ASTVผู้จัดการรายวัน – "กฤษดาฯ" ย้ำไม่เร่งหาพันธมิตรร่วมทุน ระบุหนี้ไม่ก่อรายได้ต่ำลงเหลือ 300 ล้านบาทเศษ คาดสิ้นปีชำระหมด เผยแบงก์เกียรตินาคินฯเจ้าหนี้รายใหญ่ แจงแผนปี 54 ผุด 9 โครงการ เผยสัดส่วนเปิดคอนโดฯมูลค่าสูงสุด 60% ที่เหลือบ้านเดี่ยว ส่งผลทั้งปีมีสต๊อกสินค้ากว่า 2,000 ล้านบาท ด้านวิจัยฯศุภาลัย คาดอสังหาฯปีนี้ โต 6-10% ลุ้นเลือกตั้ง ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล กระตุ้นศก.
นายธเนศวร์ สิงคาลวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเริ่มมีกำไรเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้ภาระหนี้สินรวม 1,300 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 300 ล้านบาทเศษ จะครบกำหนดชำระในช่วงสิ้นปีนี้ ที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาทเป็นหนี้ที่ก่อรายได้ เกิดจากการกู้พัฒนาโครงการในปัจจุบัน โดยมีธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าหนี้
ดังนั้น ทางเคเอ็มซี จึงยังไม่รีบเร่งหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นร่วม แม้ว่าจะมีหลายรายให้ความสนใจเข้ามาร่วมทุน
“ ก่อนหน้านี้ เคเอ็มซี มีหนี้ค่อนข้างมาก จึงมีแผนเพิ่มทุนโดยดึงพันธมิตรรายใหม่เข้ามา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า แต่ตอนนี้ หนี้เหลือเพียง 300 ล้านบาท ประกอบระยะที่ผ่านมา จากวิกฤตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป ส่งผลถึงระบบการเงินที่ทำให้การขอสินเชื่อของพันธมิตรค่อนข้างลำบาก แต่ถึงกระนั้น ทางเคเอ็มซี ยังเปิดกว้าง เพราะหากพันธมิตรที่แข็งแกร่งเข้ามา จะทำให้บริษัทมีความมั่นคงขึ้น"
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 54 ยอมรับว่า คอนโดมิเนียมมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลมีการอนุมัติโครงการก่อสร้างก่อสร้างรถไฟฟ้าพร้อมกันถึง5สายทาง ทำให้เกิดทำเลใหม่ๆ ราคาที่ดินปรับสูงขึ้น จนไม่สามารถพัฒนาบ้านระดับกลางได้ ผู้ประกอบการที่ซื้อที่ดินเข้ามาต้องปรับแผนหันไปพัฒนาโครงการแนวสูง ส่วนผู้ประกอบการบางรายที่จะทำโครงการบ้านเดี่ยว หันไปพัฒนาสินค้าที่จับกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นด์แทน
" โปรดักส์คอนโดฯของบริษัท จะเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้า ขนาดและราคาที่เหมาะกับกำลังซื้อ เพื่อให้เกิดการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้น การพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ ความสูงไม่เกิน 8 ชั้น จะช่วยให้ปิดการขายได้เร็ว ความเสี่ยงต่ำ ไม่เสี่ยงกับการแข่งขันกับโครงการใหม่ๆ ที่เกิดในพื้นที่ใกล้เคียง ปัจจุบัน ทุกโครงการราคาขายเริ่มต้น1.2-1.9ล้านบาท ส่วนตลาดแนวราบ จะเริ่มตั้งแต่ 3-20 ล้านบาท โดยสต๊อกบ้านที่พัฒนาออกขายให้ลูกค้ามีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะปิดการขายได้ 50% ”
ทั้งนี้ ตามแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้จะมีจำนวน 9 โครงการ โดยคอนโดฯจะมีมูลค่าสูงสุดคิดเป็นสัดส่วน 60% และบ้านเดี่ยว 40% โดยโครงการแนวสูงจะอยู่โซนรัชดาภิเษ ซอย 17 ซึ่งจะเปิดตัว 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ เดอะคริส เอ็กซ์ตร้า 4,5,6และ7 ซึ่งในส่วนของโครงการ เดอะคริส เอ็กซ์ตร้า 4 จะส่งมอบให้ลูกค้าในปี 55 ล่าสุดในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 24 ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค.นี้ จะเปิดตัวโครงการ เดอะคริสเอ็กซ์ตร้า 5 รัชดา17 ส่วน 6 และ 7 จะเป็นช่วงปลายปีต่อเนื่องปี 55
สำหรับโครงการแนวราบ จะมี 5 โครงการ คือ โครงการบ้านเดี่ยวผสมบ้านแฝดในโครงการกฤษดา แกรนด์พาร์ค รังสิต ใกล้ม.กรุงเทพรังสิต เฟส 3 มูลค่าขาย 500-600ล้านบาท และอีก1โครงการใหม่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโครงการเดิมย่านรังสิต จะพัฒนาเป็นที่ดินพร้อมสาธารณูปโภคขายจำนวน 15 แปลง เนื้อที่ 200 ตารางวา บนพื้นที่รวม 3,000 ตารางวา โครงการที่ 3 บ้านเดี่ยวผสมบ้านแฝด “กฤษดาลากูล” เลียบถนนนครอินเป็นเฟสต่อเนื่องโครงการเดิม ที่เหลืออีก 2 โครงการจะอยู่ย่านพุทธมณฑล 2-3
***วิจัยฯศุภาลัยคาดอสังหาฯโต 6-10%
ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปีนี้ คาดว่าตลาดอสังหาฯน่าจะเติบโตได้ประมาณ 6-10% จากปี 53 ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯจะยังมีสัดส่วนตลาดที่สูงที่สุดอยู่เช่นเดิม เพราะการใช้ชีวิตของประชาชนเปลี่ยนไป ขนาดครอบครัวเล็กลง อย่างไรก็ตาม ในด้านของการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น ถ้ารัฐบาลประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 25% ประกอบกับในปีนี้ จะเป็นปีที่มีการเลือกตั้งใหม่ ก็จะกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม
นายธเนศวร์ สิงคาลวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเริ่มมีกำไรเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้ภาระหนี้สินรวม 1,300 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 300 ล้านบาทเศษ จะครบกำหนดชำระในช่วงสิ้นปีนี้ ที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาทเป็นหนี้ที่ก่อรายได้ เกิดจากการกู้พัฒนาโครงการในปัจจุบัน โดยมีธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าหนี้
ดังนั้น ทางเคเอ็มซี จึงยังไม่รีบเร่งหาพันธมิตรเข้ามาถือหุ้นร่วม แม้ว่าจะมีหลายรายให้ความสนใจเข้ามาร่วมทุน
“ ก่อนหน้านี้ เคเอ็มซี มีหนี้ค่อนข้างมาก จึงมีแผนเพิ่มทุนโดยดึงพันธมิตรรายใหม่เข้ามา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า แต่ตอนนี้ หนี้เหลือเพียง 300 ล้านบาท ประกอบระยะที่ผ่านมา จากวิกฤตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป ส่งผลถึงระบบการเงินที่ทำให้การขอสินเชื่อของพันธมิตรค่อนข้างลำบาก แต่ถึงกระนั้น ทางเคเอ็มซี ยังเปิดกว้าง เพราะหากพันธมิตรที่แข็งแกร่งเข้ามา จะทำให้บริษัทมีความมั่นคงขึ้น"
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี 54 ยอมรับว่า คอนโดมิเนียมมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลมีการอนุมัติโครงการก่อสร้างก่อสร้างรถไฟฟ้าพร้อมกันถึง5สายทาง ทำให้เกิดทำเลใหม่ๆ ราคาที่ดินปรับสูงขึ้น จนไม่สามารถพัฒนาบ้านระดับกลางได้ ผู้ประกอบการที่ซื้อที่ดินเข้ามาต้องปรับแผนหันไปพัฒนาโครงการแนวสูง ส่วนผู้ประกอบการบางรายที่จะทำโครงการบ้านเดี่ยว หันไปพัฒนาสินค้าที่จับกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นด์แทน
" โปรดักส์คอนโดฯของบริษัท จะเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้า ขนาดและราคาที่เหมาะกับกำลังซื้อ เพื่อให้เกิดการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้น การพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์ ความสูงไม่เกิน 8 ชั้น จะช่วยให้ปิดการขายได้เร็ว ความเสี่ยงต่ำ ไม่เสี่ยงกับการแข่งขันกับโครงการใหม่ๆ ที่เกิดในพื้นที่ใกล้เคียง ปัจจุบัน ทุกโครงการราคาขายเริ่มต้น1.2-1.9ล้านบาท ส่วนตลาดแนวราบ จะเริ่มตั้งแต่ 3-20 ล้านบาท โดยสต๊อกบ้านที่พัฒนาออกขายให้ลูกค้ามีมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะปิดการขายได้ 50% ”
ทั้งนี้ ตามแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้จะมีจำนวน 9 โครงการ โดยคอนโดฯจะมีมูลค่าสูงสุดคิดเป็นสัดส่วน 60% และบ้านเดี่ยว 40% โดยโครงการแนวสูงจะอยู่โซนรัชดาภิเษ ซอย 17 ซึ่งจะเปิดตัว 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ เดอะคริส เอ็กซ์ตร้า 4,5,6และ7 ซึ่งในส่วนของโครงการ เดอะคริส เอ็กซ์ตร้า 4 จะส่งมอบให้ลูกค้าในปี 55 ล่าสุดในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 24 ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค.นี้ จะเปิดตัวโครงการ เดอะคริสเอ็กซ์ตร้า 5 รัชดา17 ส่วน 6 และ 7 จะเป็นช่วงปลายปีต่อเนื่องปี 55
สำหรับโครงการแนวราบ จะมี 5 โครงการ คือ โครงการบ้านเดี่ยวผสมบ้านแฝดในโครงการกฤษดา แกรนด์พาร์ค รังสิต ใกล้ม.กรุงเทพรังสิต เฟส 3 มูลค่าขาย 500-600ล้านบาท และอีก1โครงการใหม่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโครงการเดิมย่านรังสิต จะพัฒนาเป็นที่ดินพร้อมสาธารณูปโภคขายจำนวน 15 แปลง เนื้อที่ 200 ตารางวา บนพื้นที่รวม 3,000 ตารางวา โครงการที่ 3 บ้านเดี่ยวผสมบ้านแฝด “กฤษดาลากูล” เลียบถนนนครอินเป็นเฟสต่อเนื่องโครงการเดิม ที่เหลืออีก 2 โครงการจะอยู่ย่านพุทธมณฑล 2-3
***วิจัยฯศุภาลัยคาดอสังหาฯโต 6-10%
ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในปีนี้ คาดว่าตลาดอสังหาฯน่าจะเติบโตได้ประมาณ 6-10% จากปี 53 ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯจะยังมีสัดส่วนตลาดที่สูงที่สุดอยู่เช่นเดิม เพราะการใช้ชีวิตของประชาชนเปลี่ยนไป ขนาดครอบครัวเล็กลง อย่างไรก็ตาม ในด้านของการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น ถ้ารัฐบาลประกาศลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 25% ประกอบกับในปีนี้ จะเป็นปีที่มีการเลือกตั้งใหม่ ก็จะกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม