xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด TPOLYไฟเขียว ตั้ง2บ.ย่อย แตกไลน์ธุรกิจสร้างรายได้ที่มั่นคง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยโพลีคอนส์ ตั้ง บ.ย่อย "ทีโพลี่ พร็อพเพอร์ตี้" รองรับการขยายไลน์ธุรกิจลุยงานอสังหาฯประเดิมโครงการอสังหาฯ แนวราบมูลค่า 200 ล้านบาทชิมลางเป็นงานแรก คาดเห็นผลงานชัดเจนปีหน้า และ "ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์"ลุยโรงไฟฟ้าชีวะมวลแห่งที่สองใช้งบ 700 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างเกือบ 2 ปี ส่วนธุรกิจหลักรับเหมาก่อสร้างยังเติบโตได้ดี

นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 54 ได้มีมติอนุมัติเบื้องต้นให้จัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด (CR) ภายในเดือนมิถุนายน 54 ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 130 ล้านบาท โดย TPOLY ถือหุ้น 65% ของทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นร่วมของพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงไฟฟ้า โดย บริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นการสานต่อนโยบายเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิและเพิ่มกระแสเงินสดที่มั่นคงให้กับบริษัทฯในระยะยาว เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าได้รับสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้าระยะยาวเป็นเวลา 25 ปี ต่อเนื่องอัตโนมัติทุกๆ 5 ปี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ในไตรมาส 3 นี้

นอกจากนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติเบื้องต้นให้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท ทีโพลี่ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ภายในเดือนพฤษภาคม 54 เพื่อประกอบธุรกิจ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซื้อขายที่ดิน พัฒนาโครงการจัดสรร รับจำนำจำนอง โดย TPOLY ลงทุนสัดส่วน 99.99 % จากทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่งประมาณปลายปี 54 บริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ แนวราบใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 200 ล้านบาท ถือเป็นโครงการนำร่องเป็นโครงการแรก ส่วนทำเลยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้

" การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นไปตามแผนธุรกิจที่บริษัทฯวางไว้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการลงทุนธุรกิจนี้บริษัทฯ ได้ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทฯ จะดูแลการก่อสร้าง ส่วนพันธมิตรจะดูแลการขาย ซึ่งคาดว่าไตรมาส 3 ปีนี้น่าจะเปิดตัวพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการได้ ส่วนช้างแรกฯ ที่จะลงทุนก่อสร้างโรง ไฟฟ้าชีวมวล แห่งที่ 2 ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้น จะมีกำลังการผลิตเ 9.5 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 700 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ทางบริษัทเป็นทั้งผู้รับเหมาในการก่อสร้างและผู้ลงทุน โดยจะสามารถรับรู้รายได้ระหว่างการก่อสร้างเป็น Backlog ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 550-580 ล้านบาท อีกทั้งโครงการนี้สามารถสร้างรายได้ประมาณปีละ 200 ล้านบาท บริษัทถือหุ้น 65% ทำให้รับรู้รายได้ประมาณ 130 ล้านบาท/ปี และมีกำไรสุทธิปีละ 35 ล้านบาท โดยโครงการนี้มีผลตอบแทนการลงทุนที่(IRR) 12% ระยะเวลาการคืนทุนประมาณ 6.5 ปี "

นายเชิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า การขยายไลน์ธุรกิจให้กว้างขวางขึ้นในปัจจุบัน เพื่อต้องการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัทฯ ในอนาคต แต่ธุรกิจหลักอย่างรับเหมาก่อสร้างที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และบริษัทฯ ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งงานใหม่อีกมูลค่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยประกาศผลในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ และคาดได้รับงาน 50% จากมูลค่างานทั้งหมด

ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 3,218 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้สัดส่วน 40% ที่เหลืออีก 60% ทยอยรับรู้รายได้ในปี 55 จึงมั่นใจว่าปีนี้จะผลักดันรายได้ให้ขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2,500 ล้านบาทได้สำเร็จ จากปี 53 ที่ทำได้ 2,013 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น