ASTVผู้จัดการรายวัน- น้ำมันถั่วเหลืองขอราคาขึ้นสุดโหดขวดละ 19 บาท จาก 46 เป็น 65 “พรทิวา”สั่งวิเคราะห์ต้นทุน เกรงกระทบผู้บริโภคหนัก ส่วนปุ๋ยเคมี นมสดพาสเจอร์ไรซ์ ขอขึ้นด้วย ยันปัญหาน้ำมันปาล์มจบแล้ว พุธนี้มีขายไม่อั้นทั้งประเทศ “เทือก”ยันต่อไปนี้น้ำมันปาล์มไม่ขาดตลาด ส่วนใครได้ประโยชน์ เป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะตามไล่เช็กบิล ท้าสื่องัดหลักฐานเส้นทางสวาปาม “น้ำมันปาล์ม” มาให้ดีเอสไอเป็นข้อมูล อ้างหากพูดเรื่อยเปื่อยทำบ้านเมืองสับสน
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองได้ส่งหนังสือทำเรื่องขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดจากขวดลิตรละ 46 บาท เป็น 65 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นขวดละ 19 บาท โดยผู้ผลิตให้เหตุผลว่าปกติน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจะมีช่องว่างของราคาที่ห่างกัน และขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มแพงกว่ารวมทั้งยังมีปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปทำการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนทั้งหมดแล้ว ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
“รับเรื่องมาแล้ว และได้ส่งให้กรมการค้าภายในไปวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียดก่อน ไม่ใช่ว่าขอขึ้นมาเท่าไร จะให้ขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าขอขึ้นขนาดนี้ กระทบกับผู้บริโภคแน่”นางพรทิวากล่าว
นอกจากนี้ ผู้ผลิตปุ๋ยเคมี ยังได้ขอปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมี 3 สูตร โดยขอปรับขึ้นเฉลี่ย 8-10% และนมสดพาสเจอร์ไรซ์ ขอปรับขึ้นทุกขนาดบรรจุเฉลี่ย 25-50 สตางค์ ตามต้นทุนน้ำนมดิบที่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยทั้ง 2 รายการนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียดแล้วเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคา
ส่วนสินค้ารายการอื่นๆ ยังไม่มีรายใดยื่นขอเข้ามา เพราะอยู่ระหว่างการตรึงราคาสินค้าที่จะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาต้นทุนให้ทุกรายการ หากมีการยื่นเข้ามาอย่างสมเหตุสมผล และสอดคล้องกับสถานการณ์แท้จริง เพราะกระทรวงฯ ต้องดูแลภาวะเงินเฟ้อด้วย
นางพรทิวากล่าวว่า สำหรับการกระจายน้ำมันปาล์มฝาจุกชมพู ตั้งแต่วันนี้จะมีน้ำมันปาล์มเข้าสู่ระบบในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และซื้อได้ไม่จำกัด ส่วนในต่างจังหวัด จะกระจายออกในอีก 2 วัน พร้อมปรับกลยุทธ์ให้กระจายเพิ่มเป็น 2 เท่า จากการขนส่งปกติ และให้ขายโชห่วยในราคาขวดละ 44 บาท เพื่อให้โชห่วงมีกำไรนำไปขาย 47 บาทได้
ส่วนการตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันปาล์มฝาจุกชมพู ที่ห้างคาร์ฟูร์ สาขาพระราม 4 และที่ตลาดคลองเตย พบว่า มีน้ำมันปาล์มจำหน่ายปกติ แต่น้ำมันถั่วเหลืองไม่มีวางจำหน่าย
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า น้ำมันปาล์มฝาสีฟ้าอีกกว่า 1 ล้านลิตร จะทยอยออกจากโรงงานเป็นล็อตสุดท้าย ส่วนน้ำมันปาล์มฝาสีชมพู โรงงานต่างๆ ได้เร่งผลิตวันละกว่า 2 ล้านลิตร ทำให้ช่วงนี้จะมีน้ำมันปาล์มทั้ง 2 ชนิด ออกสู่ตลาดวันละกว่า 3 ล้านลิตร ประชาชนสามารถซื้อน้ำมันปาล์มได้แบบไม่จำกัดจำนวน
ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกไปแล้ว โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีจำหน่ายปกติในวันนี้ ส่วนต่างจังหวัดตั้งแต่วันพุธที่ 2 มี.ค. จะมีขายทั้งประเทศ
สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ จำนวน 30,000 ตัน เรือบรรทุกจะเริ่มเดินทางมาถึงไทยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ และจะสามารถทยอยผลิตน้ำมันปาล์มฝาสีชมพูได้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. เป็นต้นไป
ส่วนน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศอีก 5,000 ตัน ที่ยังไม่ได้จากกระทรวงพลังงาน เบื้องต้นได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้ผลผลิตปาล์มในประเทศเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว และหากทางโรงกลั่นจะยืมน้ำมันปาล์มในส่วนที่จะใช้ผลิตไบโอดีเซล จะเสียเวลาและต้นทุนด้านการขนส่ง โดยเฉพาะระหว่างการยืมและการส่งคืน จึงได้เสนอในส่วน 5,000 ตัน ให้โรงกลั่นไปซื้อน้ำมาปาล์มดิบจากเกษตรกรซึ่งจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เพื่อให้รับทราบและพิจารณาต่อไป
** “เทือก”สั่งดีเอสไอทำคดีน้ำมันปาล์มเป็นคดีพิเศษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอเข้าตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการกักตุนน้ำมันปาล์ม ว่า ทางดีเอสไอได้รายงานเรื่องเฉพาะการตรวจสอบของโรงงานทั้งหลาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบแต่เรื่องของน้ำมันปาล์มวันนี้จะออกสู่ตลาดได้เต็มที่มาก ขึ้นยืนยันว่าน้ำมันปาล์มวันนี้ไม่ขาดแคลนแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้น้ำมันปาล์มยังขาดแคลน นายสุเทพ กล่าวย้อนว่า “แล้ว บ้านท่านใช้เท่าไรกัน ที่ตนถามไม่ใช่ไปตีฝีปากยอกย้อนกัน คือเราใช้น้ำมันไม่ใช่ใช้ทีละห้าหกขวด เพราะหากทุกคนตกใจไปซื้อตุนมากๆ ทุกบ้านก็ลำบาก แต่ตนยืนยันว่าน้ำมันไม่ขาด แคลนแน่นอน และจะสั่งไปให้ทุกร้านเมื่อน้ำมันเต็มแล้วก็ไม่ต้องไปจำกัดจะซื้อไปเก็บก็ไม่ว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าตกลงเรื่องนี้ใครได้ประโยชน์ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่ใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไร ตนขอให้ดีเอสไอไปทำเป็นคดีพิเศษ หากพบว่ามีคนไปหาประโยชน์โดยไม่ชอบ ก็ให้ดำเนินคดีไป ให้ตนไปกล่าวหาใครง่ายๆ ตนคงไม่ทำ แต่ว่าหน้าที่ในการแก้ปัญหาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนเมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ให้ตนรับผิดชอบ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ต่อข้อถามว่า หากไม่มีใครรับผิดชอบจะไม่เป็นธรรมกับประชาชน นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่ใครจะรับผิดชอบอย่างไรก็ต้องว่าไปกันตามข้อเท็จจริง ไปตั้งข้อสมติฐานตามความชอบใจหรือไม่ชอบใจ คงไม่ได้ ส่วนเรื่องนี้จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ตนคงไม่พูดว่าล้มไม่ล้มหรือต้ม ไม่ต้ม แต่ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าหากไปปั่นกระแส สร้างอารมณ์กันเล่นกันตามอารมณ์ ไม่ว่ากันตามข้อเท็จจริงคงไม่ถูกต้อง
“การที่จะไปกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน การที่ผมสั่งให้ดีเอสไอไปดำเนินคดีก็หวังว่าถ้าไปพบว่าใครไปทำความผิดมีหลักฐานก็ต้องดำเนินคดีให้เป็นที่ประจักษ์ และถ้าใครมีหลักฐานก็ต้องช่วยกรุณาส่งให้อธิบดีดีเอสไอด้วย เพราะถ้ากล่าวหาลอยๆ พูดกันสนุกสนานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวบ้านเมืองก็ปั่นป่วนหมด" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้อนว่า ข้อมูลที่สื่อลงโดยบอกถึงเส้นทางการทุจริตน้ำมันปาล์ม ทำไมดีเอสไอ ไม่นำไปเป็นข้อมูลดำเนินการกับคนทุจริต นายสุเทพ กล่าวว่า ข้อมูลที่สื่อเขียน ตนจะให้ดีเอสไอ และจะเชิญสื่อไปสอบถาม ว่าเป็นอย่างไร
**ดีเอสไอสอบ"น้ำมันปาล์ม"ต่อ เน้นลงพื้นที่สอบศูนย์กระจายสินค้าใหญ่
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกักตุนน้ำมันปาล์มว่า ดีเอสไอจะยังคงเดินหน้าการตรวจสอบตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยสัปดาห์นี้จะเน้นการลงพื้นที่ตรวจสอบตามศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ต่างๆ ที่รับสินค้าไปจำหน่ายว่าเป็นไปตามกลไกของตลาดหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ดีเอสไอจะตรวจสอบทั้งแบบเป็นทางการและการแฝงตัวเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด จากนั้นในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจึงจะเริ่มตรวจสอบโรงงานที่ได้รับจัดสรรโควต้าน้ำมันปาล์มล็อตที่สอง ซึ่งจะนำเข้ามาในสัปดาห์หน้า รวมถึงการตรวจสอบไปยังโรงงานน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีกระแสข่าวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แม้เบื้องต้นจะยังไม่พบความผิดปกติของโรงงานเหล่านี้ แต่หากยังมีข้อสงสัยดีเอสไอก็พร้อมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองได้ส่งหนังสือทำเรื่องขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดจากขวดลิตรละ 46 บาท เป็น 65 บาท หรือปรับเพิ่มขึ้นขวดละ 19 บาท โดยผู้ผลิตให้เหตุผลว่าปกติน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจะมีช่องว่างของราคาที่ห่างกัน และขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มแพงกว่ารวมทั้งยังมีปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปทำการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนทั้งหมดแล้ว ยังไม่ได้มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
“รับเรื่องมาแล้ว และได้ส่งให้กรมการค้าภายในไปวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียดก่อน ไม่ใช่ว่าขอขึ้นมาเท่าไร จะให้ขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าขอขึ้นขนาดนี้ กระทบกับผู้บริโภคแน่”นางพรทิวากล่าว
นอกจากนี้ ผู้ผลิตปุ๋ยเคมี ยังได้ขอปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมี 3 สูตร โดยขอปรับขึ้นเฉลี่ย 8-10% และนมสดพาสเจอร์ไรซ์ ขอปรับขึ้นทุกขนาดบรรจุเฉลี่ย 25-50 สตางค์ ตามต้นทุนน้ำนมดิบที่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยทั้ง 2 รายการนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปวิเคราะห์ต้นทุนอย่างละเอียดแล้วเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคา
ส่วนสินค้ารายการอื่นๆ ยังไม่มีรายใดยื่นขอเข้ามา เพราะอยู่ระหว่างการตรึงราคาสินค้าที่จะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาต้นทุนให้ทุกรายการ หากมีการยื่นเข้ามาอย่างสมเหตุสมผล และสอดคล้องกับสถานการณ์แท้จริง เพราะกระทรวงฯ ต้องดูแลภาวะเงินเฟ้อด้วย
นางพรทิวากล่าวว่า สำหรับการกระจายน้ำมันปาล์มฝาจุกชมพู ตั้งแต่วันนี้จะมีน้ำมันปาล์มเข้าสู่ระบบในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และซื้อได้ไม่จำกัด ส่วนในต่างจังหวัด จะกระจายออกในอีก 2 วัน พร้อมปรับกลยุทธ์ให้กระจายเพิ่มเป็น 2 เท่า จากการขนส่งปกติ และให้ขายโชห่วยในราคาขวดละ 44 บาท เพื่อให้โชห่วงมีกำไรนำไปขาย 47 บาทได้
ส่วนการตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันปาล์มฝาจุกชมพู ที่ห้างคาร์ฟูร์ สาขาพระราม 4 และที่ตลาดคลองเตย พบว่า มีน้ำมันปาล์มจำหน่ายปกติ แต่น้ำมันถั่วเหลืองไม่มีวางจำหน่าย
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า น้ำมันปาล์มฝาสีฟ้าอีกกว่า 1 ล้านลิตร จะทยอยออกจากโรงงานเป็นล็อตสุดท้าย ส่วนน้ำมันปาล์มฝาสีชมพู โรงงานต่างๆ ได้เร่งผลิตวันละกว่า 2 ล้านลิตร ทำให้ช่วงนี้จะมีน้ำมันปาล์มทั้ง 2 ชนิด ออกสู่ตลาดวันละกว่า 3 ล้านลิตร ประชาชนสามารถซื้อน้ำมันปาล์มได้แบบไม่จำกัดจำนวน
ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกไปแล้ว โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีจำหน่ายปกติในวันนี้ ส่วนต่างจังหวัดตั้งแต่วันพุธที่ 2 มี.ค. จะมีขายทั้งประเทศ
สำหรับการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ จำนวน 30,000 ตัน เรือบรรทุกจะเริ่มเดินทางมาถึงไทยในวันที่ 3 มี.ค.นี้ และจะสามารถทยอยผลิตน้ำมันปาล์มฝาสีชมพูได้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. เป็นต้นไป
ส่วนน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศอีก 5,000 ตัน ที่ยังไม่ได้จากกระทรวงพลังงาน เบื้องต้นได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้ผลผลิตปาล์มในประเทศเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว และหากทางโรงกลั่นจะยืมน้ำมันปาล์มในส่วนที่จะใช้ผลิตไบโอดีเซล จะเสียเวลาและต้นทุนด้านการขนส่ง โดยเฉพาะระหว่างการยืมและการส่งคืน จึงได้เสนอในส่วน 5,000 ตัน ให้โรงกลั่นไปซื้อน้ำมาปาล์มดิบจากเกษตรกรซึ่งจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เพื่อให้รับทราบและพิจารณาต่อไป
** “เทือก”สั่งดีเอสไอทำคดีน้ำมันปาล์มเป็นคดีพิเศษ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอเข้าตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการกักตุนน้ำมันปาล์ม ว่า ทางดีเอสไอได้รายงานเรื่องเฉพาะการตรวจสอบของโรงงานทั้งหลาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบแต่เรื่องของน้ำมันปาล์มวันนี้จะออกสู่ตลาดได้เต็มที่มาก ขึ้นยืนยันว่าน้ำมันปาล์มวันนี้ไม่ขาดแคลนแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้น้ำมันปาล์มยังขาดแคลน นายสุเทพ กล่าวย้อนว่า “แล้ว บ้านท่านใช้เท่าไรกัน ที่ตนถามไม่ใช่ไปตีฝีปากยอกย้อนกัน คือเราใช้น้ำมันไม่ใช่ใช้ทีละห้าหกขวด เพราะหากทุกคนตกใจไปซื้อตุนมากๆ ทุกบ้านก็ลำบาก แต่ตนยืนยันว่าน้ำมันไม่ขาด แคลนแน่นอน และจะสั่งไปให้ทุกร้านเมื่อน้ำมันเต็มแล้วก็ไม่ต้องไปจำกัดจะซื้อไปเก็บก็ไม่ว่ากัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าตกลงเรื่องนี้ใครได้ประโยชน์ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่ใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไร ตนขอให้ดีเอสไอไปทำเป็นคดีพิเศษ หากพบว่ามีคนไปหาประโยชน์โดยไม่ชอบ ก็ให้ดำเนินคดีไป ให้ตนไปกล่าวหาใครง่ายๆ ตนคงไม่ทำ แต่ว่าหน้าที่ในการแก้ปัญหาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนเมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ให้ตนรับผิดชอบ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ต่อข้อถามว่า หากไม่มีใครรับผิดชอบจะไม่เป็นธรรมกับประชาชน นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่ใครจะรับผิดชอบอย่างไรก็ต้องว่าไปกันตามข้อเท็จจริง ไปตั้งข้อสมติฐานตามความชอบใจหรือไม่ชอบใจ คงไม่ได้ ส่วนเรื่องนี้จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ ตนคงไม่พูดว่าล้มไม่ล้มหรือต้ม ไม่ต้ม แต่ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง แต่ถ้าหากไปปั่นกระแส สร้างอารมณ์กันเล่นกันตามอารมณ์ ไม่ว่ากันตามข้อเท็จจริงคงไม่ถูกต้อง
“การที่จะไปกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน การที่ผมสั่งให้ดีเอสไอไปดำเนินคดีก็หวังว่าถ้าไปพบว่าใครไปทำความผิดมีหลักฐานก็ต้องดำเนินคดีให้เป็นที่ประจักษ์ และถ้าใครมีหลักฐานก็ต้องช่วยกรุณาส่งให้อธิบดีดีเอสไอด้วย เพราะถ้ากล่าวหาลอยๆ พูดกันสนุกสนานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวบ้านเมืองก็ปั่นป่วนหมด" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้อนว่า ข้อมูลที่สื่อลงโดยบอกถึงเส้นทางการทุจริตน้ำมันปาล์ม ทำไมดีเอสไอ ไม่นำไปเป็นข้อมูลดำเนินการกับคนทุจริต นายสุเทพ กล่าวว่า ข้อมูลที่สื่อเขียน ตนจะให้ดีเอสไอ และจะเชิญสื่อไปสอบถาม ว่าเป็นอย่างไร
**ดีเอสไอสอบ"น้ำมันปาล์ม"ต่อ เน้นลงพื้นที่สอบศูนย์กระจายสินค้าใหญ่
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกักตุนน้ำมันปาล์มว่า ดีเอสไอจะยังคงเดินหน้าการตรวจสอบตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยสัปดาห์นี้จะเน้นการลงพื้นที่ตรวจสอบตามศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ต่างๆ ที่รับสินค้าไปจำหน่ายว่าเป็นไปตามกลไกของตลาดหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ดีเอสไอจะตรวจสอบทั้งแบบเป็นทางการและการแฝงตัวเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด จากนั้นในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจึงจะเริ่มตรวจสอบโรงงานที่ได้รับจัดสรรโควต้าน้ำมันปาล์มล็อตที่สอง ซึ่งจะนำเข้ามาในสัปดาห์หน้า รวมถึงการตรวจสอบไปยังโรงงานน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีกระแสข่าวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แม้เบื้องต้นจะยังไม่พบความผิดปกติของโรงงานเหล่านี้ แต่หากยังมีข้อสงสัยดีเอสไอก็พร้อมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง