ASTVผู้จัดการรายวัน - ไออาร์พีซี งวดสิ้นปี 53 กวาดกำไรกว่า 6 พันล้านบาทผลจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากการขายและปรับมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อค้าเพิ่มขึ้น ดันกำไรรวมยังเติบโต แม้ราคาตลาดน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นกว่าราคาผลิตภัณฑ์ส่งผลให้กำไรขึ้นต้นลดลง ขณะที่บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเพิ่มอีกหุ้นละ 10 สตางค์หลังจากจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 8 สตางค์
นางสาวนวลวรรณ ภู่ประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC แจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 53 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 ของบริษัทและบริษัทย่อยว่ามีผลกำไรสุทธิ 6,182.69 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 5,415.50 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 767.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14%
โดยงวดนี้ บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 จำนวนเงิน221,611.02 ล้านบาทเทียบกับปีก่อนที่มี 166,036.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55,574.64 ล้านบาท คิดเป็น 33% และมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 56,244.88 ล้านบาท คิดเป็น 36% ทำให้มีกำไรขั้นต้น เป็นเงิน 9,345.36 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น เป็นเงิน 10,015.61 ล้านบาท ลดลง 670.25ล้านบาท คิดเป็น 7 % เนื่องจากราคาตลาดของน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าราคาของผลิตภัณฑ์โดยรวม โดยบริษัทมีต้นทุนน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 78.6 เหรียญ/บาร์เรล เปรียบเทียบกับปีก่อนที่61.9 เหรียญ/บาร์เรล สูงขึ้น 16.7 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็น 27 % ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์โดยรวมสูงขึ้น 24% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง
อีกทั้งปี 53 บริษัทฯ มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่174,257 บาร์เรลต่อวัน เทียบกับปีก่อน ที่มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 141,906 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 23 % นอกจากนี้ในปี 52 บริษัทและบริษัทย่อยได้บันทึกกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือโดยหักออกจากต้นทุนขายเป็นเงิน 5,045 ล้านบาท ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 1,692 ล้านบาท เนื่องจากในปีปัจจุบันมี ขาดทุนจากสัญญาแลกเปลี่ยนส่วนต่างราคาน้ำมันล่วงหน้าและกำไรจากการกลับรายการด้อยค่าทรัพย์สินรวมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ปีก่อนขาดทุนจากรายการดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 พบว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าที่ปรึกษาเพิ่มขึ้น 55 ล้านบาท และรายการอื่น ๆ ล้วนเพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนทางการเงินจะลดลงอันเป็นผลจากการมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น ทำให้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานปี 53 ในอัตราหุ้นละ 0.18บาท โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 53 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท เมื่อวันที่ 17 กันยายน 53 และคงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนหลัง ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม54 และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 54 ในวันที่ 5 เมษายน 54
นางสาวนวลวรรณ ภู่ประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC แจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 53 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 ของบริษัทและบริษัทย่อยว่ามีผลกำไรสุทธิ 6,182.69 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 5,415.50 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 767.19 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14%
โดยงวดนี้ บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 จำนวนเงิน221,611.02 ล้านบาทเทียบกับปีก่อนที่มี 166,036.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55,574.64 ล้านบาท คิดเป็น 33% และมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 56,244.88 ล้านบาท คิดเป็น 36% ทำให้มีกำไรขั้นต้น เป็นเงิน 9,345.36 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น เป็นเงิน 10,015.61 ล้านบาท ลดลง 670.25ล้านบาท คิดเป็น 7 % เนื่องจากราคาตลาดของน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าราคาของผลิตภัณฑ์โดยรวม โดยบริษัทมีต้นทุนน้ำมันดิบเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 78.6 เหรียญ/บาร์เรล เปรียบเทียบกับปีก่อนที่61.9 เหรียญ/บาร์เรล สูงขึ้น 16.7 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็น 27 % ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์โดยรวมสูงขึ้น 24% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง
อีกทั้งปี 53 บริษัทฯ มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่174,257 บาร์เรลต่อวัน เทียบกับปีก่อน ที่มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 141,906 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 23 % นอกจากนี้ในปี 52 บริษัทและบริษัทย่อยได้บันทึกกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือโดยหักออกจากต้นทุนขายเป็นเงิน 5,045 ล้านบาท ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 1,692 ล้านบาท เนื่องจากในปีปัจจุบันมี ขาดทุนจากสัญญาแลกเปลี่ยนส่วนต่างราคาน้ำมันล่วงหน้าและกำไรจากการกลับรายการด้อยค่าทรัพย์สินรวมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ปีก่อนขาดทุนจากรายการดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 53 พบว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าที่ปรึกษาเพิ่มขึ้น 55 ล้านบาท และรายการอื่น ๆ ล้วนเพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนทางการเงินจะลดลงอันเป็นผลจากการมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น ทำให้คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานปี 53 ในอัตราหุ้นละ 0.18บาท โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 53 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท เมื่อวันที่ 17 กันยายน 53 และคงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มสำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนหลัง ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม54 และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 54 ในวันที่ 5 เมษายน 54