ASTVผู้จัดการรายวัน-นโยบายประชาวิวัฒน์ “มาร์ค” คุมค่าครองชีพเหลว ราคาเนื้อหมู ไข่ไก่ พุ่งสวนทาง เผยหมูจากโลละ 105 บาทขยับเป็น 120 ไข่ไก่ฟองละ 2.90 บาทเป็น 3.10 บาท เกษตรกรอัดสาเหตุหลักต้นทุนอาหารสัตว์ขึ้นกระฉูด ไม่เห็นลดลงตามคำคุย “พาณิชย์”จับพ่อค้าขายน้ำมันปาล์มขวดละ 70 บาท ส่งดำเนินคดีทันที
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า จากการสำรวจราคาขายปลีกสินค้าอาหารสดในเขตกรุงเทพฯ ของกรมการค้าภายใน พบว่า หมูเนื้อแดงได้ปรับขึ้นราคามาอยู่ที่ 115-120 บาท/กก. จากม.ค.ราคาอยู่ที่ 105-110 บาท/กก. และไข่ไก่เบอร์ 3 ราคา 3.10 บาท/ฟอง จากม.ค. ราคา 2.90-3.00 บาท/ฟอง สวนทางกับนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลที่ออกมาตรการลดราคาสินค้าหมู ไก่ และไข่ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ราคาสินค้าเหล่านี้กลับปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาปาล์มขาดแคลน และไม่สามารถยกเลิกเบนซิน 91 ได้กระทบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีโดยคาดว่าจะต้องมีการปรับเป้าหมายการใช้ใหม่ที่ยอดใช้ผิดเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2554 ทั้งหมดโดยชะลอออกไปเป็นปี 2556 แทน พร้อมร่อนหนังสือถึงโรงงานบี 100 ห้ามนำไขปาล์มนำเข้าไปผลิตโดยเด็ดขาด
นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ผู้เลี้ยงไก่ไข่ไม่ได้ปรับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มขึ้นมา โดยยังขายส่งอยู่ในราคาฟองละ 2.70 บาท แม้ว่าต้นทุนการเลี้ยงไก่ไข่สูงขึ้นมาก จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 30 สตางค์/กก. และเกิดโรคระบาดในไก่ไข่ หรือที่เรียกว่าโรคไข่ลด โดยเฉพาะผู้เลี้ยงรายย่อยที่ขณะนี้ประสบปัญหาดังกล่าวจนขาดทุนเป็นจำนวนมาก โดยผลผลิตไข่ไก่จากปกติที่ออกมาประมาณ 80-90% ต่อไก่ 1 ตัว ลดเหลือ 20-30% เท่านั้น ทำให้ขณะนี้ปริมาณไข่ไก่ที่ออกมาต่อวันอยู่ที่ 23-24 ล้านฟอง ลดลงจากระดับปกติที่วันละ 25-27 ล้านฟอง
อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มที่ขายอยู่ 2.70 บาท/ฟอง ราคาขายปลีกไข่ไก่ตามตลาดสดไม่ควรเกินฟองละ 3 บาท หากราคาปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้
แหล่งข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ราคาหมูหน้าเขียงที่ปรับขึ้นมา 115-120 บาท/กก. เป็นผลมากจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขยับราคาสูงขึ้นจาก 58 บาท/กก. เมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 60-62 บาท/กก. ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผลผลิตหมูลดลง แต่ปริมาณบริโภคยังเท่าเดิม เพราะเกิดโรคระบาดในหมู ทำให้ผลผลิตสูญเสียเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต้นทุนการเลี้ยงหมูปรับตัวสูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับราคาขึ้นมาแล้ว 5%
แนวโน้มราคาเนื้อหมูยังตอบไม่ได้ว่าจะทะลุเกินกก.ละ 120 บาท หรือไม่ ซึ่งต้องจับตาดู แต่เข้าสู่ฤดูร้อนของทุกปี จะเกิดปัญหาหมูโตช้า ทำให้ผลผลิตลดลงไม่พอกับความต้องการบริโภค ราคาเนื้อหมูจึงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด
****เฉือดไก่ให้ลิงกลัว!
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมฯ ดูแลการจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์ม เพื่อมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาและกักตุนสินค้าจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริโภค ล่าสุด พบว่า ในตลาดอินเตอร์มาร์ท อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีผู้จำหน่ายส่งรายใหญ่รายหนึ่งจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มตราโอลีน (จุกสีฟ้า) เกินราคา โดยจำหน่ายกล่องบรรจุขวดลิตร 12 ขวด ราคา 840 บาท หรือขวดละ 70 บาท จึงได้ทำการจับกุมดำเนินคดี
***ชะลอเป้าใช้บี100-เอทานอลเป็นปี’56
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือแจ้งไปยังโรงงานไบโอดีเซลที่มีทั้งหมด 15 แห่งโดยขอให้ไม่มีการรับซื้อไขปาล์มที่นำเข้าโดยองค์การคลังสินค้า(อคส.)มาผลิตบี 100 โดยเด็ดขาดเนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของการนำเข้าและการส่งเสริมการใช้บี 100
ในไทยที่ต้องการส่งเสริมการเพาะปลูกโดยเกษตรกรคนไทยซึ่งการนำเข้าน้ำมันปาล์มนั้นจะมีสัดส่วนไขมันปาล์มประมาณ 1 ใน 3 อย่างไรก็ตามจากกรณีปัญหาปาล์มที่เกิดขึ้นกระทรวงพลังงานอาจต้องปรับเป้าหมายของแผนพัฒนาพลังงานทดแทนใหม่
สำหรับการส่งเสริมการใช้บี 100 ที่ผสมในดีเซลเป็นไบโอดีเซลล่าสุดจากผลผลิตปาล์มขาดแคลนกระทรวงพลังงานจึงต้องมีนโยบายให้ลดส่วนผสมจาก บี 5 เป็นบี 3 และล่าสุดให้เป็นบี 2 นั้นจากการหารือของกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)ล่าสุดกับผู้ค้ามาตรา 7 คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ภายในวันที่ 1 มี.ค.นี้เนื่องจากยังมีสต็อกเก่าของบี 3 เหลืออยู่จึงต้องให้เวลาเตรียมความพร้อม
“ เรามองว่าจะจำหน่ายบี 2 ถึงสิ้นมี.ค.เพราะเม.ย.ผลผลิตปาล์มน่าจะออกมาก็ถ้าหากพร้อมก็น่าจะกลับมาขายบี 3 และถ้ามีมากก็ประกาศเป็นบี 5 เกรดเดียวได้ทันที ส่วนกรณีที่ภาคอุตสาหกรรมจะขอหารือเพื่อให้ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ภาคอุตสาหกรรมนั้นเราเปิดโอกาสให้มานำเสนอข้อมูลคงจะต้องดูให้ชัดเจนอีกครั้ง”รมว.พลังงานกล่าว
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า พพ.คงจะต้องมีการปรับเป้าหมายแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีใหม่โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลที่จะต้องขยายเป้าหมายที่เดิมวางเป้าหมายที่จะมีการใช้เอทานอลเพื่อจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 3 ล้านลิตรต่อวันในปี 2554 แต่ขณะนี้ใช้เพียง 1.3 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้นดังนั้นจึงจะชะลอเป้าหมายไปเป็นปี 2556 ขณะที่บี 100 ที่จะส่งเสริมการจำหน่ายไบโอดีเซลที่เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 1.8 ล้านลิตรต่อวันในปี 2554 ก็คงจะชะลอออกไปเป็นปี 2556 เช่นเดียวกัน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า จากการสำรวจราคาขายปลีกสินค้าอาหารสดในเขตกรุงเทพฯ ของกรมการค้าภายใน พบว่า หมูเนื้อแดงได้ปรับขึ้นราคามาอยู่ที่ 115-120 บาท/กก. จากม.ค.ราคาอยู่ที่ 105-110 บาท/กก. และไข่ไก่เบอร์ 3 ราคา 3.10 บาท/ฟอง จากม.ค. ราคา 2.90-3.00 บาท/ฟอง สวนทางกับนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลที่ออกมาตรการลดราคาสินค้าหมู ไก่ และไข่ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ราคาสินค้าเหล่านี้กลับปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาปาล์มขาดแคลน และไม่สามารถยกเลิกเบนซิน 91 ได้กระทบแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีโดยคาดว่าจะต้องมีการปรับเป้าหมายการใช้ใหม่ที่ยอดใช้ผิดเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2554 ทั้งหมดโดยชะลอออกไปเป็นปี 2556 แทน พร้อมร่อนหนังสือถึงโรงงานบี 100 ห้ามนำไขปาล์มนำเข้าไปผลิตโดยเด็ดขาด
นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ผู้เลี้ยงไก่ไข่ไม่ได้ปรับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มขึ้นมา โดยยังขายส่งอยู่ในราคาฟองละ 2.70 บาท แม้ว่าต้นทุนการเลี้ยงไก่ไข่สูงขึ้นมาก จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 30 สตางค์/กก. และเกิดโรคระบาดในไก่ไข่ หรือที่เรียกว่าโรคไข่ลด โดยเฉพาะผู้เลี้ยงรายย่อยที่ขณะนี้ประสบปัญหาดังกล่าวจนขาดทุนเป็นจำนวนมาก โดยผลผลิตไข่ไก่จากปกติที่ออกมาประมาณ 80-90% ต่อไก่ 1 ตัว ลดเหลือ 20-30% เท่านั้น ทำให้ขณะนี้ปริมาณไข่ไก่ที่ออกมาต่อวันอยู่ที่ 23-24 ล้านฟอง ลดลงจากระดับปกติที่วันละ 25-27 ล้านฟอง
อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มที่ขายอยู่ 2.70 บาท/ฟอง ราคาขายปลีกไข่ไก่ตามตลาดสดไม่ควรเกินฟองละ 3 บาท หากราคาปรับตัวสูงขึ้น แสดงว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้
แหล่งข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ราคาหมูหน้าเขียงที่ปรับขึ้นมา 115-120 บาท/กก. เป็นผลมากจากราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มขยับราคาสูงขึ้นจาก 58 บาท/กก. เมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 60-62 บาท/กก. ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผลผลิตหมูลดลง แต่ปริมาณบริโภคยังเท่าเดิม เพราะเกิดโรคระบาดในหมู ทำให้ผลผลิตสูญเสียเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต้นทุนการเลี้ยงหมูปรับตัวสูงขึ้นจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับราคาขึ้นมาแล้ว 5%
แนวโน้มราคาเนื้อหมูยังตอบไม่ได้ว่าจะทะลุเกินกก.ละ 120 บาท หรือไม่ ซึ่งต้องจับตาดู แต่เข้าสู่ฤดูร้อนของทุกปี จะเกิดปัญหาหมูโตช้า ทำให้ผลผลิตลดลงไม่พอกับความต้องการบริโภค ราคาเนื้อหมูจึงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด
****เฉือดไก่ให้ลิงกลัว!
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมฯ ดูแลการจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์ม เพื่อมิให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาและกักตุนสินค้าจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริโภค ล่าสุด พบว่า ในตลาดอินเตอร์มาร์ท อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีผู้จำหน่ายส่งรายใหญ่รายหนึ่งจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มตราโอลีน (จุกสีฟ้า) เกินราคา โดยจำหน่ายกล่องบรรจุขวดลิตร 12 ขวด ราคา 840 บาท หรือขวดละ 70 บาท จึงได้ทำการจับกุมดำเนินคดี
***ชะลอเป้าใช้บี100-เอทานอลเป็นปี’56
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือแจ้งไปยังโรงงานไบโอดีเซลที่มีทั้งหมด 15 แห่งโดยขอให้ไม่มีการรับซื้อไขปาล์มที่นำเข้าโดยองค์การคลังสินค้า(อคส.)มาผลิตบี 100 โดยเด็ดขาดเนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของการนำเข้าและการส่งเสริมการใช้บี 100
ในไทยที่ต้องการส่งเสริมการเพาะปลูกโดยเกษตรกรคนไทยซึ่งการนำเข้าน้ำมันปาล์มนั้นจะมีสัดส่วนไขมันปาล์มประมาณ 1 ใน 3 อย่างไรก็ตามจากกรณีปัญหาปาล์มที่เกิดขึ้นกระทรวงพลังงานอาจต้องปรับเป้าหมายของแผนพัฒนาพลังงานทดแทนใหม่
สำหรับการส่งเสริมการใช้บี 100 ที่ผสมในดีเซลเป็นไบโอดีเซลล่าสุดจากผลผลิตปาล์มขาดแคลนกระทรวงพลังงานจึงต้องมีนโยบายให้ลดส่วนผสมจาก บี 5 เป็นบี 3 และล่าสุดให้เป็นบี 2 นั้นจากการหารือของกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)ล่าสุดกับผู้ค้ามาตรา 7 คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ภายในวันที่ 1 มี.ค.นี้เนื่องจากยังมีสต็อกเก่าของบี 3 เหลืออยู่จึงต้องให้เวลาเตรียมความพร้อม
“ เรามองว่าจะจำหน่ายบี 2 ถึงสิ้นมี.ค.เพราะเม.ย.ผลผลิตปาล์มน่าจะออกมาก็ถ้าหากพร้อมก็น่าจะกลับมาขายบี 3 และถ้ามีมากก็ประกาศเป็นบี 5 เกรดเดียวได้ทันที ส่วนกรณีที่ภาคอุตสาหกรรมจะขอหารือเพื่อให้ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ภาคอุตสาหกรรมนั้นเราเปิดโอกาสให้มานำเสนอข้อมูลคงจะต้องดูให้ชัดเจนอีกครั้ง”รมว.พลังงานกล่าว
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า พพ.คงจะต้องมีการปรับเป้าหมายแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีใหม่โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลที่จะต้องขยายเป้าหมายที่เดิมวางเป้าหมายที่จะมีการใช้เอทานอลเพื่อจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 3 ล้านลิตรต่อวันในปี 2554 แต่ขณะนี้ใช้เพียง 1.3 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้นดังนั้นจึงจะชะลอเป้าหมายไปเป็นปี 2556 ขณะที่บี 100 ที่จะส่งเสริมการจำหน่ายไบโอดีเซลที่เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 1.8 ล้านลิตรต่อวันในปี 2554 ก็คงจะชะลอออกไปเป็นปี 2556 เช่นเดียวกัน