสินค้าใหม่ ๆ เพื่อให้นักลงทุนมีการนำเงินเข้ามาลงทุนเพิ่ม ประกับมูลค่าการลงทุนเพิ่มจากตลาดที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามงานด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้น ขณะนี้บริษัทมีงานในมือจำนวน 6 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท ทางยกระดับกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อีกบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และที่เหลือ เป็นงานควบรวมกิจการ (M&A )
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเพิ่มวงเงินลงทุนหลักทรัพย์ระยะสั้นปีนี้เพิ่มเกือบ 2 เท่า เป็น 3,500 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 2,500 ล้านบาท เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ความผันผวนสูงการลงทุนระยะสั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งเงินที่บริษัทได้มีการลงทุนในหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตการลงทุนระยะยาวของบริษัทอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทยังประมาณการผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นปีนี้ได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับภาวะตลาด แต่คงจะไม่สูงเท่ากับปีที่ผ่านมาที่บริษัทมีผลตอบแทนการลงทุนทั้งระยะสั้นและยาวอยู่ที่ 97% ทำให้มีกำไรลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในระยะยาวบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปถือลงทุนในบริษัทอื่น ๆ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมีบริษัทย่อยเพียงแห่งเดียวคือ บล.ภัทร โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาแต่ไม่ได้รับร้อน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เกตแชร์)ของบล.ภัทร ปีนี้อยู่ที่ 5% จากปีก่อนที่ประมาณ 4% เพราะปีนี้สัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 35% จากปีก่อนที่มี 30%
โดยส่วนสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยปรับตัวลดลงอยู่ที่ 50% จากปีก่อนที่มี 60% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ในระดับสูง ซึ่งปีนี้ทาง บล .ภัทร จะออกเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) จำนวน 16 ตัว มูลค่าตัวละ 50 ล้านบาท รวมมูลค่า 800 ล้านบาท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติเพิ่มวงเงินในการออกหุ้นกู้ปีนี้เป็น 1,500 ล้านบาทจาก 1,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น
นายอภินันท์กล่าวว่า งานที่ปรึกษาทางการลงทุนส่วนบุคคล (Private Wealth Management) ปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะโต 20% อยู่ที่ 130,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 110,000 ล้านบาท ด้วยการหาลูกค้าและออกสินค้าใหม่ ๆ เพื่อให้นักลงทุนมีการนำเงินเข้ามาลงทุนเพิ่ม ประกับมูลค่าการลงทุนเพิ่มจากตลาดที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามงานด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้น ขณะนี้บริษัทมีงานในมือจำนวน 6 ดีล แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท ทางยกระดับกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อีกบริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และที่เหลือ เป็นงานควบรวมกิจการ (M&A )
