นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IFS เปิดเผยว่าสิ้นสุดปี53 ปริมาณการรับซื้อสิทธิเรียกร้อง (สินเชื่อแฟคเตอริ่ง) ของบริษัทขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นประมาณ 24% เมื่อเทียบกับปี 52 ที่มีขนาดประมาณ 13,700 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการของ IFS ในรอบปีที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 3 มีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 0.085 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบบแทน 50%
โดยผลประกอบการของบริษัทฯปรับตัวดีขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศซึ่งฟื้นตัวในระดับที่ดี ทำให้ปริมาณการปล่อยสินเชื่อแฟคเตอริ่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ IFS ยังมีการปล่อยสินเชื่อลีสซิ่ง ประเภทสัญญาเช่าทางการเงิน และสินเชื่อเช่าซื้อ ที่สามารถเป็นแหล่งเงินสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและมีการลงทุนในเครื่องจักร หรือยานพาหนะให้กับลูกค้าด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในระดับน่าพอใจ อีกทั้งทีมงานนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมและการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแนวโน้มปี 54 ซึ่งภาครัฐคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP จะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 4 % จึงทำให้ IFS มั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้ก็จะยังคงเติบโตตามการขยายตัวของ GDP ของประเทศ โดยคาดว่าปริมาณการรับซื้อสิทธิเรียกร้อง (สินเชื่อแฟคเตอริ่ง) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-30 % ของปริมาณสินเชื่อในปี 53 และจะรุกตลาดที่เป็น Export Factoring มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเห็นได้จากการขยายตัวของการส่งออกของประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่าผลงานสิ้นปี 53 มี รายได้รวม 2,917.60 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 32% และมีกำไรสุทธิ 316.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 319% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจเพลงและดิจิตอล (Music & Digital) ธุรกิจกีฬาและธุรกิจสื่อ ขณะที่ธุรกิจหลักด้านมีเดียก็ยังเติบโต ซึ่งปีนี้บิษัทก็ยังคงเดินหน้าเพิ่้มประสิทธิภาพในการบริหารงานทุกหน่วยงานและบริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะทำให้กำไรปรับตัวดีขึ้น
ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯมีการอนุมัติเรื่องการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอัตราหุ้นละ 0.15 บาท/หุ้น ภายในวันที่ 29 เม.ย. นี้ โดยมติในการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 54
โดยผลประกอบการของบริษัทฯปรับตัวดีขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศซึ่งฟื้นตัวในระดับที่ดี ทำให้ปริมาณการปล่อยสินเชื่อแฟคเตอริ่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ IFS ยังมีการปล่อยสินเชื่อลีสซิ่ง ประเภทสัญญาเช่าทางการเงิน และสินเชื่อเช่าซื้อ ที่สามารถเป็นแหล่งเงินสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและมีการลงทุนในเครื่องจักร หรือยานพาหนะให้กับลูกค้าด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในระดับน่าพอใจ อีกทั้งทีมงานนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมและการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแนวโน้มปี 54 ซึ่งภาครัฐคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP จะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 4 % จึงทำให้ IFS มั่นใจว่าผลประกอบการในปีนี้ก็จะยังคงเติบโตตามการขยายตัวของ GDP ของประเทศ โดยคาดว่าปริมาณการรับซื้อสิทธิเรียกร้อง (สินเชื่อแฟคเตอริ่ง) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-30 % ของปริมาณสินเชื่อในปี 53 และจะรุกตลาดที่เป็น Export Factoring มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเห็นได้จากการขยายตัวของการส่งออกของประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่าผลงานสิ้นปี 53 มี รายได้รวม 2,917.60 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 32% และมีกำไรสุทธิ 316.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 319% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจเพลงและดิจิตอล (Music & Digital) ธุรกิจกีฬาและธุรกิจสื่อ ขณะที่ธุรกิจหลักด้านมีเดียก็ยังเติบโต ซึ่งปีนี้บิษัทก็ยังคงเดินหน้าเพิ่้มประสิทธิภาพในการบริหารงานทุกหน่วยงานและบริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะทำให้กำไรปรับตัวดีขึ้น
ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯมีการอนุมัติเรื่องการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอัตราหุ้นละ 0.15 บาท/หุ้น ภายในวันที่ 29 เม.ย. นี้ โดยมติในการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 54
