“ปานเทพ” เผยได้รับหมายเรียกจาก ศอ.รส.แล้ว รายงานตัวนครบาล 22 ก.พ.นี้ พร้อมจี้รัฐบาลอย่างรับข้อเสนอ 4 ข้อ ของ “เฒ่าแขมร์” เชื่อเป็นแผนยัดเยียดให้ไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทั้งผูกมัดกำลังทหาร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่เวทีชุมนุม บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลกัมพูชายื่น 4 เงื่อนไข เพื่อให้รัฐบาลไทยลงนามหยุดยิงถาวรว่า ทั้ง 4 เงื่อนไขเป็นเงื่อนไขที่แปลก ซึ่งรัฐบาลไทยต้องไม่ลงนาม เพราะกัมพูชาไม่จริงใจ และเจตนาที่จะยึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นหลัก อีกทั้งยังกล่าวร้ายว่าไทยรุกรานกัมพูชา การลงนามในมติหยุดยิงดังกล่าวจะทำได้ก็ต่อเมื่อกำลังทางทหาร และประชาชนกัมพูชาต้องออกนอกพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ตามที่ ศอ.รส.ได้มีหมายเรียก 10 แกนนำ ขณะนี้ตนได้รับหมายเรียกแล้ว และคาดว่าคนที่เหลือก็จะได้รับในเวลาใกล้ๆ กัน โดยตามหมายให้แกนนำไปรายงานตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 22 ก.พ.54 เวลา 10.00 น. เราเชื่อมั่นว่าการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในครั้งนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีเจตนาหยุดยั้งการใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม โดยเราจะไปรายงานตัวเพื่อรับทราบรายละเอียดข้อกล่าวหา และหลังจากนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายของเราบ้าง
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวถึงข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชาว่า เรามีจุดยืนว่าไทยไม่ควรรับข้อเสนอ เพราะนี่เป็นแผนตื้นๆ ของกัมพูชา ศักยภาพทางด้านการรบเราเหนือกว่ามาก หากเรายอมรับข้อตกลงหยุดยิงถาวร ก็เหมือนกับผูกมัดตัวเอง ทุกประเทศมีสิทธิรักษาอธิปไตย หากเราพบว่ากัมพูชารุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทย ก็ไม่ควรไปผูกมัดว่าจะไม่ใช้กำลังในการผลักดันออกไป หากไปยอมรับอย่างนี้ ก็เหมือนเป็นการขายชาติ
นายประพันธ์กล่าวถึงกรณีที่จะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นสู่ศาลโลกว่า ที่ผ่านมาศาลโลกยังไม่ได้พิพากษาว่าให้ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 แต่กัมพูชามั่นใจว่าพฤติกรรมต่างๆ ของเราที่ผ่านมาได้ยอมรับแผนที่แล้ว และหากขึ้นศาลในวันนี้ก็จะวินิจฉัยรับรองว่าเราได้ยอมรับ ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรที่จะยอมให้เรื่องดังกล่าวขึ้นสู่ศาลโลก เพราะตามกฎหากเรื่องจะขึ้นสู่ศาลทั้งสองประเทศจำเป็นต้องยอมรับเสียก่อน