**ประเทศไทยแหล่งอาหาร แหล่งเกษตรกรรมระดับโลก ใครจะเชื่อว่าวันนี้ประชาชนต้องแย่งกันซื้อน้ำมันปาล์มถึงขั้นชกต่อยกัน จากปัญหาที่ไม่ซับซ้อน เรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นฉาวโฉ่ หลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ถ้าสินค้าขาดแคลน ก็หามาเพิ่มเติมให้เพียงพอ ด้วยการเพิ่มผลผลิต หรือนำเข้าจากต่างประเทศ หากเกิดการกักตุนก็บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด
แต่ที่มันอลเวงอยู่ตอนนี้ เพราะมีนักการเมือง พ่อค้าเจ้าเล่ห์ เข้ามาแทรก ชักหัวคิว หากำไรส่วนต่าง เลยทำให้กระบวนการบิดเบี้ยว กลไกรวนไปหมด สุดท้ายคนที่เดือดร้อนลำบากก็คือประชาชนคนหาเช้ารับประทานค่ำ คนที่ได้ประโยชน์คือคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง
ตอนนี้ภาครัฐเริ่มสะดุ้งกันแล้ว เพราะปัญหามันลุกลามบานปลาย จากที่คิดว่าจะขีดวงไว้ได้เฉพาะราคาน้ำมันปาล์ม มันลามไปถึงสินค้าตัวอื่นๆ รัฐบาลลำบากแน่ เล่นอะไรไม่เล่นเล่นกับปากท้องชาวบ้าน มีแต่เสียกับเสีย
**ที่แก้ไขล่าช้าตอนนี้ ไม่รู้เพราะกำลังสนุกกับการฟันหัวคิวกันอยู่ ชักเปอร์เซ็นต์กันเพลินไปหรือไม่ และยิ่งเหมือนไฟร้อนกำลังมาจุกตูด เพราะคนพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปาล์ม ขว้างงูเท่าไหร่มันก็ไปไม่พ้นคอ
วันนี้เมื่อปัญหาจวนตัวก็ออกอาการโยนกลองกันพัลวัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกำกับดูแลปาล์ม ชกใต้กระโปรง โยนของเน่าให้กระทรวงพาณิชย์หน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาภาษาดอกไม้กันแผลบๆ
ในขณะที่พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ก็เตะผ่าหมากกลับไป บอกเป็นคนปลายน้ำ ต้องมานั่งแก้ของเน่าที่เน่ามาตั้งแต่ต้นน้ำ ขอให้ไปสืบสาวดูต้นตอดีกว่า
ฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทย ไม่พลาดที่จะหยิบจับเรื่องนี้มาขยายผล ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อน
**“ครม.สวาปาล์ม” ตั้งฉายาแสบๆคัน แต่สะท้านไปถึงทรวง
จุดที่น่าสงสัย คือการปล่อยสต็อกตกต่ำลงกว่าที่ควรจะมีน้ำมันปาล์มสำรอง 2 แสนตันในประเทศ ในช่วงปลายปีที่แล้ว ทั้งยังก้มหน้าก้มตาส่งออก นำไปใช้ผลิตไบโอดีเซล โดยไม่มีการวางแผนนำน้ำมันปาล์มมาทดแทน จนในที่สุดก็หมดสต็อกในเดือนธันวาคม
เมื่อของขาดแคลน แต่ไม่รีบนำเข้า ก็เกิดกระบวนการขึ้นราคา และกักตุน นานไปๆ สินค้าอื่นๆก็ขึ้นตามเป็นลูกระนาด ครั้นพอเมื่อราคาขึ้นไประยะหนึ่ง รัฐบาลจึงค่อยสั่งนำเข้า ตรงนี้น่าสังเกตว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อใครหรือไม่?
**พรรคเพื่อไทยออกมาปูดสารพัดชื่อย่อมีเอี่ยวขบวนการ คือนักการเมือง “พ” “ส” “อ” และ “อ” พร้อมทั้งให้ข้อสังเกตว่า 3 จังหวัดภาคใต้ ที่เป็นแหล่งผลิตปาล์มสำคัญ คือ กระบี่ สุราษฎร์ธานี และชุมพร ต่อจิ๊กซอว์ให้ไปไล่ชื่อกันเอง สังเกตง่ายๆ ให้ไปดูโรงหีบน้ำมัน 65 โรงงาน แต่เจ้าของมีไม่ถึงตามจำนวน พวกนี้ได้ประโยชน์กันไปเต็มๆ ไล่เรียงกันดูเครือข่ายใครบ้าง ภาพก็ยิ่งชัด
นินทากันว่า กระบวนการปาล์มนี้ ระหว่างทางมีการงาบกันถึง 3 ช็อต จัดสรรปันส่วนกันแบบสมานฉันท์ แต่ทว่าปัญหามันเริ่มบานไม่หุบ กระทบกระแทกความนิยมรัฐบาลไปแบบเต็มๆ เลยต้องตาลีตาเหลือกออกแอคชั่นแก้ไขปัญหากันยกใหญ่
เรื่องราคาน้ำมันปาล์มพุ่งกระฉูด ดูยังไงก็ผิดปกติแน่นอน ถ้าข่าวคาวฉาวโฉ่ที่ออกมาเป็นความจริง คนที่คิดเอาความเดือดร้อนประชาชนมาหากินก็ถือว่าชั่วร้ายน่าดู
**แม้จะพยายามขยับปรับแก้ไขกันอย่างไร แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว วันนี้อย่างน้อยที่สุดคนที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ก็คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมายให้มากำกับดูแลปาล์ม
เพราะมันเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ชาวบ้านเดือดร้อนแล้ว ราคาปาล์มที่สูงขึ้น ต่อไปคงไม่ลดลงมาแล้ว สินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆจิปาถะ มีหรือที่ขึ้นแล้วจะลง
เรื่องนี้นายกฯควรไปตรวจสอบตั้งแต่ต้น ว่าใครทำอะไรไว้ตรงไหน แม้นายกฯไม่โกง แต่มีคนในรัฐบาลแอบโกง ก็ถือว่าใช้ไม่ได้ มันพายเรือให้โจรนั่ง
เรื่องร้อนๆนี้ พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าเอาไปชำแหละในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน แว่วว่ามีข้อมูลหลักฐาน เตรียมแจกแจงแบบชัดๆ เอารัฐบาลน็อกมืด เจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็โดดมาเล่นเรื่องนี้เอง เพราะเห็นขบวนการงาบปาล์มแล้วอดรนทนไม่ไหว ข้อมูลหลักฐานคงไหลไปกองรอแฉกันในสภา
เรื่องนี้ต้องบอกชาวบ้านให้มองหลักง่ายๆ ว่าเมื่อรัฐบาลทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า ทราบดีว่าน้ำมันปาล์มในสต็อกที่จำเป็นสำหรับประเทศคงเหลือไม่เพียงพอ แต่ทว่ากลับปล่อยปละละเลย ทั้งยังให้มีการส่งออก และนำไปผลิตไบโอดีเซล โดยไม่คิดหาผลผลิต หรือนำเข้าเพิ่มเติม เข้าไปในสต็อก เหมือนจงใจให้มันหมด
จากนั้นก็ทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลน เกิดการปั่นราคา และกักตุน รอจังหวะ โขกสับชาวบ้าน ขายกันแพงมหาโหด รัฐบาลก็ออกแอคชั่นแก้ปัญหา สั่งนำเข้าน้ำมันปาล์ม กระบวนการนี้ รู้กันดีว่าได้ค่าหัวคิวกันแน่นอน สุดท้ายพอปัญหาลุกลามจวนตัวก็มาแก้ปัญหากัน ขึงขังตั้งกรรมการมากำกับดูแลปาล์มน้ำมันทั้งระบบ แก้ไขให้ดูดี ทั้งๆที่ทำให้มันเสียหายด้วยน้ำมือตัวเองไปแล้ว
ตอนนี้โยนกลองกันไปมา เมาท์กันว่า พรรคแกนนำบริหารจัดการ ตั้งแต่ต้นทาง เรื่อยมา จนปลายทาง พรรคพวกเครือข่าย แบ่งสรรประโยชน์ ตามขั้นตอนของใครของมัน แล้วก็ไม่ลืมหารเปอร์เซ็นต์ให้กับอีกพรรค
**แต่วันนี้ปัญหามันกลับใหญ่ยักษ์กระทบคะแนนเสียง เดือดร้อนก็หันมาสวมบทเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด สาดโคลนใส่กัน ชิ่งหนีเผือกร้อน ปัดสวะเรื่องราวฉาวโฉ่ให้พ้นๆไป
แต่ที่มันอลเวงอยู่ตอนนี้ เพราะมีนักการเมือง พ่อค้าเจ้าเล่ห์ เข้ามาแทรก ชักหัวคิว หากำไรส่วนต่าง เลยทำให้กระบวนการบิดเบี้ยว กลไกรวนไปหมด สุดท้ายคนที่เดือดร้อนลำบากก็คือประชาชนคนหาเช้ารับประทานค่ำ คนที่ได้ประโยชน์คือคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง
ตอนนี้ภาครัฐเริ่มสะดุ้งกันแล้ว เพราะปัญหามันลุกลามบานปลาย จากที่คิดว่าจะขีดวงไว้ได้เฉพาะราคาน้ำมันปาล์ม มันลามไปถึงสินค้าตัวอื่นๆ รัฐบาลลำบากแน่ เล่นอะไรไม่เล่นเล่นกับปากท้องชาวบ้าน มีแต่เสียกับเสีย
**ที่แก้ไขล่าช้าตอนนี้ ไม่รู้เพราะกำลังสนุกกับการฟันหัวคิวกันอยู่ ชักเปอร์เซ็นต์กันเพลินไปหรือไม่ และยิ่งเหมือนไฟร้อนกำลังมาจุกตูด เพราะคนพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปาล์ม ขว้างงูเท่าไหร่มันก็ไปไม่พ้นคอ
วันนี้เมื่อปัญหาจวนตัวก็ออกอาการโยนกลองกันพัลวัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกำกับดูแลปาล์ม ชกใต้กระโปรง โยนของเน่าให้กระทรวงพาณิชย์หน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาภาษาดอกไม้กันแผลบๆ
ในขณะที่พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ก็เตะผ่าหมากกลับไป บอกเป็นคนปลายน้ำ ต้องมานั่งแก้ของเน่าที่เน่ามาตั้งแต่ต้นน้ำ ขอให้ไปสืบสาวดูต้นตอดีกว่า
ฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทย ไม่พลาดที่จะหยิบจับเรื่องนี้มาขยายผล ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อน
**“ครม.สวาปาล์ม” ตั้งฉายาแสบๆคัน แต่สะท้านไปถึงทรวง
จุดที่น่าสงสัย คือการปล่อยสต็อกตกต่ำลงกว่าที่ควรจะมีน้ำมันปาล์มสำรอง 2 แสนตันในประเทศ ในช่วงปลายปีที่แล้ว ทั้งยังก้มหน้าก้มตาส่งออก นำไปใช้ผลิตไบโอดีเซล โดยไม่มีการวางแผนนำน้ำมันปาล์มมาทดแทน จนในที่สุดก็หมดสต็อกในเดือนธันวาคม
เมื่อของขาดแคลน แต่ไม่รีบนำเข้า ก็เกิดกระบวนการขึ้นราคา และกักตุน นานไปๆ สินค้าอื่นๆก็ขึ้นตามเป็นลูกระนาด ครั้นพอเมื่อราคาขึ้นไประยะหนึ่ง รัฐบาลจึงค่อยสั่งนำเข้า ตรงนี้น่าสังเกตว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อใครหรือไม่?
**พรรคเพื่อไทยออกมาปูดสารพัดชื่อย่อมีเอี่ยวขบวนการ คือนักการเมือง “พ” “ส” “อ” และ “อ” พร้อมทั้งให้ข้อสังเกตว่า 3 จังหวัดภาคใต้ ที่เป็นแหล่งผลิตปาล์มสำคัญ คือ กระบี่ สุราษฎร์ธานี และชุมพร ต่อจิ๊กซอว์ให้ไปไล่ชื่อกันเอง สังเกตง่ายๆ ให้ไปดูโรงหีบน้ำมัน 65 โรงงาน แต่เจ้าของมีไม่ถึงตามจำนวน พวกนี้ได้ประโยชน์กันไปเต็มๆ ไล่เรียงกันดูเครือข่ายใครบ้าง ภาพก็ยิ่งชัด
นินทากันว่า กระบวนการปาล์มนี้ ระหว่างทางมีการงาบกันถึง 3 ช็อต จัดสรรปันส่วนกันแบบสมานฉันท์ แต่ทว่าปัญหามันเริ่มบานไม่หุบ กระทบกระแทกความนิยมรัฐบาลไปแบบเต็มๆ เลยต้องตาลีตาเหลือกออกแอคชั่นแก้ไขปัญหากันยกใหญ่
เรื่องราคาน้ำมันปาล์มพุ่งกระฉูด ดูยังไงก็ผิดปกติแน่นอน ถ้าข่าวคาวฉาวโฉ่ที่ออกมาเป็นความจริง คนที่คิดเอาความเดือดร้อนประชาชนมาหากินก็ถือว่าชั่วร้ายน่าดู
**แม้จะพยายามขยับปรับแก้ไขกันอย่างไร แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว วันนี้อย่างน้อยที่สุดคนที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ก็คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมายให้มากำกับดูแลปาล์ม
เพราะมันเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ชาวบ้านเดือดร้อนแล้ว ราคาปาล์มที่สูงขึ้น ต่อไปคงไม่ลดลงมาแล้ว สินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆจิปาถะ มีหรือที่ขึ้นแล้วจะลง
เรื่องนี้นายกฯควรไปตรวจสอบตั้งแต่ต้น ว่าใครทำอะไรไว้ตรงไหน แม้นายกฯไม่โกง แต่มีคนในรัฐบาลแอบโกง ก็ถือว่าใช้ไม่ได้ มันพายเรือให้โจรนั่ง
เรื่องร้อนๆนี้ พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าเอาไปชำแหละในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน แว่วว่ามีข้อมูลหลักฐาน เตรียมแจกแจงแบบชัดๆ เอารัฐบาลน็อกมืด เจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็โดดมาเล่นเรื่องนี้เอง เพราะเห็นขบวนการงาบปาล์มแล้วอดรนทนไม่ไหว ข้อมูลหลักฐานคงไหลไปกองรอแฉกันในสภา
เรื่องนี้ต้องบอกชาวบ้านให้มองหลักง่ายๆ ว่าเมื่อรัฐบาลทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า ทราบดีว่าน้ำมันปาล์มในสต็อกที่จำเป็นสำหรับประเทศคงเหลือไม่เพียงพอ แต่ทว่ากลับปล่อยปละละเลย ทั้งยังให้มีการส่งออก และนำไปผลิตไบโอดีเซล โดยไม่คิดหาผลผลิต หรือนำเข้าเพิ่มเติม เข้าไปในสต็อก เหมือนจงใจให้มันหมด
จากนั้นก็ทำให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลน เกิดการปั่นราคา และกักตุน รอจังหวะ โขกสับชาวบ้าน ขายกันแพงมหาโหด รัฐบาลก็ออกแอคชั่นแก้ปัญหา สั่งนำเข้าน้ำมันปาล์ม กระบวนการนี้ รู้กันดีว่าได้ค่าหัวคิวกันแน่นอน สุดท้ายพอปัญหาลุกลามจวนตัวก็มาแก้ปัญหากัน ขึงขังตั้งกรรมการมากำกับดูแลปาล์มน้ำมันทั้งระบบ แก้ไขให้ดูดี ทั้งๆที่ทำให้มันเสียหายด้วยน้ำมือตัวเองไปแล้ว
ตอนนี้โยนกลองกันไปมา เมาท์กันว่า พรรคแกนนำบริหารจัดการ ตั้งแต่ต้นทาง เรื่อยมา จนปลายทาง พรรคพวกเครือข่าย แบ่งสรรประโยชน์ ตามขั้นตอนของใครของมัน แล้วก็ไม่ลืมหารเปอร์เซ็นต์ให้กับอีกพรรค
**แต่วันนี้ปัญหามันกลับใหญ่ยักษ์กระทบคะแนนเสียง เดือดร้อนก็หันมาสวมบทเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด สาดโคลนใส่กัน ชิ่งหนีเผือกร้อน ปัดสวะเรื่องราวฉาวโฉ่ให้พ้นๆไป