คนโบราณเห็นฤทธิ์เดชน้องขะแมร์มาหลายหนจากหลายเหตุการณ์ จึงมีคำเปรียบเปรย แสดงให้เห็นถึงความสับปลับปลิ้นปล้อน ไม่จริงใจ ว่า เขมรสองแฉก คือ พูดอะไรก็เชื่อไม่ได้ และคนแบบนี้โบราณเขาว่า คบเช้า เพลชั่ว คือ เลวโดยกมลสันดานปกปิดไม่มิด ไม่ทันข้ามทิวา ราตรี ลายก็ออก หางก็โผล่
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ตึงเครียดยิ่งขึ้น ประชาชนอพยพหนีตายกันอลหม่าน ดีที่มีน้ำพระทัยจากในหลวงทรงเมตตาช่วยเหลือทั้งการกิน การอยู่และลูกเล็กเด็กแดง พร้อมๆ กับสรรพกำลังของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง และ พันธมิตรฯ ที่ระดมกำลังเข้าช่วยประชาชนหลายอำเภอที่อาศัยในตึก – ในเต็นท์ และ ใช้ท่อระบายน้ำแทนหลุมหลบภัยชั่วคราว
ได้คุยกับแม่ทัพนายกองหลายคน บอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า ทหารไทยยังใจมั่น ไม่อ่อนลู่ตามลม หรือกลัวตายจับจิตจับใจเหมือนใครบางคนในทำเนียบฯ โดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์ของไทยไม่เกรงใจใคร ฝีมือทหารไทยรึก็ใช่ย่อย
ดังนั้น เมื่อเห็นจุดซุ่มโจมตีอยู่ที่แนวพระวิหาร ทหารไทยตั้งวิถีไปทางนั้น เล็งเป้าหมายให้แม่นมั่น กดปืนกลด้วยหัวใจรักชาติ กระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ซะเขมรเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ไปตามๆ กัน ไหนคุยนักคุยหนาว่า ไก่ป่า 1 คนฆ่าทหารไทยได้ 6 คนไง ...แมงโม้ปลิวว่อน
วันก่อนทหารคนหนึ่งแย้มว่า ไทยมีปืนกลยิงไกลที่กดครั้งหนึ่งกระสุนจะพุ่งออกไปเป็นร้อยๆ นัด กด 2- 3 ทีล่อเข้าไปเกืยบพัน!!!...ก็บรรลัยฮวยเซ็งสิพี่น้อง
ผลจากการปะทะเดือดในคืนวันนั้น ผลที่ได้คือ พระวิหารสะเทือนพรุนไปไม่น้อย ...แต่แล้วก็เข้าทำนองฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ เขายิงกันที่เขาพระวิหารโน่น แต่ทางนี้มีเสียงฮุนเซนกรีดร้องสนั่นหวั่นไหวเหมือนควายถูกเชือด
ใครที่บอกว่า ฮุนมานี ลูกชายคนรองของฮุนเซนไม่บาดเจ็บๆ ลองไปดูห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งใหญ่ในพนมเปญดูสิ ถ้าไม่เห็นคนไข้ก็ขอให้แค่เห็นกองกำลังรักษาที่แน่นขนัด และ มาดามบุนรานี เดินเข้า- ออก เครียด!!!
ในห้องคนไข้ห้องนั้น...เป็นใครไม่ต้องบอก...แค่กระสุนถากๆ กับสะเก็ดระเบิดอีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่ฝังใน อีกสองวันก็วิ่งซ่าส์ได้แล้ว เวลานี้ พล.ท.ฮุนมาเนต ทหารใหญ่เลยถูกมาดามแม่ แว้ดๆ เรียกให้กลับมากกที่พนมเปญ และฮุนมานา ลูกสาวคนสวย ถูกพ่อห้ามเด็ดขาดไม่ให้มาเหยียบดิเอ็มโพเรียม และพารากอนอีกนานจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ โถ....แล้วงี้ร้านเพชรและร้านสินค้าแบรนด์เนม ก็ยอดลดฮวบฮาบสิคะมาดามขา
ในระหว่างสงครามพระวิหารกำลังยืดเยื้อและย้วยไปถึงยูเอ็นอยู่นี้ ปรากฏให้มีตัวละครใหม่หล่อเหลาเข้ามาให้สาวไทยคลั่งชายร่างเล็กได้กรี๊ด เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยววัย 50 เศษๆ นาม Marty Natalegawa จากอินโดนีเซียเล่นบท “กาวใจ” ระหว่างไทยกับกัมพูชา
ไปค้นใน Facebook ของพี่รุ่งมณี เมฆโสภณ พี่สาวใหญ่ของเราเขียนไว้ละเอียดว่า รัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้เป็น “ลูกเขย” ของ นายศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์ หรือ เสนีย์ เสาวพงศ์ นักการทูต และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ผู้ประพันธ์นวนิยายชื่อดัง “ปีศาจ” โดย Marty แต่งงานกับ “คุณจ๊ะ-ศรัญยา บำรุงพงศ์”
ดร.อาร์เอ็ม มาร์ตี้ มูเลนา นาตาลีกาว่า คือชื่อเต็มๆ ของนักการทูตชาวอินโดนีเซียผู้เคยประจำอยู่สำนักเซนต์เจมส์ อังกฤษ ได้เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อพบปะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ จากนั้นเขาเดินทางไปพนมเปญเพื่อพบกับรองนายกฯ ฮอร์ นัมฮง
การเล่นบทกาวใจครั้งนี้ในนามของประธานสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเก้าอี้หมุนเวียน และเบื้องหลังมี ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เขียนบท และประสานงาน เพราะรู้ดีเรื่อง MOU 43 มากกว่าใครในฐานะที่เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลชวน หลีกภัย
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากการต่างประเทศเล่าว่า การเข้ามาของประชาชาติอาเซียนต่อกรณีข้อพิพาทเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร ย่อมดีกว่าให้นายกษิต ภิรมย์เดินไปอย่างโดดเดี่ยว เพราะเขาไม่สามารถเข้ากันได้กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน แม้แต่น้อย และมีสุ้มเสียงจากในกระทรวงฯ บ่นดังๆ ว่า กษิต ภิรมย์ น่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนเดียวในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ไปได้ทั่วโลกยกเว้นเขมร!!
ขณะที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ถูกกล่าวหาว่า โกหก ขายชาติ และอ่อนแอ กลับพบว่า ในรัฐสภามีการจับ ส.ส.และ ส.ว.มัดมือชก เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสูตร ปชป. 375+125 ผ่านฉลุย ด้วยสนนราคาแสนแพง อย่างว่า ผีถึงป่าช้า ไม่เผาไม่ได้แล้ว จะแพงเท่าไรก็ต้องซื้อ เสร็จสรรพก็กะเกณฑ์กันว่า จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่เกินร้อนนี้
กำลังหน้าข้าวหน้าเหล้าอย่างนี้ มี ส.ส. และ ส.ว.ขายตัวกันโครมๆ เวลานี้เสี่ยเน ค่ายภูมิใจไทย มีกระสุนดินดำอุดมสมบูรณ์มากที่สุด และภาคเหนือตอนบนเขากวาดเรียบมาแล้ว
พอๆ กับภาคอีสานที่กำลังจ้องตากันเป็นมันระหว่างเพื่อไทย ค่ายทักษิณ และ ภูมิใจไทย ค่ายเนวิน
แต่วัวใครก็เข้าคอกใคร ในเมื่อสูตรนี้ออกมาเท่ากับว่า ใครมีเงินคนนั้นมีอำนาจซื้อ และประชาชนท้องหิวพร้อมขายใครก็ได้ที่จ่ายหนักเสมอ
เรื่องของเรื่องเลยเอวังด้วยประการฉะนี้ ที่จะพอมองเห็นว่า อนาคตประเทศไทยจะอยู่ในกำมือใคร คงไม่แคล้วเลือกตั้งกี่หนก็ได้โจรปล้นสภาฯ ทุกหนไป จะต้องรอให้มันปล้นจนเหลือแต่กางเกงในกระมัง จึงจะมีใครรู้สึกรู้สมที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ได้การเมืองสะอาด ยิ่งเห็นโพลจากสำนักเอแบคที่สำรวจพบว่า ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยอมรับได้กับการคดโกงของนักการเมือง เพียงแต่ให้ประชาชนมีกินมีใช้เป็นพอ
โอ้โห สังคมไทยระยำกันถึงเพียงนี้แล้วหรือนี่ เหมือนใช้หัวแม่ตรีนคิดเลย เพราะผลที่ออกมาอย่างนี้เท่ากับ คนบ้านเราจำนนกับเงินบาปของคนชั่วโดยไม่สนอกสนใจเนื้อหาสาระแหล่งที่มาของเงิน ลองอีหรอบนี้อีกไม่นาน สิ้นชาติ ไม่เชื่อคอยดู
เดี๋ยวนี้มีคนคิดแหกกรอบเยอะ พอคิดกันไป คิดกันมาเรื่องมีการปูดข่าวปฏิวัติ ...โดยเจ้าของฉายาคางคกตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ รายนี้คงกลัวปฏิวัติช้า หรือไม่ติดคุกก็ไม่รู้ได้ ออกมาป้องปากเย้วๆๆๆ ปฏิวัติเจ้าข้าเอ้ย ปฏิวัติร้อนๆ จ้า เหมือนดอกดิน กัญญามาลย์ ตะโกนว่า ล้านแล้วจ้า ยังไงยังงั้น
ข่าวมั่วของตู่หนนี้เล่นเอา ToYoTa ร้องจิ๊บๆ แต่ ISUZU ร้อง ไอ๊หยา เมื่อ “ประหยัด บุญสูง” ถูกหวยเข้าจังเบอร์ในฐานะที่ตู่ ปั้นให้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงโต๊ะจีนกลุ่มคณะก่อการ อันประกอบด้วย นายปีย์ มาลากุล/ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย/พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร /พล.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล
โดยใส่ไคล้ว่า มีการประชุมกันต่อเนื่องทั้งที่บ้านกรุงเทพฯ และภูเก็ต ของนายประหยัด
ผลคือ เจ้าสัวประหยัดต้องออกโรงมาชี้แจงสื่อพัลวันด้วยเกรงภัยกบฏมาถึงเรือนชาน แม้ว่าตามปกติแล้วเจ้าสัวประหยัดจะเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบเชียบก็ตาม พร้อมด้วยคำอธิบายรายละเอียดถึงความสัมพันธ์ที่ห่างไกลกันระหว่าง ดร.สุรเกียรติ์กับนายประหยัด แม้ว่า ภรรยาของสองฝ่ายจะเป็นลูกพี่ลูกน้องแสนสนิทจากราชสกุล “สนิทวงศ์” ด้วยกันก็ตาม
ส่วนนายปีย์ มาลากุล ที่มีชื่อทุกโผและทุกครั้งของการปฏิวัติ ในนามของ “บ้านสุขุมวิท” ซึ่งเวลานี้ใช้ชีวิตไปๆ มาๆ ระหว่างเชียงรายกับกรุงเทพฯ ก็รีบปฏิเสธทันควันเพื่อกันไม่ให้มีควันและไฟปฏิวัติลุกโชนตามมาอีกรอบ
ด้านพล.อ.ดาวพงษ์ในฐานะ “นายพลดอเด็ก” กล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า งานนี้น้องตู่หมิ่นเชิงชายพี่ดาวเกินไปแล้ว ถ้าจะฟ้องก็ไม่ใช่ที่ถูกใส่ร้ายว่า ก่อการปฏิวัติ แต่จะฟ้องในข้อหามาดูถูกว่า ดอเด็ก...ฮาขี้แตกขี้แตน ค๊า...
จบข่าวปฏิวัติโคมลอยจากซ่องโคมแดงของพี่ตู่แต่เพียงเท่านี้ เพราะมีข่าวใหญ่กว่าคือ ยุบสภาประมาณเมษาฮาวายเพื่อหนีม็อบและชิงความได้เปรียบ ตอนนี้ ส.ส.ลงพื้นที่หาเสียงกันขวั่กและ คน ปชป.แซะเก้าอี้กันซึ่งๆ หน้า ล่าสุด ทั้งสาทิตย์ และ องอาจ ถูกสอยมาด่ายับในที่ประชุมพรรคในฐานะมืออ่อนกับมือไม่ถึง...ต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก
แต่ที่นึกไม่ถึงคือ ไม่มีวันเปลี่ยน “ศิริโชค” จนมีเรื่องพูดกันว่า สมัยศิริโชค เดินตามคุณชวนต้อยๆ เขาเหมือนขี้ติดตูดจนได้ฉายาว่า “ออพชั่น” คุณชวน ก่อนพัฒนาเป็น “วอลล์เปเปอร์” อภิสิทธิ์ในวันนี้
มีข่าวสาวน้อยตระกูลชิน ปิดท้ายในวันนี้ เพราะหลังจากสาวสวยคนพี่มีรัก และ กำลังอินเลิฟถึงขั้นตกแต่ง ด้วยฐานะและการศึกษาไม่ด้อยไปกว่ากัน และพ่อตาหน้าเหลี่ยมโปรดว่าที่เขยขวัญคนนี้มาก
แค่ตอนนี้โกวเนี้ยน้อยคนเล็กของทักษิณก็ปลูกต้นรักกับตี๋หล่อลากดินแสนรวย ทำให้สาวเจ้าเปลี่ยนไปจากเฮี้ยวเป็นอ่อนหวาน ล่าสุดพาใบหน้าเหลี่ยมแบบอ้วนไปฉีดโบท็อกซ์จนแก้มตอบ จนเห็นเหลี่ยมชัดกว่าเดิมอีก และประกาศชัดถ้อยชัดคำยิ่งกว่าว่า “คนนี้รักมาก”...ถามว่า “เมื่อไรแต่ง” สาวน้อยที่เคยแบะปากใส่ศาลตอบไม่อาย แต่หนักแน่นสมเป็นลูกสาวทักษิณว่า “แต่งตอนพ่อกลับมา อีกไม่นานเกินรอ”
เชอะ...ใครที่ว่า เนวินจะเข้ามาแทนที่ทักษิณ ฝันเปียกไปก่อนเถอะ
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ตึงเครียดยิ่งขึ้น ประชาชนอพยพหนีตายกันอลหม่าน ดีที่มีน้ำพระทัยจากในหลวงทรงเมตตาช่วยเหลือทั้งการกิน การอยู่และลูกเล็กเด็กแดง พร้อมๆ กับสรรพกำลังของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง และ พันธมิตรฯ ที่ระดมกำลังเข้าช่วยประชาชนหลายอำเภอที่อาศัยในตึก – ในเต็นท์ และ ใช้ท่อระบายน้ำแทนหลุมหลบภัยชั่วคราว
ได้คุยกับแม่ทัพนายกองหลายคน บอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า ทหารไทยยังใจมั่น ไม่อ่อนลู่ตามลม หรือกลัวตายจับจิตจับใจเหมือนใครบางคนในทำเนียบฯ โดยเฉพาะอาวุธยุทโธปกรณ์ของไทยไม่เกรงใจใคร ฝีมือทหารไทยรึก็ใช่ย่อย
ดังนั้น เมื่อเห็นจุดซุ่มโจมตีอยู่ที่แนวพระวิหาร ทหารไทยตั้งวิถีไปทางนั้น เล็งเป้าหมายให้แม่นมั่น กดปืนกลด้วยหัวใจรักชาติ กระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ซะเขมรเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ไปตามๆ กัน ไหนคุยนักคุยหนาว่า ไก่ป่า 1 คนฆ่าทหารไทยได้ 6 คนไง ...แมงโม้ปลิวว่อน
วันก่อนทหารคนหนึ่งแย้มว่า ไทยมีปืนกลยิงไกลที่กดครั้งหนึ่งกระสุนจะพุ่งออกไปเป็นร้อยๆ นัด กด 2- 3 ทีล่อเข้าไปเกืยบพัน!!!...ก็บรรลัยฮวยเซ็งสิพี่น้อง
ผลจากการปะทะเดือดในคืนวันนั้น ผลที่ได้คือ พระวิหารสะเทือนพรุนไปไม่น้อย ...แต่แล้วก็เข้าทำนองฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ เขายิงกันที่เขาพระวิหารโน่น แต่ทางนี้มีเสียงฮุนเซนกรีดร้องสนั่นหวั่นไหวเหมือนควายถูกเชือด
ใครที่บอกว่า ฮุนมานี ลูกชายคนรองของฮุนเซนไม่บาดเจ็บๆ ลองไปดูห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งใหญ่ในพนมเปญดูสิ ถ้าไม่เห็นคนไข้ก็ขอให้แค่เห็นกองกำลังรักษาที่แน่นขนัด และ มาดามบุนรานี เดินเข้า- ออก เครียด!!!
ในห้องคนไข้ห้องนั้น...เป็นใครไม่ต้องบอก...แค่กระสุนถากๆ กับสะเก็ดระเบิดอีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่ฝังใน อีกสองวันก็วิ่งซ่าส์ได้แล้ว เวลานี้ พล.ท.ฮุนมาเนต ทหารใหญ่เลยถูกมาดามแม่ แว้ดๆ เรียกให้กลับมากกที่พนมเปญ และฮุนมานา ลูกสาวคนสวย ถูกพ่อห้ามเด็ดขาดไม่ให้มาเหยียบดิเอ็มโพเรียม และพารากอนอีกนานจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ โถ....แล้วงี้ร้านเพชรและร้านสินค้าแบรนด์เนม ก็ยอดลดฮวบฮาบสิคะมาดามขา
ในระหว่างสงครามพระวิหารกำลังยืดเยื้อและย้วยไปถึงยูเอ็นอยู่นี้ ปรากฏให้มีตัวละครใหม่หล่อเหลาเข้ามาให้สาวไทยคลั่งชายร่างเล็กได้กรี๊ด เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยววัย 50 เศษๆ นาม Marty Natalegawa จากอินโดนีเซียเล่นบท “กาวใจ” ระหว่างไทยกับกัมพูชา
ไปค้นใน Facebook ของพี่รุ่งมณี เมฆโสภณ พี่สาวใหญ่ของเราเขียนไว้ละเอียดว่า รัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้เป็น “ลูกเขย” ของ นายศักดิ์ชัย บำรุงพงศ์ หรือ เสนีย์ เสาวพงศ์ นักการทูต และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ผู้ประพันธ์นวนิยายชื่อดัง “ปีศาจ” โดย Marty แต่งงานกับ “คุณจ๊ะ-ศรัญยา บำรุงพงศ์”
ดร.อาร์เอ็ม มาร์ตี้ มูเลนา นาตาลีกาว่า คือชื่อเต็มๆ ของนักการทูตชาวอินโดนีเซียผู้เคยประจำอยู่สำนักเซนต์เจมส์ อังกฤษ ได้เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อพบปะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ และรัฐมนตรีต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ จากนั้นเขาเดินทางไปพนมเปญเพื่อพบกับรองนายกฯ ฮอร์ นัมฮง
การเล่นบทกาวใจครั้งนี้ในนามของประธานสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเก้าอี้หมุนเวียน และเบื้องหลังมี ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เขียนบท และประสานงาน เพราะรู้ดีเรื่อง MOU 43 มากกว่าใครในฐานะที่เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลชวน หลีกภัย
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากการต่างประเทศเล่าว่า การเข้ามาของประชาชาติอาเซียนต่อกรณีข้อพิพาทเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร ย่อมดีกว่าให้นายกษิต ภิรมย์เดินไปอย่างโดดเดี่ยว เพราะเขาไม่สามารถเข้ากันได้กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน แม้แต่น้อย และมีสุ้มเสียงจากในกระทรวงฯ บ่นดังๆ ว่า กษิต ภิรมย์ น่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนเดียวในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ไปได้ทั่วโลกยกเว้นเขมร!!
ขณะที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ถูกกล่าวหาว่า โกหก ขายชาติ และอ่อนแอ กลับพบว่า ในรัฐสภามีการจับ ส.ส.และ ส.ว.มัดมือชก เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสูตร ปชป. 375+125 ผ่านฉลุย ด้วยสนนราคาแสนแพง อย่างว่า ผีถึงป่าช้า ไม่เผาไม่ได้แล้ว จะแพงเท่าไรก็ต้องซื้อ เสร็จสรรพก็กะเกณฑ์กันว่า จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่เกินร้อนนี้
กำลังหน้าข้าวหน้าเหล้าอย่างนี้ มี ส.ส. และ ส.ว.ขายตัวกันโครมๆ เวลานี้เสี่ยเน ค่ายภูมิใจไทย มีกระสุนดินดำอุดมสมบูรณ์มากที่สุด และภาคเหนือตอนบนเขากวาดเรียบมาแล้ว
พอๆ กับภาคอีสานที่กำลังจ้องตากันเป็นมันระหว่างเพื่อไทย ค่ายทักษิณ และ ภูมิใจไทย ค่ายเนวิน
แต่วัวใครก็เข้าคอกใคร ในเมื่อสูตรนี้ออกมาเท่ากับว่า ใครมีเงินคนนั้นมีอำนาจซื้อ และประชาชนท้องหิวพร้อมขายใครก็ได้ที่จ่ายหนักเสมอ
เรื่องของเรื่องเลยเอวังด้วยประการฉะนี้ ที่จะพอมองเห็นว่า อนาคตประเทศไทยจะอยู่ในกำมือใคร คงไม่แคล้วเลือกตั้งกี่หนก็ได้โจรปล้นสภาฯ ทุกหนไป จะต้องรอให้มันปล้นจนเหลือแต่กางเกงในกระมัง จึงจะมีใครรู้สึกรู้สมที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ได้การเมืองสะอาด ยิ่งเห็นโพลจากสำนักเอแบคที่สำรวจพบว่า ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยอมรับได้กับการคดโกงของนักการเมือง เพียงแต่ให้ประชาชนมีกินมีใช้เป็นพอ
โอ้โห สังคมไทยระยำกันถึงเพียงนี้แล้วหรือนี่ เหมือนใช้หัวแม่ตรีนคิดเลย เพราะผลที่ออกมาอย่างนี้เท่ากับ คนบ้านเราจำนนกับเงินบาปของคนชั่วโดยไม่สนอกสนใจเนื้อหาสาระแหล่งที่มาของเงิน ลองอีหรอบนี้อีกไม่นาน สิ้นชาติ ไม่เชื่อคอยดู
เดี๋ยวนี้มีคนคิดแหกกรอบเยอะ พอคิดกันไป คิดกันมาเรื่องมีการปูดข่าวปฏิวัติ ...โดยเจ้าของฉายาคางคกตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ รายนี้คงกลัวปฏิวัติช้า หรือไม่ติดคุกก็ไม่รู้ได้ ออกมาป้องปากเย้วๆๆๆ ปฏิวัติเจ้าข้าเอ้ย ปฏิวัติร้อนๆ จ้า เหมือนดอกดิน กัญญามาลย์ ตะโกนว่า ล้านแล้วจ้า ยังไงยังงั้น
ข่าวมั่วของตู่หนนี้เล่นเอา ToYoTa ร้องจิ๊บๆ แต่ ISUZU ร้อง ไอ๊หยา เมื่อ “ประหยัด บุญสูง” ถูกหวยเข้าจังเบอร์ในฐานะที่ตู่ ปั้นให้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงโต๊ะจีนกลุ่มคณะก่อการ อันประกอบด้วย นายปีย์ มาลากุล/ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย/พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร /พล.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล
โดยใส่ไคล้ว่า มีการประชุมกันต่อเนื่องทั้งที่บ้านกรุงเทพฯ และภูเก็ต ของนายประหยัด
ผลคือ เจ้าสัวประหยัดต้องออกโรงมาชี้แจงสื่อพัลวันด้วยเกรงภัยกบฏมาถึงเรือนชาน แม้ว่าตามปกติแล้วเจ้าสัวประหยัดจะเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบเชียบก็ตาม พร้อมด้วยคำอธิบายรายละเอียดถึงความสัมพันธ์ที่ห่างไกลกันระหว่าง ดร.สุรเกียรติ์กับนายประหยัด แม้ว่า ภรรยาของสองฝ่ายจะเป็นลูกพี่ลูกน้องแสนสนิทจากราชสกุล “สนิทวงศ์” ด้วยกันก็ตาม
ส่วนนายปีย์ มาลากุล ที่มีชื่อทุกโผและทุกครั้งของการปฏิวัติ ในนามของ “บ้านสุขุมวิท” ซึ่งเวลานี้ใช้ชีวิตไปๆ มาๆ ระหว่างเชียงรายกับกรุงเทพฯ ก็รีบปฏิเสธทันควันเพื่อกันไม่ให้มีควันและไฟปฏิวัติลุกโชนตามมาอีกรอบ
ด้านพล.อ.ดาวพงษ์ในฐานะ “นายพลดอเด็ก” กล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า งานนี้น้องตู่หมิ่นเชิงชายพี่ดาวเกินไปแล้ว ถ้าจะฟ้องก็ไม่ใช่ที่ถูกใส่ร้ายว่า ก่อการปฏิวัติ แต่จะฟ้องในข้อหามาดูถูกว่า ดอเด็ก...ฮาขี้แตกขี้แตน ค๊า...
จบข่าวปฏิวัติโคมลอยจากซ่องโคมแดงของพี่ตู่แต่เพียงเท่านี้ เพราะมีข่าวใหญ่กว่าคือ ยุบสภาประมาณเมษาฮาวายเพื่อหนีม็อบและชิงความได้เปรียบ ตอนนี้ ส.ส.ลงพื้นที่หาเสียงกันขวั่กและ คน ปชป.แซะเก้าอี้กันซึ่งๆ หน้า ล่าสุด ทั้งสาทิตย์ และ องอาจ ถูกสอยมาด่ายับในที่ประชุมพรรคในฐานะมืออ่อนกับมือไม่ถึง...ต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก
แต่ที่นึกไม่ถึงคือ ไม่มีวันเปลี่ยน “ศิริโชค” จนมีเรื่องพูดกันว่า สมัยศิริโชค เดินตามคุณชวนต้อยๆ เขาเหมือนขี้ติดตูดจนได้ฉายาว่า “ออพชั่น” คุณชวน ก่อนพัฒนาเป็น “วอลล์เปเปอร์” อภิสิทธิ์ในวันนี้
มีข่าวสาวน้อยตระกูลชิน ปิดท้ายในวันนี้ เพราะหลังจากสาวสวยคนพี่มีรัก และ กำลังอินเลิฟถึงขั้นตกแต่ง ด้วยฐานะและการศึกษาไม่ด้อยไปกว่ากัน และพ่อตาหน้าเหลี่ยมโปรดว่าที่เขยขวัญคนนี้มาก
แค่ตอนนี้โกวเนี้ยน้อยคนเล็กของทักษิณก็ปลูกต้นรักกับตี๋หล่อลากดินแสนรวย ทำให้สาวเจ้าเปลี่ยนไปจากเฮี้ยวเป็นอ่อนหวาน ล่าสุดพาใบหน้าเหลี่ยมแบบอ้วนไปฉีดโบท็อกซ์จนแก้มตอบ จนเห็นเหลี่ยมชัดกว่าเดิมอีก และประกาศชัดถ้อยชัดคำยิ่งกว่าว่า “คนนี้รักมาก”...ถามว่า “เมื่อไรแต่ง” สาวน้อยที่เคยแบะปากใส่ศาลตอบไม่อาย แต่หนักแน่นสมเป็นลูกสาวทักษิณว่า “แต่งตอนพ่อกลับมา อีกไม่นานเกินรอ”
เชอะ...ใครที่ว่า เนวินจะเข้ามาแทนที่ทักษิณ ฝันเปียกไปก่อนเถอะ