xs
xsm
sm
md
lg

ผัว-เมีย“สวาปาล์ม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

00 เรียบร้อยโรงเรียน “กำนัน” ไปแล้วครับพี่น้อง เพราะเขาปิดห้องฮั้ว เขาเล่นละครกันเสร็จสรรพ ทำนอง ผัวมั่ง เมียมั่ง แบ่งๆกันไป แต่คิดว่าชาวบ้านทั่วไปก็น่าจะมองออกว่านี่คือเกม “ผลประโยชน์” ของผู้มีอำนาจ และนักการเมืองเพื่อ “สะสมเสบียง” สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
00 การทำขึงขังประชุมของ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง(น้ำมันปาล์ม) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ สุเทพ เทือกสุบรรณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรม เกษตรฯ และที่ขาดไม่ได้ รมว.พาณิชย์ พรทิวา นาคาศัย ผลสรุปก็ออกมาอย่างที่แย้มออกมาก่อนหน้านี้คือให้เอกชนนำเข้าล็อตแรกก่อน 3 หมื่นตัน พร้อมทั้งมีการชดเชยส่วนต่างให้ราคาลิตรละ 5 บาทสำหรับการนำเข้าจากต่างประเทศ และลิตรละ 9.50 สำหรับน้ำมันในประเทศ แต่เพื่อความ “สมจริง” ก็ให้ดีเอสไอไปนั่งเฝ้าที่โรงงาน
00 การประกาศว่าชาวบ้านจะไม่ตองเข้าคิวซื้อน้ำมันปาล์มและซื้อได้ในราคาขวดละ 47 บาท มันก็แหงอยู่แล้วถ้ายังเป็นแบบเดิมก็สมควร “ไปตายซะ” แต่คำถามก็คือทำไมปล่อยให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนนานกว่า 3 เดือนแล้วพวกเอ็งทำไมถึงเพิ่งลงมาแก้ปัญหาแบบไฟลนก้น ทำไมต้องรอให้บรรดาแม่ค้า “กล้วยแขก” ด่ากันลั่นตลาดถึงตาลีตาเหลือกเข้ามา หรือว่าเมื่อวิธี “กักตุน” ค้ากำไรด้วยวิธีหนึ่ง เมื่อถูกจับได้ก็ถึงเวลาเปลี่ยนวิธีการใหม่ รับทั้ง “สองเด้ง” หรือเปล่า
00 ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่ “เนวิน ชิดชอบ” ออกมาเปรียบเทียบพรรคประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทยเหมือน “ผัว-เมีย” ที่เมียมักถูกผัวซ้อมบ่อย พร้อมขู่ว่าระวังหากทนไม่ไหวอาจถูกเมีย “ตัดจู๋” หรือ “ฟันหัวแบะ” และยังมีอีกทางหนึ่งคือ “หนีไปมีชู้” เท่านั้นแหละได้ผล “เจ้าเทือก” ก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งเลิกไล่บี้ “เจ๊วา” ทันควัน นี่แหละเขาถึงเรียกว่า “เกมปาหี่กระจอก” แบ่งปันผลประโยชน์ของพวกนักการเมืองขี้ฉ้อที่หากินบนความเดือดร้อนของชาวบ้านเท่านั้น เมื่อสมประโยชน์ด้วยกันแล้วก็เงียบเสียง ทุด !!
00 มาถึงเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชากันบ้าง อย่างที่พูดกันมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่แรกแล้วว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์มันมัวแต่รักษา “เอ็มโอยู 43” เท่านั้นไม่ใช่รักษาอธิปไตย ดินแดนของชาติ เพราะไม่เช่นนั้นคงต้องยืนยันไม่ให้ประเทศที่สามเข้ามายุ่มย่ามตามแนวชายแดน เพราะการที่ยอมให้ทหารอินโดฯเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ มันก็เท่ากับการยอมรับว่าให้เขมรมันยึดพื้นที่ของไทยโดยถาวร ซึ่งความหมายก็คือการหยุดยิงถาวรและเสียดินแดนถาวรโดยปริยายเข้าทางฮุนเซน วันยังค่ำ ซึ่งทั้ง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกษิต ภิรมย์ ก็เห็นดีเห็นงาม เพียงแค่ให้เจรจา “ทวิภาคี” ตามที่กำหนดอยู่ในเอ็มโอยูเท่านั้น ไม่สนใจว่าจะเสียเปรียบแค่ไหน
00 จะ “ปรองดอง” แบบไหนก็แล้วแต่ นาทีนี้ถือว่า “ปลง” เสียแล้ว บางทีก็ดีเหมือนกันที่ศาลปล่อยตัว “7หัวโจก” แดงเผาเมืองออกมาเพ่นพ่านข้างนอก ถือว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด บางครั้งบ้านเมืองมันก็ต้องเดินไปให้ถึงที่สุด และมีบทเรียนด้วยตัวของมันเอง คงไปฝืนชะตามันไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ชาวบ้านมีความฉลาดขึ้นมา เพราะได้เรียนรู้โดยตรง มองในหลักธรรมบางครั้งก็ต้องบอว่า “ต้องปล่อยวาง” เสียบ้าง เอวัง ทั้งเวร ทั้งกรรม !!
กำลังโหลดความคิดเห็น