หลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยฝ่ายไทยมี พลเอกดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก พลโทธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 และฝ่ายกัมพูชามี พลโทฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการกองทัพบก (ลูกชายของฮุนเซน) ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบริเวณช่องสะงำ อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีก เมื่อ 00.15 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่บริเวณภูมะเขือ และเมื่อเวลา 11.45 น. ขณะที่ทหารไทยกำลังปฏิบัติหน้าที่บริเวณรอบเขาพระวิหาร ก็มีเสียงคล้ายลูกระเบิดบริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 1 ทำให้ทหารไทยรีบเข้าบังเกอร์เตรียมพร้อม
รายงานข่าวกล่าวว่า เป็นการยั่วยุของกัมพูชา แต่เมื่อทหารไทยไม่ตอบโต้ เหตุการณ์ก็ยุติลง
การเจรจากันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ว่านั้น แรกทีเดียวมีรายงานว่า มีข้อตกลงกัน 7-8 ข้อ แต่มื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ฝ่ายทหารจะไปเจรจาโดยลำพังไม่ได้ เพราะขัดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ ก็เลยกลายเป็นว่า เป็นการพบปะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันระหว่างทหารที่อยู่ในพื้นที่เพื่อลดความตึงเครียดเท่านั้นเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาปะทุขึ้น ฝ่ายไทยตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการทหารระดับแม่ทัพนายกอง ข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ ดูจะเกรงอกเกรงใจกัมพูชาเป็นพิเศษ
แม้กระทั่งนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปกัมพูชาในงานแสดงสินค้า เมื่อพบปะกับฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ก็แสดงอาการพินอบพิเทาเป็นพิเศษ ดูขัดหูขัดตา และเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลไทย
เมื่อคนไทย 7 คนถูกจับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ทันได้พิสูจน์กันเลยว่าถูกจับที่ไหนแน่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กษิต ภิรมย์ ต่างประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า คนไทยทั้ง 7 คนรุกเข้าไปในดินแดนกัมพูชา แม่ทัพภาค 2 บอกว่า อย่ารักชาติจนป่วน หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ต่างเสนอข่าวว่า คนไทยทั้ง 7 คนรุกล้ำดินแดนกัมพูชา ตามที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพูด “ยอมรับ” ทั้งสิ้น
ไม่มีการแสวงหาข้อเท็จจริงอันเป็นปกติวิสัยของนักข่าวที่จะต้องเจาะลึกให้ได้ ความจริงตามที่วิชาวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์เขาอบรมสั่งสอนกัน เพราะมีข้อมูลอื่นให้เจาะ ให้ขุดคุ้ย เป็นต้นว่า ชาวบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ร่องรอยการตั้งศูนย์อพยพชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามเมื่อปี 2518, 2522 ภาพถ่ายเหตุการณ์ในศูนย์อพยพ คำบอกเล่าของอดีตผู้ช่วยรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอ จังหวัด
สื่อมวลชนไทยพร้อมใจกันละเลยที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติของการทำงานด้านสื่อสารมวลชนเป็นอย่างยิ่ง
ทุกฝ่ายตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทพบกเรียกร้องให้คนไทยยอมรับศาล กัมพูชา และเมื่อศาลกัมพูชาเลือกตัดสินลงโทษ นายวีระ สมความคิด 8 ปี และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 6 ปี ทางออกของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ก็คือให้นายวีระ และนางสาวราตรีขอพระราชทานอภัยโทษ
ขอความเมตตา กรุณาจากกัมพูชา ว่าอย่างนั้นเถอะ
แม้นักกฎหมายจะชี้แนะรัฐบาลว่า ศาลกัมพูชาไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีคนไทยทั้ง 7 คนที่ถูกกัมพูชาจับตัวไปที่บริเวณบ้านหนองจาน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็เฉย รอขอความเมตตากรุณาจากกัมพูชาสถานเดียว
ที่ดินติดกับปราสาทพระวิหารที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชาวพรรคประชาธิปัตย์อื่นๆ เคยปากดีสมัยที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช ยืนยันว่าที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาเฉพาะตัวซากปราสาท
มาวันนี้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชาวพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ บางคนในพรรคประชาธิปัตย์ไปกราบพระในวัดที่ฮุนเซนรุกเข้ามาตั้งวัดบนที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่นายอภิสิทธิ์ และชาวพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลายยืนยันว่าเป็นของไทยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับว่า นั่นเป็นที่ดินของเขาโดยดุษฎี
โลกเราทุกวันนี้ต้องอยู่กันอย่างสันติ สมัครสมานสามัคคีกันนั้นถูกต้อง แต่ต้องสมัครสมานสามัคคีกันบนพื้นฐานที่ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ยิงปืนใส่บ้านเราโครมๆ แล้วไปฟ้องชาวโลกว่าเรารังแกยึดที่ดินเราไปทำวัด ทำชุมชน แล้วบอกว่า ต่อไปนี้หยุดยิงกันเถอะนะ อย่าสร้างสิ่งปลูกสร้าง อย่าสร้างถนน ในขณะที่มันมาสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว
มันยิง เราเสร็จ มันก็ชวนเราหยุดยิง มันรู้ว่าแสนยานุภาพสู้เราไม่ได้ มันขอทำข้อตกลงห้ามใช้อาวุธร้ายแรง ห้ามใช้ปืนใหญ่
แล้วเราก็บ้าตามมัน ยอมตกลงกับเขาแต่โดยดี
ความเก่งกล้าสามารถเมื่อครั้งที่เป็นหัวหน้าฝ่ายค้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่รู้หายไปไหน
หรือเพื่อให้ได้เป็น และให้ได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องกล้ำกลืน ต้องยอมขายจิต ขายวิญญาณตัวเองขนาดนี้
หรือว่านี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันแน่?
รายงานข่าวกล่าวว่า เป็นการยั่วยุของกัมพูชา แต่เมื่อทหารไทยไม่ตอบโต้ เหตุการณ์ก็ยุติลง
การเจรจากันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ว่านั้น แรกทีเดียวมีรายงานว่า มีข้อตกลงกัน 7-8 ข้อ แต่มื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ฝ่ายทหารจะไปเจรจาโดยลำพังไม่ได้ เพราะขัดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ ก็เลยกลายเป็นว่า เป็นการพบปะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันระหว่างทหารที่อยู่ในพื้นที่เพื่อลดความตึงเครียดเท่านั้นเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาปะทุขึ้น ฝ่ายไทยตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการทหารระดับแม่ทัพนายกอง ข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ ดูจะเกรงอกเกรงใจกัมพูชาเป็นพิเศษ
แม้กระทั่งนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปกัมพูชาในงานแสดงสินค้า เมื่อพบปะกับฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ก็แสดงอาการพินอบพิเทาเป็นพิเศษ ดูขัดหูขัดตา และเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลไทย
เมื่อคนไทย 7 คนถูกจับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่ทันได้พิสูจน์กันเลยว่าถูกจับที่ไหนแน่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประวิตร วงษ์สุวรรณ กษิต ภิรมย์ ต่างประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า คนไทยทั้ง 7 คนรุกเข้าไปในดินแดนกัมพูชา แม่ทัพภาค 2 บอกว่า อย่ารักชาติจนป่วน หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ต่างเสนอข่าวว่า คนไทยทั้ง 7 คนรุกล้ำดินแดนกัมพูชา ตามที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพูด “ยอมรับ” ทั้งสิ้น
ไม่มีการแสวงหาข้อเท็จจริงอันเป็นปกติวิสัยของนักข่าวที่จะต้องเจาะลึกให้ได้ ความจริงตามที่วิชาวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์เขาอบรมสั่งสอนกัน เพราะมีข้อมูลอื่นให้เจาะ ให้ขุดคุ้ย เป็นต้นว่า ชาวบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ร่องรอยการตั้งศูนย์อพยพชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามเมื่อปี 2518, 2522 ภาพถ่ายเหตุการณ์ในศูนย์อพยพ คำบอกเล่าของอดีตผู้ช่วยรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอ จังหวัด
สื่อมวลชนไทยพร้อมใจกันละเลยที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติของการทำงานด้านสื่อสารมวลชนเป็นอย่างยิ่ง
ทุกฝ่ายตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทพบกเรียกร้องให้คนไทยยอมรับศาล กัมพูชา และเมื่อศาลกัมพูชาเลือกตัดสินลงโทษ นายวีระ สมความคิด 8 ปี และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 6 ปี ทางออกของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ก็คือให้นายวีระ และนางสาวราตรีขอพระราชทานอภัยโทษ
ขอความเมตตา กรุณาจากกัมพูชา ว่าอย่างนั้นเถอะ
แม้นักกฎหมายจะชี้แนะรัฐบาลว่า ศาลกัมพูชาไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีคนไทยทั้ง 7 คนที่ถูกกัมพูชาจับตัวไปที่บริเวณบ้านหนองจาน รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็เฉย รอขอความเมตตากรุณาจากกัมพูชาสถานเดียว
ที่ดินติดกับปราสาทพระวิหารที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชาวพรรคประชาธิปัตย์อื่นๆ เคยปากดีสมัยที่อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช ยืนยันว่าที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาเฉพาะตัวซากปราสาท
มาวันนี้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชาวพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ บางคนในพรรคประชาธิปัตย์ไปกราบพระในวัดที่ฮุนเซนรุกเข้ามาตั้งวัดบนที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่นายอภิสิทธิ์ และชาวพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลายยืนยันว่าเป็นของไทยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับว่า นั่นเป็นที่ดินของเขาโดยดุษฎี
โลกเราทุกวันนี้ต้องอยู่กันอย่างสันติ สมัครสมานสามัคคีกันนั้นถูกต้อง แต่ต้องสมัครสมานสามัคคีกันบนพื้นฐานที่ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ยิงปืนใส่บ้านเราโครมๆ แล้วไปฟ้องชาวโลกว่าเรารังแกยึดที่ดินเราไปทำวัด ทำชุมชน แล้วบอกว่า ต่อไปนี้หยุดยิงกันเถอะนะ อย่าสร้างสิ่งปลูกสร้าง อย่าสร้างถนน ในขณะที่มันมาสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว
มันยิง เราเสร็จ มันก็ชวนเราหยุดยิง มันรู้ว่าแสนยานุภาพสู้เราไม่ได้ มันขอทำข้อตกลงห้ามใช้อาวุธร้ายแรง ห้ามใช้ปืนใหญ่
แล้วเราก็บ้าตามมัน ยอมตกลงกับเขาแต่โดยดี
ความเก่งกล้าสามารถเมื่อครั้งที่เป็นหัวหน้าฝ่ายค้านของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่รู้หายไปไหน
หรือเพื่อให้ได้เป็น และให้ได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องกล้ำกลืน ต้องยอมขายจิต ขายวิญญาณตัวเองขนาดนี้
หรือว่านี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันแน่?