ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปะทะเดือด!! ข้างเขาพระวิหาร ข้อตกลงหยุดยิงไร้ผล เผยถล่มกันด้วยปืน ค.และอาวุธประจำกาย สั่งปิดโรงเรียนชายแดน 20 แห่ง 3 วัน ด้านชาวบ้านที่ศูนย์อพยพเริ่มเครียดหนัก มท.อนุมัติ50 ล้านบาท ช่วยภูมิซรอล สั่งเข้มตรวจจับแรงงานเขมร หวั่นเป็นสายลับ ด้าน "จิตตนาถ" ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ระบุชายแดนปะทะไม่เลิก เพราะเขมรยึดตาม MOU43 ที่ไทยรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน
วานนี้ (6 ก.พ.) มีรายงานแจ้งว่า เมื่อเวลา 13.30 น.ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นอีกระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องซำแต บ้านซำแต ด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากเขาพระวิหารไปทางด้านทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร (กม.) โดยมีการยิงถล่มกันด้วยปืน ค.60 ไม่ต่ำกว่า 3 นัด จากนั้นมีเสียงปืน อาก้า AK-47 ของทหารกัมพูชา ดังขึ้นที่บริเวณช่องตาเฒ่า ติดกับเขาพระวิหารอีก 2 ชุดใหญ่ แต่ไม่ได้ยินเสียงปืนทหารไทยยิงตอบโต้ในจุดนี้แต่อย่างใด และเบื้องต้นยังไม่รายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
นายบุญรวม พงษาปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยยืนยันว่า การปะทะกันดังกล่าวเป็นการปะทะกันที่ช่องซำแต ติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีเสียงปืน ค. ดังขึ้น จำนวน 3 นัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนที่ยิงจากฝ่ายใด และในห้วงเวลาเดียวกันนี้ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่ช่องตาเฒ่า ใกล้เขาพระวิหาร โดยมีการใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะกัน ประมาณ 5นาที ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
**คณะปลัดฯมท.กลัวตายรีบเผ่นกลับ
ขณะเดียวกันที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ระหว่างที่ นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ กำลังเดินตรวจสอบสภาพความเสียหายของ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชายิงถล่มได้รับความเสียหายพังยับเยิน ปรากฏว่าได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณบ้านซำแต ทางด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ทำให้คณะของปลัดกระทรวงมหาดไทย รีบพากันวิ่งไปขึ้นรถ เพื่อออกนอกพื้นที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อย่างเร่งด่วน ให้พ้นจากวิถีกระสุนปืนใหญ่ทหารกัมพูชา
**ปลัดมท.ยันไม่มีปะทะแต่หนีไว้ก่อน
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังถึงกรณีมีข่าวเกิดการปะทะกันอีกครั้งในช่วงบ่ายถึงขั้นต้องนำคณะรีบวิ่งขึ้นรถหนีออกจากโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา บ้านภูมิซรอลว่า ข่าวเกิดจากวิทยุท้องถิ่น ซึ่งเป็นข่าวที่ยังไม่ได้กรอง กระจายเสียงออกมาว่ามีการยิงกันที่ชายแดน ทำให้พวกเราเองก็ตกใจว่ามีเหตุร้ายเกิด จึงรีบเตือนให้ทุกคนหลบภัยและรีบตรวจสอบข่าวจากฝ่ายทหารทันที
"ยืนยันว่าไม่มีการปะทะแต่ต้องไม่ประมาท ซึ่งข่าวที่ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องการเปิดสัญญาณเตือนภัยแต่อย่างใดแต่เป็นเพราะความระแวงยังอยู่ เมื่อยังมีความไม่ไว้ใจ ก็ฟังต่อกันมา แล้วพูดผ่านทางวิทยุในช่วง เวลาประมาณ 13.00-14.00 น.ซึ่งขณะนั้นผมและคณะอยู่ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยาและได้ข่าวลือเช่นกันว่ามีการปะทะเช่นกัน"
อย่างไรก้ตาม จากการตรวจข้อเท้จจริงในเรื่องดังกล่าวกับแหล่งข่าวทางการทหารที่ประจำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ได้รับยืนยันว่า เหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริง แต่หลายฝ่ายพยายามได้ออกมาปฏิเสธเพราะไม้ต้องการให้สถานการณ์ชายแดนด้านเขาพระวิหารตึงเครียดขึ้นมากอีก หลังได้มีเจรจาตกลงหยุดยิงร่วมกันไปแล้วระหว่างทหารระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวันที่ 5 ก.พ.
**สั่งผู้ว่าศรีสะเกษช่วยเหลือชาวบ้าน
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า ตนและคณะได้ลงมาตรวจดูความเรียบร้อยของการอพยพประชาชนด้วยตัวเอง ซึ่งเบื้องต้นมีประชาชนประมาณ 5,000 คนจากหลายตำบลใน อ.กันทรลักษ์ ต้องอพยพมายังจุดรองรับ 7 จุด เช่นที่หอประชุม อ.กันทรลักษ์ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา วิทยาลัยการอาชีพ ที่ทำการ อบต.ท่าสว่าง ซึ่งการอพยพและดูแลเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี มีพร้อมทั้งที่นอน อาหาร ยารักษาโรค ซึ่งทาง อบต.แต่ละแห่งจัดบริการ
ทั้งนี้ การจะเคลื่อนย้ายประชาชนกลับไปยังภูมิลำเนานั้น ต้องรอดูสถานการณ์การเจรจาฝ่ายทหารระดับสูงของไทย และกัมพูชาว่าต้องยืนยันได้ว่า ไม่มีการสู้รบกันแล้ว เรียกได้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอความมั่นใจ เมื่อทางการยืนยัน ผู้ว่าราชการจังหวัดก็สามารถแจ้งชาวบ้านให้กลับได้ ซึ่งคาดว่า อาจต้องรออีกประมาณ 2-3 วัน ซึ่งถ้ายังไม่มีความมั่นใจก็ไม่อยากให้รีบกลับ
"ในวันนี้ ผมได้ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯศรีสะเกษ และสั่งให้มีการจ่ายเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ผู้ว่าฯศรีสะเกษ มีอำนาจเบิกจ่ายได้ 50 ล้านบาทแล้ว โดยไม่แน่ใจว่าได้จ่ายช่วยเหลือไปเท่าไรจากวงเงิน 50 ล้านบาท โดยเบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ 50,000 บาท บ้านเรือนเสียหายได้หลังละ 30,000 บาท"
**แฉเขมรเมินข้อตกลง-ยิงไทยอีก
มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 22.00 น.คืนวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาแหล่งข่าวทางการทหารแจ้งว่า ที่บริเวณชายแดนด้านภูมะเขือ บ.ซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการปะทะกันด้วยอาวุธประจำกายระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชานานประมาณ 5 นาที บริเวณที่เกิดเหตุปะทะเป็นจุดเดียวกับที่ ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดยิง ร.16 พัน 2 ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร ถูกซุ่มยิงจากฝ่ายตรงข้ามด้วยกระสุนปืนชนิดอาก้า AK 47 เจาะเข้าเหนือคิ้วซ้ายทะลุท้ายทอยเสียชีวิตคาที่จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะรอบ 2 เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่การปะทะกันครั้งนี้ไม่มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
หลังเหตุการณ์ปะทะทหารไทยสามารถจับตัวทหารกัมพูชาได้ 6 คน แต่ได้ปล่อยกลับไปหมดแล้ว เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาวะตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีก หลังสถานการณ์เริ่มจะคลี่คลายจากที่ได้มีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน จากการเจรจาระหว่าง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2(มทภ.2) กับ พล.อ.เจีย มอน แม่ทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชาและ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชาเมื่อวนัที่ 5 ก.พ.
**สั่งปิดโรงเรียน 20 แห่ง 3 วัน
ด้านนายวรรณะ บุญสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 (ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4) มาตรวจพื้นที่กับคณะของปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.กันทรลักษ์ ทั้งสิ้นจำนวน 20 แห่ง เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ.นี้ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน
นายประมูล แสวงผล ผู้อำนวยการโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ เปิดเผยว่า ล่าสุด จากการสำรวจความเสียหาย จากเหตุการณ์ถูกกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายทหารกัมพูชายิงเข้าใส่โรงเรียนจำนวนหลายลูกเมื่อวันที่ 4 ก.พ.พบว่า มีอาคารเรียนขนาด 3 ชั้น ถูกลูกกระสุนใหญ่หลังคาอาคารระเบิดพังยุบลงมาเสียหายจำนวน 4 ห้องเรียน อาคารชั่วคราวของโรงเรียนพังเสียหายอีก 6 ห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ เสียหาย รวมกว่า 400 ชุด รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องรับโทรทัศน์ ขณะอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายอีกครั้ง
“คาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยาจะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ โดยในส่วนห้องเรียนที่ได้รับความเสียหาย จะแก้ปัญหาเฉาะหน้าด้วยการใช้ห้องเรียนชั่วคราว เช่น หอประชุม ใต้ถุนอาคาร และกางเต็นท์เพิ่มเติม พร้อมยืมอุปกรณ์การเรียนการสอนจากโรงเรียนข้างเคียง มาให้นักเรียนได้เรียนหนังสือเป็นการชั่วคราวไปก่อน”
**ชาวบ้านในศูนย์อพยพเริ่มป่วยเครียด
ขณะที่นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เผยว่า ล่าสุดมีประชาชนตามหมู่ชายแดนเขาพระวิหารในหลายตำบลของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือที่กระจ่ายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งหมด 7 จุด ประมาณ 6,000 คน ประกอบด้วย อ.กันทรลักษ์ ,อ.ศรีรัตนะ และ อ.เบญจลักษ์ ซึ่งที่ว่าการอ.กันทรลักษ์ ได้มีการเปิดจุดรับบริจาคเพื่อนำมาจัดซื้ออาหาร ยารักษาโรค และเครื่องกันหนาวให้กับประชาชนผู้อพยพทั้งคนชรา ผู้หญิงและเด็ก ที่พบว่าเริ่มประสบความเดือดร้อนป่วยเป็นไข้หวัด กันมาก
ส่วนบรรยากาศที่ศูนย์อพยพชั่วคราวหอประชุมที่ว่า อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาติดเขาพระวิหาร ที่ได้อพยพหนีภัยสงครามมาพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์นี้ตั้งแต่บ่ายวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนี้เริ่มส่งผลให้สภาพจิตใจของ ชาวบ้านแย่ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง อีกทั้งชีวิตความเป็นอยู่ที่ศูนย์อพยพก็ไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร แม้จะมีหลายภาคส่วนนำสิ่งของมาบริจาคและนำอาหาร เครื่องดื่มมาบริการอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
นายศรีราชา กระตุฤกษ์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันครั้งนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลยเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วชาวบ้านในพื้นที่เดือดร้อนที่สุด โดยเฉพาะคนที่บ้านถูกไฟไหม้เพราะกว่าจะสร้างบ้านได้แต่ละหลังต้องเก็บหอมรอมริบมาค่อย ๆ ต่อเติมกว่าจะพอได้อยู่ เพราะคนตามแนวชายแดนก็ไม่ใช่คนร่ำรวยมาจากไหน เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกใจหายแทนเขา และส่วนตัวก็ยังไม่มั่นใจนักว่าจะไม่โดนอย่างนั้น หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียด และถ้าเกิดปะทะอีกรอบกลัวว่าจะโดนบ้านตัวเองก็ได้ คิดถึงตรงนี้แล้วตนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุ แต่จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งเตือนว่าให้เตรียมพร้อมตลอดเวลาหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
“อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหานี้ให้จบเร็ว ๆเพราะตอนนี้ทุกคนที่อยู่ศูนย์อพยพต่างก็พากันเป็นห่วงทรัพย์สินและบ้านเรือนที่ทิ้งมาโดยไม่ได้เก็บข้าวของมีค่าอะไรไว้ที่ปลอดภัยก่อน อีกทั้งสัตว์เลี้ยงก็ไม่มีคนดูแลกลัวว่าจะมีขโมยขโจรมาลักขโมยทรัพย์สินไป ทำให้ทุกคนที่นี่ต่างเป็นทุกข์เป็นร้อนไปตาม ๆกัน”
**ชาวบ้านเซ่นศาลปูตาให้ไทยเขมรสงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าเมื่อเวลา 08.00 น.วานนี้ ที่บ้านธาตุหมู่ 3 ต.ละลม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านกว่า 100 คน ซึ่งเป็นทั้งชนเผ่าเขมรโบราณ ชาวส่วย ชาวลาวและชาวเยอ ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน ได้รวมกลุ่มกันในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน3 ทุกปี เพื่อร่วมประเพณีเซ่นไหว้ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้านที่บรรพบุรุษที่ได้ปฏิบัติสืบทอดมานับ 100 ปี
ชาวบ้านทั้งหมดได้ร่วมกันนำการดอกไม้ ธูปเทียน ขันธ์ 5 ไก่ต้ม ขนม นม เนย น้ำอัดลมอาหาร คาว หวาน หมากพลู ร่วมกันเซ่นวิงวอนให้ศาลปู่ตา ประกอบพิธีเซ่นไหว้ พร้อมวิงวอนให้ศาลปู่ตาทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา กลับมาปรกติสุข เลิกทะเลาะเบาะแว้ง มีสันติภาพของทั้งสองประเทศ
นายหมึก สอนสุข ผู้ใหญ่บ้านธาตุ กล่าวว่า การเซ่นปู่ตาเป็นวัฒนธรรมประเพณีชาวบ้านธาตุที่มีผู้คนอาศัยอยู่ร่วมกันหลากหลายภาษาเขมร ลาว ส่วน เยอ เมื่อถึงเดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำ ชาวบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน นำเครื่องเซ่นไหว้มาเซ่นศาลปู่ตาเพื่อการแสดงความกตัญญูกตเวที ประกอบกับปีนี้ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดการสู้รอบกัน มีผู้คนล้มตายและได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้อยู่กันแบบหวาดระแวง ชาวบ้านทั้งหมดจึงพร้อมใจเซ่นไหว้ขอพรวิงวอนศาลปู่ตาดลบันดาลให้คนไทย คนกัมพูชาหยุดทะเลาะ เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
**สื่อไทยจัดให้ “กห.เขมร”ด่าคนไทย
เวลา 14.00 น. พล.อ.เตีย บัณห์ รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สดสื่อไทย 2 แห่ง คือ ช่องสปริงนิวส์ และช่องเนชั่น ตอนหนึ่งโดยกล่าวหาว่า ปัญหาของ 2 ประเทศเกิดจากพวกยุแหย่ พูดว่า ประเทศเล็กจะมาเอาดินแดนประเทศใหญ่ ฟังแล้วมันเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันหลังจากเกิดการปะทะได้โทรศัพท์คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชร ผบ.ทบ. และพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. โดยทั้ง 2 คนได้โทรศัพท์เข้ามาหลังเกิดเหตุ
“พอคุยแล้วก็ยุติกันไป เพราะประชาชนไทยและประชาชนกัมพูชา ไม่สามารถแยกความสัมพันธ์กันได้ ต้องยับยั้งพวกไม่หวังดี ยุแหย่ ใช้คําต่างๆนาๆ เหยียดหยาม ก็เข้าหูก็รู้สึกไม่ดี”รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชากล่าว
พล.อ.เตีย บัณห์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายไทยขอให้ปลดธงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระนั้น ไม่สามารถทําได้ ที่เกิดปะทะ ก็เพราะไทยเรียกร้องต้องการแล้วทําไม่ได้ ก็เลยปะทะ ส่วนเรื่องเขตแดนJBC ก็รอทางไทยให้รัฐสภาอนุมัติ ก็นานมากแล้ว ยังตกลงไม่ใด้ เขตหลักแดนชี้กันจริงๆ ก็ยังทําไม่ได้ ดังนั้นการตรึงกําลังทหารน่าจะคลี่คลายด้วยดีมีการคุยกันสองฝ่าย การคุยไม่ใช่คุยอยู่ฝ่ายเดียวอีกฝ่ายไม่ยอมคุย รวมถึงปัญหาที่สะสมมานานทั้งธงบนวัดแก้ว เขาพระวิหาร ทหาร อย่างไรก็ตามยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสพบปะกันของผู้นำของสองประเทศ เพืออหารือเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทยหรือไม่
** สื่อเขมรเผยทหารตาย 1 เหตุปืนลั่น
ด้านน.ส.พ.เดิมอัมปรึล อ้างว่า จากการที่ทหารไทยรุกรานเข้าไปยิงปะทะ กับ ทหารกัมพูชา ที่เฝ้าปราสาทพระวิหาร เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตเพียง 2 คน โดยเป็นทหารกัมพูชา 1 คน และ เสียชีวิต เพราะทำปืนลั่น ไม่ได้ถูกทหารไทยยิงตาย และ เป็นชาวบ้านกัมพูชาเสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บรวม 20 คนเท่านั้น นอกจากนี้ น.ส.พ.เดิมอัมปึล ได้ลงภาพกองทัพรถถังของกัมพูชา และ ทหารกัมพูชากำลังใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับทหารไทย โดยบรรยายภาพว่าทหารกัมพูชา ยิงต่อสู้กับผู้รุกรานด้วยความกล้าหาญ พร้อมทั้งได้นำภาพทหารกัมพูชา ที่ประจำการในปราสาทพระวิหาร และ ภาพหางกระสุนปืน ค. ที่ทหารไทยยิงไปตกใกล้กับตัวปราสาทพระวิหาร นอกจากนี้ ยังมีภาพกองเสบียงอาหาร และ น้ำดื่ม จำนวนมาก ที่ น.ส.พ.เดิมอัมปรึล อ้างว่า เป็นเสบียงอาหาร และ น้ำดื่มที่ชาวกัมพูชาทั่วประเทศ ส่งมาช่วยทหารกัมพูชาเพื่อให้ต่อสู้กับผู้รุกราน.
**เขมรระดมยิงจรวดก่อน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.40 น.ที่ผ่านมา ทหารฝ่ายกัมพูชา ได้ใช้พลุส่องสว่าง หลังจากนั้นก็ได้ยิงกระสุนปืนใหญ่รถถัง เข้ามายังบริเวณช่องโดนอาว ทำให้ทหารไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎของการใช้กำลัง จากนั้น สถานการณ์ได้พัฒนาไปจนกระทั่ง ทางฝ่ายกัมพูชา ได้ยิงจรวดดีเอ็ม 21 เข้ามายังฝั่งไทย ทำให้ทหารไทย จึงต้องใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้ จนกระทั่งปัจจุบัน
ล่าสุด ทางกองทัพภาค 2 ได้เริ่มต้นการเจรจากับฝ่ายทหารกัมพูชา เพื่อให้หยุดยิง ควบคู่ไปกับการใช้อาวุธยิงตอบโต้ ตามกฎการใช้กำลังอยู่
ชายแดนเดือดอีก ไทย-กัมพูชาระดมยิงปืนใหญ่ใส่กันตลอดแนวชายแดนเขาพระวิหาร ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับบาดเจ็บระนาว
เวลา 19.40 น.สถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ได้ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยมีการปะทะตลอดแนวชายแดนเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ตั้งแต่บ้านทิศเหนือเขาพระวิหาร ต.ภูมิซรอล ไปจนถึง ภูมะเขือ ตรงข้าม ต.รุง อ.กันทรลักษ์ โดยทั้งสองฝ่ายได้ยิงตอบโต้กันด้วยปืนใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะดังกล่าวแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วนแล้ว
เวลาประมาณ 20.30 น. พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทางเขมรเป็นฝ่ายที่เริ่มยิงกระสุนส่องสว่างและยิงกระสุนปืนยาวก่อน ทางเราเลยมีการตอบโต้ และบานปลายจนปัจจุบันเขมรใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ตอนนี้จนท.ในพื้นที่ คงพยายามเร่งประสานกับเขมรอยู่ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกระสุนส่องสว่างเข้ามาก่อน
พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวว่าขอย้ำว่าเราแสดงออกชัดเจนว่าเราไม่ประสงค์จะรุกรานเขาก่อน ตอนนี้ เข้าใจว่า รมว.กห. และนายกฯ ทราบเรื่องแล้ว ยืนยันตอนนี้เรามีการตอบโต้ทางบกทางเดียวเท่านั้น ทางอากาศตอนนี้ยังไม่มี เชื่อความสูญเสียมีแน่นอนแต่ยังไม่ได้รับรายงาน ย้ำไทยตอบโต้"อย่างพอเหมาะพอสม" ที่เราไม่อยากทำหนัก เพราะกลัวคำครหาว่าเราไปรังแกประเทศที่ด้อยกว่า เพราะเรามีศักยภาพที่มากกว่า
***"จิตตนาถ" ฉะเอ็มโอยู43ทำเขมรยิง
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชธิปไตย ตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์การปะทะของทหารไทยและทหารกัมพูชาทั้ง 3 ครั้ง เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ปัญหาเกิดมาจาก เอ็มโอยู 43 ที่นายกรัฐมนตรีรูปหล่อ เฒ่าทารก ตือโป้ยก่าย หรือคนในรัฐบาล ที่ไม่พูดความจริงกอดเอาไว้แน่น เชื่อว่า หากสงครามจะเกิดขึ้นมากกว่านี้ ก็เพราะปัญหาเอ็มโอยู 43 ที่เข้าหวังแต่ผลประโยชน์ในพื้นที่ 1.8 ล้านไร่ เขมรก็จะมีใบเสร็จไปเรียกร้องยูเอ็นได้ เพราะรัฐบาลไทยไปยึดเอ็มโอยู 43
"ผมฝากไปแม่ทัพภาคที่ 2 ผบ.ทบ. ว่าอย่าให้ทหารไทยตายฟรี ถามว่าท่านรบเองหรือไม่แต่ท่านทหารชั้นผู้น้อยไปรบแทนท่านทั้งนั้น และเมื่อทหารตาย ท่านก็แอบไปตกลงรับหลังกับเขมรหรือไม่ การที่รัฐบาลไม่ยอมยกเลิกเอ้มโอยู 43 ก็เพราะกลัวจะเสียเครดิตทางการเมือง กลัวจะถูกพิจารณาความผิดเป็นโทษย้อนหลัง” นายจิตตนาถกล่าวและย้ำว่า การยิงใส่ทหารและคนไทยครั้งนี้ เขมรถือว่ายึดตามเอ็มโอยู 43 ที่ไทยไปเซ็นรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน
"พื้นที่ประมาณ 1.8 ล้านไร่ ที่ปะทะกันเขมรมีความชอบธรรมที่จะยิง เพราะเขาถือว่าเป็นพื้นที่ของเขาและไทยรับรองแล้ว เขมรมองว่าเราไปรุกล้ำอธิปไตย นี่คือการยึดถือ เอ็มโอยู 43 ที่รัฐบาลไม่ยอมยกเลิก".