วานนี้(14 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จะร่วมอภิปรายในการพิจารณร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี2554 หรือ งบกลางปี ในวันที่ 16 ก.พ.นี้แน่รวมถึงการพิจารณาผลการดำเนินงานของรัฐบาลในวันที่ 24ก.พ. เนื่องจากการจัดงบครั้งนี้ มีความไม่โปร่งใส ส่อทุจริตกระทรวงละ 25-30% เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่พรรคกิจสังคม ซึ่งมีส.ส. 5 คน ดูแลอยู่ ได้ไป 900 ล้านบาท แบ่งกันคนละ 200 ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ก่อนหน้านี้ออกมายืนยันหนักแน่ว่า ต้องการแก้รธน.ระบบเลือกตั้ง 400+100 ก็ได้ไป 1,600 ล้านบาท
กระทรวงศึกษาธิการก็แสบสันติสุขหากินกันทุกกรมกองได้ไปรวม 1,300 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทยก็ไม่รู้วิธีการกระจายอำนาจ ก็ได้เงินไปใช้ พร้อมๆ กับข่าวดูดส.ส.เข้าพรรคหัวละ 60 ล้านบาท ทั้งนี้ เห็นว่า การเสนอร่างพรบ.งบกลางปีนี้เป็นแลกผลประโยชน์งบประมาณให้กับพรรคร่วมรัฐบาลให้ผ่านการแก้ไขรธน. รวมแล้วที่ผ่านมา มีการทุจริต 10% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็น 2 แสนล้านบาทหรือ 2% ของจีดีพี ซึ่งรู้กันทั้งโลกว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ทุจริตมากที่สุด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เชื่อว่า นายอภิสิทธิ์จะยุบสภาหลังจากสภาเห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณรายประจำปี 2555 ในเดือนตุลาคม รวมทั้งแต่งตั้งโยกย้ายครั้งเล็กในเดือนเม.ย.และครั้งใหญ่ในเดือนก.ย.เสร็จก่อน ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องการอยู่ยาว และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีตัวช่วยเยอะ แต่ปัญหาพิพาทไทยกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยกำลังไม่มีที่ยืนในเวทีโลกเนื่องจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศออกมาอาละวาดด่าว่า ประเทศสหรัฐ จีน อินเดีย รัสเซีย ซ้ำเติมสถานการณ์ของไทยมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศได้ออกมาสนับสนุนกัมพูชา วันนี้ จึงไม่มีประเทศไหนอยู่ข้างประเทศไทย ทำให้เชื่อว่า การยุบสภาอาจจะเร็วขึ้นกว่าเดิม จากปัจจัยที่งวดเข้ามาเช่น ปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้น ปัญหาพิพาทไทยกัมพูชา และการทุจริตของรัฐบาล
**ยันจะไม่เข้าร่วม“โดเรมิ่ง”ซักฟอก
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังยืนยันจะไม่เข้าร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เรื่องนี้ต้องให้เป็นหน้าที่ของ “เฮียมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ความจริงทีมงานนายมิ่งขวัญไม่ควรออกมาบอกว่า ขอเวลาเตรียมข้อมูลก่อน เพราะถ้าแสดงความจำนงค์ก็ต้องพร้อม
สำหรับตนเห็นว่า วันนี้ต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลย ส่วนเรื่องข้อมูลการอภิปรายไม่ขอพูดเพราะไม่มีหน้าที่เหมือนนายมิ่งขวัญที่เป็นผู้นำในการอภิปรายและเสนอตัวเป็นนายกฯ ส่วนตนไม่ได้ต้องการเป็นหัวหน้าพรรคหรือนายกรัฐมนตรี และเห็นว่า การที่นายกอรป์ศักดิ์ สภาวสุ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งแต่ชนะในระบบปาร์ตี้ลิสต์ก็มิสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลนั้นขอให้มีหิริโอตะปะบ้าง เรื่องนี้ไม่มีใครยอมรับได้ ขอให้ยึดตามแนวทางนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่แม้จะเพียง1-2 เสียงก็จะไม่แย่งจัดตั้งรัฐบาล
**เย้ย“เผาไทย”ใช้เวทีงบกลางซ้อมซักฟอก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ใช้โอกาสดังกล่าวให้อยู่ในกรอบของกฎหมายดังกล่าว ไม่ควรที่จะฉวยโอกาสที่ได้รับไปเกี่ยวของกับประเด็นอื่น เช่น เรื่องการสลายม็อบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กองทัพ และพาดพิงกระบวนการยุติธรรม อยากให้การอภิปรายงบประมาณกลางปีเป็นไปในลักษณะที่สร้างสรรค์ ควรอภิปรายในกรอบงบประมาณที่มี 3 ส่วน คือ 1.ชดเชยเงินคงคลัง 8.4 หมื่นล้านบาท 2.ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และ 3.อุทกภัย จึงอยากให้ตรวจสอบรวมถึงวิจารณ์ว่าการจัดงบประมาณของรัฐบาลเหมาะสมหรือไม่
“รัฐบาลยินดีให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งเค้ก และอยากให้ดูว่ารัฐบาลได้จัดตามความจำเป็นหรือความเหมาะสมหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งเค้ก โดยงบจะกระจายไปยังกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตม หากพรรคเพื่อไทยจะเอาเรื่องดังกล่าวซ้อม ก็อยากให้แนวทางการวอร์มอัพมากกว่า แต่ที่ผ่านมาทั้งหมดพรรคเพื่อไทยยังไม่มีความคืบหน้า แม้กระทั้งวันยื่นการอภิปรายและจำนวนวันที่ต้องใช้ ซึ่งแสดงให้เห็นการทำงานของพรรคเพื่อไทยลักษณะสุกเอาเผากิน ประเภทคิดประเด็นอภิปรายดาบหน้า”นายเทพไท กล่าว
**จิ้นเย้ยเพื่อไทยอภิปรายมท.แค่เรื่องเดิมๆ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ทางกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแล โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยนั้น มีรายละเอียดตัวเลขการใช้งบประมาณ ซึ่งมันไม่มีอะไร ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนที่ว่า ประเมินว่า จะถูกอภิปรายในเรื่องอะไรบ้างนั้น มองว่า คงเป็นเรื่องที่ยังไม่มีข้อยุติ เช่น โครงการเช่าคอมพิวเตอร์เพื่อจัดทำระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียน และทำบัตรประชาชนแบบใหม่ของกรมการปกครอง วงเงิน 3,490 ล้านบาท หรือเรื่องบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งเรามีเหตุผลที่จะชี้แจงได้อยู่แล้ว คิดว่านอกจากสองเรื่องนี้คิดว่า ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรอีก
**เผาไทยเปิดแคมเปญ 5 ล้มเหลว 10 จำทน
ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการจัดแคมเปญ “5 ล้มเหลว 10 จำทน” ซึ่งมีการปล่อยคาราวานรถเพื่อประชาสัมพันธ์ โดยมีประเด็นที่จะชี้แจงให้ประชาชนทราบ เช่น การบริหารประเทศและการแก้ไขปัญหา การทุจริต การสร้างคุณภาพชีวิตให้ประชาชน การสร้างความยุติธรรมและความปรองดอง และการสร้างโอกาสให้ประเทศ โดยพรรคเพื่อไทยเห็นว่าปัญหาเหล่านี้ยังเป็นความล้มเหลวที่รัฐบาชุดนี้ไม่สามารถจัดการได้ ส่วนหัวข้อที่ประชาชนจำจะต้องทนต่อไปคือ ข้าวของแพง สังคมแตกแยก สองมาตรฐาน ทุจริตเต็มเมือง ยาเสพติดระบาดหนัก ข้าราชการไม่มีศักดิ์ศรี โดยมีการเมืองเข้าแทรกแซง ผู้ใช้แรงงานขัดสน คนจนเมืองย่ำแย่ เกษตรทุกข์หนัก เก่งแต่สร้างหนี้ มีภาระให้ลูกหลาน และภาพพจน์ที่ตกต่ำและโอกาสที่หายไปของประเทศ
**ปธ.วุฒิ รับเปิดอภิปรายรบ.ไม่ทันกุมภาฯ
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าชื่อของส.ว.เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ว่า ขณะนี้รอรัฐบาลตอบกลับมาว่าจะพร้อมเมื่อใด เบื้องต้นเชื่อว่าคงไม่ใช่เดือนนี้อย่างแน่นอนเพราะรัฐบาลยังมีภาระกิจหลายอย่างโดยในสัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 (งบกลางปี) และยังจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบความร่วมมืออีก จึงเชื่อว่ารัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องที่ค้างอยู่ให้หมดไปก่อนจึงจะสะดวกให้เปิดอภิปราย
กระทรวงศึกษาธิการก็แสบสันติสุขหากินกันทุกกรมกองได้ไปรวม 1,300 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทยก็ไม่รู้วิธีการกระจายอำนาจ ก็ได้เงินไปใช้ พร้อมๆ กับข่าวดูดส.ส.เข้าพรรคหัวละ 60 ล้านบาท ทั้งนี้ เห็นว่า การเสนอร่างพรบ.งบกลางปีนี้เป็นแลกผลประโยชน์งบประมาณให้กับพรรคร่วมรัฐบาลให้ผ่านการแก้ไขรธน. รวมแล้วที่ผ่านมา มีการทุจริต 10% ของงบประมาณทั้งหมด คิดเป็น 2 แสนล้านบาทหรือ 2% ของจีดีพี ซึ่งรู้กันทั้งโลกว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ทุจริตมากที่สุด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เชื่อว่า นายอภิสิทธิ์จะยุบสภาหลังจากสภาเห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณรายประจำปี 2555 ในเดือนตุลาคม รวมทั้งแต่งตั้งโยกย้ายครั้งเล็กในเดือนเม.ย.และครั้งใหญ่ในเดือนก.ย.เสร็จก่อน ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องการอยู่ยาว และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีตัวช่วยเยอะ แต่ปัญหาพิพาทไทยกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยกำลังไม่มีที่ยืนในเวทีโลกเนื่องจาก นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศออกมาอาละวาดด่าว่า ประเทศสหรัฐ จีน อินเดีย รัสเซีย ซ้ำเติมสถานการณ์ของไทยมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศได้ออกมาสนับสนุนกัมพูชา วันนี้ จึงไม่มีประเทศไหนอยู่ข้างประเทศไทย ทำให้เชื่อว่า การยุบสภาอาจจะเร็วขึ้นกว่าเดิม จากปัจจัยที่งวดเข้ามาเช่น ปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้น ปัญหาพิพาทไทยกัมพูชา และการทุจริตของรัฐบาล
**ยันจะไม่เข้าร่วม“โดเรมิ่ง”ซักฟอก
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังยืนยันจะไม่เข้าร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เรื่องนี้ต้องให้เป็นหน้าที่ของ “เฮียมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ความจริงทีมงานนายมิ่งขวัญไม่ควรออกมาบอกว่า ขอเวลาเตรียมข้อมูลก่อน เพราะถ้าแสดงความจำนงค์ก็ต้องพร้อม
สำหรับตนเห็นว่า วันนี้ต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เลย ส่วนเรื่องข้อมูลการอภิปรายไม่ขอพูดเพราะไม่มีหน้าที่เหมือนนายมิ่งขวัญที่เป็นผู้นำในการอภิปรายและเสนอตัวเป็นนายกฯ ส่วนตนไม่ได้ต้องการเป็นหัวหน้าพรรคหรือนายกรัฐมนตรี และเห็นว่า การที่นายกอรป์ศักดิ์ สภาวสุ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งแต่ชนะในระบบปาร์ตี้ลิสต์ก็มิสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลนั้นขอให้มีหิริโอตะปะบ้าง เรื่องนี้ไม่มีใครยอมรับได้ ขอให้ยึดตามแนวทางนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ที่แม้จะเพียง1-2 เสียงก็จะไม่แย่งจัดตั้งรัฐบาล
**เย้ย“เผาไทย”ใช้เวทีงบกลางซ้อมซักฟอก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ใช้โอกาสดังกล่าวให้อยู่ในกรอบของกฎหมายดังกล่าว ไม่ควรที่จะฉวยโอกาสที่ได้รับไปเกี่ยวของกับประเด็นอื่น เช่น เรื่องการสลายม็อบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กองทัพ และพาดพิงกระบวนการยุติธรรม อยากให้การอภิปรายงบประมาณกลางปีเป็นไปในลักษณะที่สร้างสรรค์ ควรอภิปรายในกรอบงบประมาณที่มี 3 ส่วน คือ 1.ชดเชยเงินคงคลัง 8.4 หมื่นล้านบาท 2.ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และ 3.อุทกภัย จึงอยากให้ตรวจสอบรวมถึงวิจารณ์ว่าการจัดงบประมาณของรัฐบาลเหมาะสมหรือไม่
“รัฐบาลยินดีให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งเค้ก และอยากให้ดูว่ารัฐบาลได้จัดตามความจำเป็นหรือความเหมาะสมหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งเค้ก โดยงบจะกระจายไปยังกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตม หากพรรคเพื่อไทยจะเอาเรื่องดังกล่าวซ้อม ก็อยากให้แนวทางการวอร์มอัพมากกว่า แต่ที่ผ่านมาทั้งหมดพรรคเพื่อไทยยังไม่มีความคืบหน้า แม้กระทั้งวันยื่นการอภิปรายและจำนวนวันที่ต้องใช้ ซึ่งแสดงให้เห็นการทำงานของพรรคเพื่อไทยลักษณะสุกเอาเผากิน ประเภทคิดประเด็นอภิปรายดาบหน้า”นายเทพไท กล่าว
**จิ้นเย้ยเพื่อไทยอภิปรายมท.แค่เรื่องเดิมๆ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ทางกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแล โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยนั้น มีรายละเอียดตัวเลขการใช้งบประมาณ ซึ่งมันไม่มีอะไร ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนที่ว่า ประเมินว่า จะถูกอภิปรายในเรื่องอะไรบ้างนั้น มองว่า คงเป็นเรื่องที่ยังไม่มีข้อยุติ เช่น โครงการเช่าคอมพิวเตอร์เพื่อจัดทำระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียน และทำบัตรประชาชนแบบใหม่ของกรมการปกครอง วงเงิน 3,490 ล้านบาท หรือเรื่องบัตรสมาร์ทการ์ด ซึ่งเรามีเหตุผลที่จะชี้แจงได้อยู่แล้ว คิดว่านอกจากสองเรื่องนี้คิดว่า ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรอีก
**เผาไทยเปิดแคมเปญ 5 ล้มเหลว 10 จำทน
ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการจัดแคมเปญ “5 ล้มเหลว 10 จำทน” ซึ่งมีการปล่อยคาราวานรถเพื่อประชาสัมพันธ์ โดยมีประเด็นที่จะชี้แจงให้ประชาชนทราบ เช่น การบริหารประเทศและการแก้ไขปัญหา การทุจริต การสร้างคุณภาพชีวิตให้ประชาชน การสร้างความยุติธรรมและความปรองดอง และการสร้างโอกาสให้ประเทศ โดยพรรคเพื่อไทยเห็นว่าปัญหาเหล่านี้ยังเป็นความล้มเหลวที่รัฐบาชุดนี้ไม่สามารถจัดการได้ ส่วนหัวข้อที่ประชาชนจำจะต้องทนต่อไปคือ ข้าวของแพง สังคมแตกแยก สองมาตรฐาน ทุจริตเต็มเมือง ยาเสพติดระบาดหนัก ข้าราชการไม่มีศักดิ์ศรี โดยมีการเมืองเข้าแทรกแซง ผู้ใช้แรงงานขัดสน คนจนเมืองย่ำแย่ เกษตรทุกข์หนัก เก่งแต่สร้างหนี้ มีภาระให้ลูกหลาน และภาพพจน์ที่ตกต่ำและโอกาสที่หายไปของประเทศ
**ปธ.วุฒิ รับเปิดอภิปรายรบ.ไม่ทันกุมภาฯ
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าชื่อของส.ว.เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ว่า ขณะนี้รอรัฐบาลตอบกลับมาว่าจะพร้อมเมื่อใด เบื้องต้นเชื่อว่าคงไม่ใช่เดือนนี้อย่างแน่นอนเพราะรัฐบาลยังมีภาระกิจหลายอย่างโดยในสัปดาห์นี้จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 (งบกลางปี) และยังจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณากรอบความร่วมมืออีก จึงเชื่อว่ารัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องที่ค้างอยู่ให้หมดไปก่อนจึงจะสะดวกให้เปิดอภิปราย