ต่อเนื่องฉบับวันศุกร์ที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ผมได้ตอบคำถามที่ผู้อ่านได้เขียนสอบถามผมทางอีเมลล์ ซึ่งผมพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคำถาม “ที่น่าสนใจ” ควรนำมาเผยแพร่ให้ท่านผู้อ่านหรือผู้สนใจได้รับทราบ“คำตอบ” ฉบับนี้ผมขอนำเสนออีก 3 คำถาม และคำตอบที่เหลือ ดังนี้
10.ก่อนการจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” เจ้าของโครงการได้จัดเก็บค่าสาธารณูปโภคเหมาจ่าย ซึ่งทุกหลังจะถูกเรียกเก็บจำนวน 500 บาทต่อเดือนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550-2552 เป็นเวลา 3 ปี และได้เรียกเก็บต่ออีก 1 ปีในพ.ศ. 2553 รวมระยะเวลา 4 ปี และเมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้วจะมีผลบังคับหรือไม่ว่าจะต้องจัดเก็บค่าสาธารณูปโภคเป็นตารางวาตามเนื้อที่บ้านของแต่ละหลัง
ตอบ. ตามระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ว่า ด้วยการกำหนดค่าใช้จ่าย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคและการจัดทำบัญชี พ.ศ. 2545 ข้อ 5. ให้จัดเก็บในอัตราตามประเภทการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือขนาดพื้นที่ตาม (4) ที่ดินที่ใช้เพื่ออยู่อาศัย ดังนั้น เมื่อมีการจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” ย่อมจัดเก็บเป็น “ตารางวา”
11.เมื่อจัดตั้งแล้ว คณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรร สามารถขอความร่วมมือจากทางราชการของบประมาณสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคได้หรือไม่
ตอบ. ส่วนใหญ่องค์กรภาครัฐท้องถิ่นจะไม่สนับสนุน “งบประมาณ” ช่วยเหลือการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค เมื่อทราบว่าโครงการจัดสรรที่ดินได้รับการจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐต้องจัดงบส่วนหนึ่งให้โครงการอื่นซึ่งไม่สามารถจดทะเบียนจัดตั้ง“นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร”
12.“เงินกองทุน” ซึ่งเจ้าของโครงการจะมอบให้ในการจัดตั้ง จำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องเป็นเงิน 7 %ของมูลค่าการจัดทำสาธารณูปโภคภายในโครงการจัดสรรที่ดิน หรือเจ้าของโครงการจะให้ “เงินกองทุน” ในการจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” แบบ “เหมาจ่าย” ซึ่งถูกต้องหรือไม่
ตอบ. “เงินกองทุน” จำนวนดังกล่าว ถูกกำหนดขึ้นตามข้อกฎหมาย ซึ่งผู้จัดสรรที่ดินต้องส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว เมื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรสามารถจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ผู้ซื้อ สามารถตรวจสอบรายละเอียดจำนวนเงิน 7% ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใดได้ที่สำนักงานที่ดิน หรือจากหนังสือสัญญาค้ำประกันการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคของธนาคาร ที่ผู้จัดสรรมอบไว้เป็นหลักฐานกับคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
นายพิสิฐ ชูประสิทธิ์
นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรร
โทรศัพท์ : 089-814-2297, 089-487-3686
10.ก่อนการจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” เจ้าของโครงการได้จัดเก็บค่าสาธารณูปโภคเหมาจ่าย ซึ่งทุกหลังจะถูกเรียกเก็บจำนวน 500 บาทต่อเดือนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550-2552 เป็นเวลา 3 ปี และได้เรียกเก็บต่ออีก 1 ปีในพ.ศ. 2553 รวมระยะเวลา 4 ปี และเมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรแล้วจะมีผลบังคับหรือไม่ว่าจะต้องจัดเก็บค่าสาธารณูปโภคเป็นตารางวาตามเนื้อที่บ้านของแต่ละหลัง
ตอบ. ตามระเบียบคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ว่า ด้วยการกำหนดค่าใช้จ่าย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคและการจัดทำบัญชี พ.ศ. 2545 ข้อ 5. ให้จัดเก็บในอัตราตามประเภทการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือขนาดพื้นที่ตาม (4) ที่ดินที่ใช้เพื่ออยู่อาศัย ดังนั้น เมื่อมีการจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” ย่อมจัดเก็บเป็น “ตารางวา”
11.เมื่อจัดตั้งแล้ว คณะกรรมการหมู่บ้านจัดสรร สามารถขอความร่วมมือจากทางราชการของบประมาณสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคได้หรือไม่
ตอบ. ส่วนใหญ่องค์กรภาครัฐท้องถิ่นจะไม่สนับสนุน “งบประมาณ” ช่วยเหลือการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค เมื่อทราบว่าโครงการจัดสรรที่ดินได้รับการจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐต้องจัดงบส่วนหนึ่งให้โครงการอื่นซึ่งไม่สามารถจดทะเบียนจัดตั้ง“นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร”
12.“เงินกองทุน” ซึ่งเจ้าของโครงการจะมอบให้ในการจัดตั้ง จำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องเป็นเงิน 7 %ของมูลค่าการจัดทำสาธารณูปโภคภายในโครงการจัดสรรที่ดิน หรือเจ้าของโครงการจะให้ “เงินกองทุน” ในการจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” แบบ “เหมาจ่าย” ซึ่งถูกต้องหรือไม่
ตอบ. “เงินกองทุน” จำนวนดังกล่าว ถูกกำหนดขึ้นตามข้อกฎหมาย ซึ่งผู้จัดสรรที่ดินต้องส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว เมื่อผู้ซื้อที่ดินจัดสรรสามารถจดทะเบียนจัดตั้ง “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร” เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ผู้ซื้อ สามารถตรวจสอบรายละเอียดจำนวนเงิน 7% ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใดได้ที่สำนักงานที่ดิน หรือจากหนังสือสัญญาค้ำประกันการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคของธนาคาร ที่ผู้จัดสรรมอบไว้เป็นหลักฐานกับคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
นายพิสิฐ ชูประสิทธิ์
นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรร
โทรศัพท์ : 089-814-2297, 089-487-3686
