xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกม.ค.โตสวย22.3% ห่วงค่าเงิน-นม.แพงถ่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส่งออกประเดิมปีกระต่าย เดือนม.ค. ยอดทะลุ 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โต 22.3% รับเศรษฐกิจโลกฟื้น สินค้าเกษตรราคาดียกแผง แต่ขาดดุลการค้า 856 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังแห่นำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบขยายกำลังผลิตเพิ่ม คาดทั้งปีมูลค่าทะลุ 1.95 แสนล้าน โต 10% ตามเป้า ห่วงเงินบาท น้ำมันแพง ตัวการฉุด

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนม.ค.2554 มีมูลค่า 16,747.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.2% หรือคิดในรูปของเงินบาทมีมูลค่า 5.01 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% การนำเข้ามีมูลค่า 17,604.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.3% หรือคิดเป็นมูลค่าเงินบาท 533,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% ทำให้เดือนนี้ ไทยขาดดุลการค้า 856.8 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็น 32,501 ล้านบาท

สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญในเดือนม.ค.2554 กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น 28.5% มีสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าว เพิ่มขึ้น 15.5% ยางพารา 57.7% มันสำปะหลัง 11.4% อาหารทะเล 9.6% ผักผลไม้ 24% ไก่แช่แข็งและแปรรูป 19.2% และน้ำตาล 32.7% ส่วนกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกเพิ่มขึ้น 19.6% มีสินค้าสำคัญ ได้แก่ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก 41.1% ผลิตภัณฑ์ยาง 35.9% สิ่งทอ 18.9% เครื่องใช้ไฟฟ้า 23.6% อัญมณีและเครื่องประดับไม่นับทองคำ 30.7%

ส่วนตลาดส่งออกขยายตัวทุกตลาด แบ่งเป็นกลุ่มตลาดหลักขยายตัว 23.4% ได้แก่ สหรัฐฯ 17.3% สหภาพยุโรป 21.1% ญี่ปุ่น 31.4% กลุ่มตลาดศักยภาพสูงขยายตัว 22.9% ได้แก่ อาเซียน 16.8% ฮ่องกง 65.8% ไต้หวัน 33.7% เกาหลีใต้ 35% จีน 15.1% เอเชียใต้ 9.8% แต่อินเดียลดลง 1.4% กลุ่มตลาดศักยภาพรองขยายตัว 15.9% ได้แก่ ตะวันออกลาง 21% แอฟริกา 26.6% ลาตินอเมริกา 60.9% รัสเซียและกลุ่มซีไอเอสเพิ่ม 146.9% แคนาดา 19.7% เว้นทวีปออสเตรเลียลด 14.8% และสหภาพยุโรปใหม่ลด 5.5% และกลุ่มตลาดอื่นๆ ขยายตัว 92.9% ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ 125.1% และอื่นๆ 65.9%

ด้านการนำเข้าในเดือนม.ค.2554 มีการขยายตัวทุกกลุ่ม ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 16.8% สินค้าทุน เช่น เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ผลิตภัณฑ์โลหะ เพิ่มขึ้น 35.7% วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เช่น ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เหล็ก สินแร่ ทองคำ ปุ๋ย สัตว์น้ำ เพิ่มขึ้น 36.7% สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเบ็ดเตล็ด เวชภัณฑ์ เสื้อผ้ารองเท้า นาฬิกา ของใช้ส่วนบุคคล เพิ่มขึ้น 35.9% ยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง เช่น รถยนต์ ส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 33.6% และอาวุธ ยุทธปัจจัย และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 73.1%

นางพรทิวากล่าวว่า การส่งออกเดือนม.ค.2554 เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ก็ขยายตัวดีขึ้นเกือบทุกตลาด โดยคาดว่าแนวโน้มจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกเติบโต 15% และทั้งปี 2554 จะเติบโตได้ 10% หรือมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการขาดดุลการค้าเดือนนี้ เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะวัตถุดิบ เครื่องจักร เพื่อเตรียมขยายกำลังการผลิต ซึ่งสะท้อนทิศทางการส่งออกยังมีโอกาสขยายตัวได้ดีในอนาคต

สำหรับปัจจัยบวกสนับสนุนให้การส่งออกปีนี้ มาจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกทำให้ทุกประเทศต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับผลผลิตสินค้าเกษตรราคาดีขึ้น ทำให้มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มตาม ขณะที่ปัจจัยลบต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท หากแข็งค่าขึ้นจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทย รวมถึงราคาน้ำมันที่อาจทำให้ต้นทุนการผลิตของสินค้าไทยสูงขึ้น เพราะต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเป็นส่วนใหญ่

ส่วนผลกระทบจากค่าเงินด่องจะมีผลต่อการแข่งขันสินค้าไทยบางรายการ เพราะเวียดนามจะได้เปรียบขายสินค้าได้ถูกกว่าไทย แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการไทยยังปรับตัวรับมือได้ โดยระยะหลังได้หันมาทำตลาดสินค้าระดับกลางและสูง ที่เน้นแข่งขันด้านคุณภาพมากกว่าราคา

ทางด้านการเกิดลัทธิโค่นล้มผู้นำในอียิปต์ ตูนิเซีย บาห์เรน เยเมน เห็นว่าจะกระทบต่อการส่งออกไทยเล็กน้อย เพราะเป็นตลาดส่งออกที่มีสัดส่วนการส่งออกไม่มากนัก และเชื่อจะเป็นปัญหาระยะสั้น หากการเมืองยุติน่าจะกลับมาสั่งซื้อสินค้าจากไทยเพิ่ม เพราะสินค้าส่งออกไทยส่วนใหญ่เป็นอาหารกระป๋อง อาหารทะเล รวมถึงยางพารา ซึ่งมีความจำเป็นต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น