ASTVผู้จัดการรายวัน-10 แกนนำพันธมิตรฯเข้ารายงานตัว บช.น.ตามหมายเรียก วันนี้"จำลอง"ขอผู้ชุมนุมอย่าไปกดดันตำรวจ มอบทนายขอความเป็นธรรม ผบ.ตร.ยันออกหมายเรียกมิชอบ "เทพเทือก"หนุนต่อ พรบ.มั่นคงอีก 15 วัน นครบาล ติดกล้องหวั่นมือที่สามป่วน
วานนี้(21 ก.พ)พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เปิดเผยถึงการไปรายงานตัวตามหมายเรียกของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า ตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า พันธมิตรฯจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอน จึงจะไปรายงานตัว และไปเสนอว่าสิ่งที่ตำรวจนั้นผิดขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งตนได้ขอร้องไม่ให้ผู้ชุมนุมติดตามไป เพราะจะเป็นการกดดันการทำหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งพันธมิตรฯไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมนั้น ยังยืนยันว่าไม่ได้กระทบต่อการชุมนุมของพวกเราเลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อยากให้พันธมิตรฯทบทวนแนวทางการชุมนุม เนื่องจากอาจทำให้เกิดกระแสตีกลับจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น รวมถึงการใช้วิชามารที่ต้องการสลายการชุมนุมของพวกเรา
** 10 แกนนำไปรายงานตัวที่ผบช.น.
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันนี้ ( 22 ก.พ.) จะมีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้น 3 เหตุการณ์ คือ 1. การที่ภาคประชาชน 10 คนที่ถูกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ออกหมายเรียก จะไปรายงานตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในเวลา 10.00 น.โดยทางทีมทนายของภาคประชาชนจะไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในหลายกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ ขั้นตอนการออกหมายเรียก หรือการออกประกาศพระราชบัญญัติความมั่นคง (พ.ร.บ.ความมั่นคง) ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายังยืนยันที่จะไปรายงานตัว เพื่อตอกย้ำว่าเจ้าหน้าที่รัฐทำผิดจริง และเราจะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
2.กรณีที่คณะรัฐมนตรีจะประกาศต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเท่ากับตอกย้ำความต้องการจัดการผู้ชุมนุมที่ออกมาทำหน้าที่และใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการนำกฎหมายเผด็จการมาครอบการชุมนุม ทั้งที่ไม่มีความกระทบต่อความมั่นคง และตำรวจมาตรวจสอบแล้วว่าเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ
3 .การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ซึ่งต้องจับตามองว่าจะมีแนวโน้มอย่างไรใน 2 ประเด็น คือ การเดินหน้าลงนามข้อตกลงหยุดยิง โดยปราศจากการพูดถึงดินแดนที่กัมพูชารุกล้ำ ซึ่งหากมีการลงนามจริงจะทำให้ฝ่ายไทยเสียดินแดนโดยถาวร รวมทั้งกรณีที่ฝ่ายไทยจะยินยอมให้อาเซียนมายุ่งกิจการภายใน โดยไม่อ้างถึงกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ 2 วรรค 7 ที่ห้ามไม่ให้สหประชาชาติ (UN) เข้ามาแทรกแซงไม่ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามอาจเป็นเพราะรัฐบาลไม่สามารถเถียงเรื่องเขตแดน เพราะไปยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนไปแล้ว
** "เทือก"หนุนต่อพ.ร.บ.มั่นคงอีก 15 วัน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ( ศอ.รส.) จะเสนอให้ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อีก 15 วัน ว่า ผบ.ตร. ต้องมารายงานให้ทราบว่าผลการปฏิบัติทั้งหมดเป็นอย่างไร และจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ตนเข้าใจดีว่าพี่น้องประชาชนก็รู้สึกรำคาญ เบื่อผู้ชุมนุม เพราะเดือดร้อน จะเดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวก แต่การแก้ไขปัญหา ก็พยายามทำกันด้วยความระมัดระวัง เพราะเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ตน เห็นใจทาง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องพยายามเจรจาขอร้องกันแทบทุกวัน น่าจะถึงเวลาที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะฉุกใจยั้งคิดได้แล้วว่า การชุมนุมยืดเยื้อต่อไป มีแต่จะทำให้เกิดเรื่องที่ไม่เป็นที่ชอบใจของประชาชนมากขึ้น ถ้ามีอะไรที่พอจะขยับขยายปรับแนวทางได้ ลดอะไรที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนลงไปได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงจะต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงไปอีก 15 วันก็ไม่มีผลอะไร เพราะปัจจุบันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว รองนายกฯฝ่ายความั่นคง กล่าวว่า ถ้าไม่มีกฎหมายควบคุมก็จะหนักกว่านี้ จำเป็นต้องมีกฎหมายที่มาใช้ควบคุมไม่เช่นนั้นป่านนี้ก็อาจจะมีการดาวกระจาย ไปที่โน่นที่นี่วุ่นวายกันมากกว่านี้
เมื่อถามว่า จะปล่อยให้ม็อบพธม.ยืดเยื้อไปจนถึงกลางปีจนถึงช่วงที่รัฐบาลจะประกาศยุบสภาเลยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปถามม็อบบ้าง แต่ทางรัฐบาลไม่เคยล้อมปราบประชาชน เราไม่เคยไปสลายม็อบไม่ว่าม็อบอะไรก็แล้วแต่ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นปัญหา ถ้า จะให้ตอบว่าต้องภายในวันนี้วันนี้ก็ตอบยาก เพียงแต่ทำอย่างไรให้จำกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เพิ่มขึ้น แต่ถ้าจะให้มาไล่ทุบตีกันคงไม่ดี ซึ่งหากต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงไปอีก 15 วันแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ก็ต้องรอดูต่อไป
**พธม.ยื่นขอความเป็นธรรม ผบ.ตร.**
วันเดียวกันเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ทั้ง 10 คน ที่ถูกหมายเรียกตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 18 ประกอบมาตรา 24 ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เพื่อขอให้ยกเลิกข้อกล่าวหาและยุติการบังคับใช้หมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 10 คน โดยมี พ.ต.อ.สุทธินาท สุดยอด รองเลขานุการ ตร.เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายอภิมะ กล่าวว่า การยื่นหนังสือโต้แย้งคัดค้านการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 10 คน เนื่องจากการออกหมายเรียกดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติคุ้มครองไว้ รวมทั้งการชุมนุมดังกล่าวยังเป็นการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน การกำหนดนโยบาย การดำเนินการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ ประกอบกับการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่ม ก็ดำเนินการโดยสงบและปราศจากอาวุธ ดังนั้นการออกหมายเรียกดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
**นครบาลพร้อมรับมอบตัว**
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายอก.บช.น. ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพิ่มเติมอีก 16 จุด จากเดิมที่มีแค่ 6 จุด ที่ด้านหน้าอาคารและบริเวณทางขึ้นของอาคารครอบคลุมไปทั่วอาคาร รวมทั้งบริเวณรอบพื้นที่ บช.น.ทั้งหมด ตามมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้ง อีกทั้งป้องกันมือที่สามที่อาจมาสร้างสถานการณ์ และการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมหลังจากพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ 10 คน มารับทราบข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 09.30 น.ซึ่งอาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนแกนนำพันธมิตรฯ ที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ได้แก่ 1.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 3.นายประพันธ์ คูณมี 4.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 5.นายรักษ์ รักษ์พงษ์ หรือ สมณะโพธิรักษ์ 6.นายสุริยะใส กตะศิลา 7.นายเทิดภูมิ ใจดี 8.นายพิภพ ธงไชย 9.นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือ รัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และ 10.นายทศพล แก้วทิมา มีรายงานด้วยว่า ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกจะเดินมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาครบทั้งหมด โดยพนักงานสอบสวนได้เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นชุดที่ 2 อีกด้วย
วานนี้(21 ก.พ)พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เปิดเผยถึงการไปรายงานตัวตามหมายเรียกของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า ตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า พันธมิตรฯจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอน จึงจะไปรายงานตัว และไปเสนอว่าสิ่งที่ตำรวจนั้นผิดขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งตนได้ขอร้องไม่ให้ผู้ชุมนุมติดตามไป เพราะจะเป็นการกดดันการทำหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งพันธมิตรฯไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมนั้น ยังยืนยันว่าไม่ได้กระทบต่อการชุมนุมของพวกเราเลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อยากให้พันธมิตรฯทบทวนแนวทางการชุมนุม เนื่องจากอาจทำให้เกิดกระแสตีกลับจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น รวมถึงการใช้วิชามารที่ต้องการสลายการชุมนุมของพวกเรา
** 10 แกนนำไปรายงานตัวที่ผบช.น.
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันนี้ ( 22 ก.พ.) จะมีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้น 3 เหตุการณ์ คือ 1. การที่ภาคประชาชน 10 คนที่ถูกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ออกหมายเรียก จะไปรายงานตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในเวลา 10.00 น.โดยทางทีมทนายของภาคประชาชนจะไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในหลายกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ ขั้นตอนการออกหมายเรียก หรือการออกประกาศพระราชบัญญัติความมั่นคง (พ.ร.บ.ความมั่นคง) ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายังยืนยันที่จะไปรายงานตัว เพื่อตอกย้ำว่าเจ้าหน้าที่รัฐทำผิดจริง และเราจะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
2.กรณีที่คณะรัฐมนตรีจะประกาศต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเท่ากับตอกย้ำความต้องการจัดการผู้ชุมนุมที่ออกมาทำหน้าที่และใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการนำกฎหมายเผด็จการมาครอบการชุมนุม ทั้งที่ไม่มีความกระทบต่อความมั่นคง และตำรวจมาตรวจสอบแล้วว่าเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ
3 .การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ซึ่งต้องจับตามองว่าจะมีแนวโน้มอย่างไรใน 2 ประเด็น คือ การเดินหน้าลงนามข้อตกลงหยุดยิง โดยปราศจากการพูดถึงดินแดนที่กัมพูชารุกล้ำ ซึ่งหากมีการลงนามจริงจะทำให้ฝ่ายไทยเสียดินแดนโดยถาวร รวมทั้งกรณีที่ฝ่ายไทยจะยินยอมให้อาเซียนมายุ่งกิจการภายใน โดยไม่อ้างถึงกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ 2 วรรค 7 ที่ห้ามไม่ให้สหประชาชาติ (UN) เข้ามาแทรกแซงไม่ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามอาจเป็นเพราะรัฐบาลไม่สามารถเถียงเรื่องเขตแดน เพราะไปยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนไปแล้ว
** "เทือก"หนุนต่อพ.ร.บ.มั่นคงอีก 15 วัน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ( ศอ.รส.) จะเสนอให้ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง อีก 15 วัน ว่า ผบ.ตร. ต้องมารายงานให้ทราบว่าผลการปฏิบัติทั้งหมดเป็นอย่างไร และจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ตนเข้าใจดีว่าพี่น้องประชาชนก็รู้สึกรำคาญ เบื่อผู้ชุมนุม เพราะเดือดร้อน จะเดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวก แต่การแก้ไขปัญหา ก็พยายามทำกันด้วยความระมัดระวัง เพราะเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ตน เห็นใจทาง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องพยายามเจรจาขอร้องกันแทบทุกวัน น่าจะถึงเวลาที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะฉุกใจยั้งคิดได้แล้วว่า การชุมนุมยืดเยื้อต่อไป มีแต่จะทำให้เกิดเรื่องที่ไม่เป็นที่ชอบใจของประชาชนมากขึ้น ถ้ามีอะไรที่พอจะขยับขยายปรับแนวทางได้ ลดอะไรที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนลงไปได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงจะต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงไปอีก 15 วันก็ไม่มีผลอะไร เพราะปัจจุบันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว รองนายกฯฝ่ายความั่นคง กล่าวว่า ถ้าไม่มีกฎหมายควบคุมก็จะหนักกว่านี้ จำเป็นต้องมีกฎหมายที่มาใช้ควบคุมไม่เช่นนั้นป่านนี้ก็อาจจะมีการดาวกระจาย ไปที่โน่นที่นี่วุ่นวายกันมากกว่านี้
เมื่อถามว่า จะปล่อยให้ม็อบพธม.ยืดเยื้อไปจนถึงกลางปีจนถึงช่วงที่รัฐบาลจะประกาศยุบสภาเลยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปถามม็อบบ้าง แต่ทางรัฐบาลไม่เคยล้อมปราบประชาชน เราไม่เคยไปสลายม็อบไม่ว่าม็อบอะไรก็แล้วแต่ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นปัญหา ถ้า จะให้ตอบว่าต้องภายในวันนี้วันนี้ก็ตอบยาก เพียงแต่ทำอย่างไรให้จำกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เพิ่มขึ้น แต่ถ้าจะให้มาไล่ทุบตีกันคงไม่ดี ซึ่งหากต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงไปอีก 15 วันแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ก็ต้องรอดูต่อไป
**พธม.ยื่นขอความเป็นธรรม ผบ.ตร.**
วันเดียวกันเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ทั้ง 10 คน ที่ถูกหมายเรียกตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 18 ประกอบมาตรา 24 ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เพื่อขอให้ยกเลิกข้อกล่าวหาและยุติการบังคับใช้หมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 10 คน โดยมี พ.ต.อ.สุทธินาท สุดยอด รองเลขานุการ ตร.เป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายอภิมะ กล่าวว่า การยื่นหนังสือโต้แย้งคัดค้านการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 10 คน เนื่องจากการออกหมายเรียกดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติคุ้มครองไว้ รวมทั้งการชุมนุมดังกล่าวยังเป็นการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน การกำหนดนโยบาย การดำเนินการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ ประกอบกับการชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่ม ก็ดำเนินการโดยสงบและปราศจากอาวุธ ดังนั้นการออกหมายเรียกดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
**นครบาลพร้อมรับมอบตัว**
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายอก.บช.น. ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพิ่มเติมอีก 16 จุด จากเดิมที่มีแค่ 6 จุด ที่ด้านหน้าอาคารและบริเวณทางขึ้นของอาคารครอบคลุมไปทั่วอาคาร รวมทั้งบริเวณรอบพื้นที่ บช.น.ทั้งหมด ตามมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้ง อีกทั้งป้องกันมือที่สามที่อาจมาสร้างสถานการณ์ และการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมหลังจากพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแกนนำพันธมิตรฯ 10 คน มารับทราบข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 09.30 น.ซึ่งอาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนแกนนำพันธมิตรฯ ที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ได้แก่ 1.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 3.นายประพันธ์ คูณมี 4.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 5.นายรักษ์ รักษ์พงษ์ หรือ สมณะโพธิรักษ์ 6.นายสุริยะใส กตะศิลา 7.นายเทิดภูมิ ใจดี 8.นายพิภพ ธงไชย 9.นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือ รัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และ 10.นายทศพล แก้วทิมา มีรายงานด้วยว่า ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกจะเดินมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาครบทั้งหมด โดยพนักงานสอบสวนได้เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นชุดที่ 2 อีกด้วย
