xs
xsm
sm
md
lg

ปะทะอีก “ช่องซำแต” “ภูมะเขือ” ใกล้“เขาพระวิหาร”- ปลัด มท.ตื่นเผ่นขึ้นรถหนีตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก่อนรีบนำคณะเผ่นขึ้นรถหนีหลังได้รับข่าวการปะทะกันที่ชายแดนเขาพระวิหาร วันนี้ ( 6 ก.พ.)
ศรีสะเกษ - ข้อตกลงหยุดยิงไร้ผล ทหารไทย-เขมร เปิดฉากปะทะอีกที่บริเวณ "ช่องซำแต" ชายแดนทิศตะวันออก “เขาพระวิหาร” เผยถล่มกันด้วยปืน ค.และ อาวุธประจำกาย ด้าน “ปลัดมหาดไทย” และคณะแตกตื่นวิ่งขึ้นรถเผ่นหนีกระสุนปืนใหญ่เขมร หลังได้รับแจ้งเกิดการปะทะ ขณะ “ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4” สั่งปิดโรงเรียนชายแดน 20 แห่ง 3 วัน เผยเหตุสร้างสับสน หลังหายสั่น ปลัดมท.อ้างแค่ข่าวลือ ขณะแหล่งข่าวหทารยืนของจริง ล่าสุดเกิดเหตุปะทะบริเวณ “ภูมะเขือ” อีกครั้งแล้ว

วันที่ (6 ก.พ.) มีรายงานแจ้งว่า เมื่อเวลา 13.30 น.ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันขึ้นอีกระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องซำแต บ้านซำแต ด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากเขาพระวิหารไปทางด้านทิศตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร (กม.) โดยมีการยิงถล่มกันด้วยปืน ค.60 ไม่ต่ำกว่า 3 นัด จากนั้นมีเสียงปืน อาก้า AK-47 ของทหารกัมพูชา ดังขึ้นที่บริเวณช่องตาเฒ่า ติดกับเขาพระวิหารอีก 2 ชุดใหญ่ แต่ไม่ได้ยินเสียงปืนทหารไทยยิงตอบโต้ในจุดนี้แต่อย่างใด และเบื้องต้นยังไม่รายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

นายบุญรวม พงษาปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยยืนยันว่า การปะทะกันดังกล่าวเป็นการปะทะกันที่ช่องซำแต ติดกับแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีเสียงปืน ค. ดังขึ้น จำนวน 3 นัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนที่ยิงจากฝ่ายใด และในห้วงเวลาเดียวกันนี้ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่ช่องตาเฒ่า ใกล้เขาพระวิหาร โดยมีการใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะกัน ประมาณ 5นาที ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ระหว่างที่ นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ กำลังเดินตรวจสอบสภาพความเสียหายของ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชายิงถล่มได้รับความเสียหายพังยับเยิน ปรากฏว่าได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารว่าเกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณบ้านซำแต ทางด้านเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ทำให้คณะของปลัดกระทรวงมหาดไทย รีบพากันวิ่งไปขึ้นรถ เพื่อออกนอกพื้นที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อย่างเร่งด่วน ให้พ้นจากวิถีกระสุนปืนใหญ่ทหารกัมพูชา

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. มีรายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ ชายแดน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดเดิมที่ได้มีการปะทะกันไปก่อนหน้านี้ โดยมีการยิงตอบโต้กัน โดยทหารเขมรเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงเข้ามาทางฝั่งไทยก่อน โดยยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านได้อพยพลงมาจากบริเวณที่เสี่ยงภัยซึ่งอยู่ใกล้กับจุดปะทะแล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 22.00 น.คืนที่ผ่านมา (5 ก.พ.) แหล่งข่าวทางการทหาร แจ้งว่า ที่บริเวณชายแดนด้านภูมะเขือ บ.ซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการปะทะกันด้วยอาวุธประจำกายระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา นานประมาณ 5 นาที บริเวณที่เกิดเหตุปะทะเป็นจุดเดียวกับที่ ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดยิง ร.16 พัน 2 ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร ถูกซุ่มยิงจากฝ่ายตรงข้ามด้วยกระสุนปืนชนิดอาก้า AK 47 เจาะเข้าเหนือคิ้วซ้ายทะลุท้ายทอยเสียชีวิตคาที่จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะรอบ 2 วานนี้ (5 ก.พ.) แต่การปะทะกันครั้งนี้ไม่มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

หลังเหตุการณ์ปะทะ ทหารไทยสามารถจับตัวทหารกัมพูชาได้ 6 นาย แต่ได้ปล่อยกลับไปหมดแล้วเพราะไม่ต้องการให้เกิดภาวะตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีก หลังสถานการณ์เริ่มจะคลี่คลายจากที่ได้มีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน จากการเจรจาระหว่าง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กับ พล.อ.เจีย มอน แม่ทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา และ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา เมื่อวานนี้ (5 ก.พ.)

นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวเกิดการปะทะกันอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ ( 6 ก.พ.) ถึงขั้นต้องนำคณะรีบวิ่งขึ้นรถหนีออกจากโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ ว่า ข่าวเกิดจากวิทยุท้องถิ่น ซึ่งเป็นข่าวที่ยังไม่ได้กรอง กระจายเสียงออกมาว่ามีการยิงกันที่ชายแดน ทำให้พวกเราเองก็ตกใจว่ามีเหตุร้ายเกิด จึงรีบเตือนให้ทุกคนหลบภัยและรีบตรวจสอบข่าวจากฝ่ายทหารทันที ยืนยันว่า ไม่มีการปะทะ แต่ต้องไม่ประมาท ซึ่งข่าวที่ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องการเปิดสัญญาณเตือนภัยแต่อย่างใดแต่เป็นเพราะความระแวงยังอยู่ เมื่อยังมีความไม่ไว้ใจ ก็ฟังต่อกันมา แล้วพูดผ่านทางวิทยุในช่วง เวลาประมาณ 13.00 - 14.00 น. ซึ่งขณะนั้นตนและคณะอยู่ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยาและได้ข่าวลือเช่นกันว่ามีการปะทะเช่นกัน

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวกับแหล่งข่าวทางการทหารที่ประจำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน เขาพระวิหาร ได้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริง แต่หลายฝ่ายพยายามได้ออกมาปฏิเสธเพราะไม้ต้องการให้สถานการณ์ชายแดนด้านเขาพระวิหารตึงเครียดขึ้นมากอีก หลังได้มีเจรจาตกลงหยุดยิงร่วมกันไปแล้วระหว่างทหารระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อวานนี้ ( 5 ก.พ.)

ทางด้าน นายวรรณะ บุญสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 (ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4) มาตรวจพื้นที่กับคณะของปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งปิดโรงเรียนประถมศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.กันทรลักษ์ ทั้งสิ้นจำนวน 20 แห่ง เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7 – 9 ก.พ. นี้ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน

ขณะที่ นายประมูล แสวงผล ผู้อำนวยการโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ เปิดเผยว่า ล่าสุด จากการสำรวจความเสียหาย จากเหตุการณ์ถูกกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายทหารกัมพูชายิงเข้าใส่โรงเรียนจำนวนหลายลูกเมื่อวันที่ 4 ก.พ.พบว่า มีอาคารเรียนขนาด 3 ชั้น ถูกลูกกระสุนใหญ่หลังคาอาคารระเบิดพังยุบลงมาเสียหายจำนวน 4 ห้องเรียน อาคารชั่วคราวของโรงเรียนพังเสียหายอีก 6 ห้องเรียน โต๊ะ เก้าอี้ เสียหาย รวมกว่า 400 ชุด รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องรับโทรทัศน์ ขณะอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายอีกครั้ง

“คาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยาจะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ โดยในส่วนห้องเรียนที่ได้รับความเสียหาย จะแก้ปัญหาเฉาะหน้าด้วยการใช้ห้องเรียนชั่วคราว เช่น หอประชุม ใต้ถุนอาคาร และกางเต็นท์เพิ่มเติม พร้อมยืมอุปกรณ์การเรียนการสอนจากโรงเรียนข้างเคียง มาให้นักเรียนได้เรียนหนังสือเป็นการชั่วคราวไปก่อน” ผู้อำนวยการโรงเรียนภูมิซรอลวิทยากล่าว

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ล่าสุดมีประชาชนตามหมู่ชายแดนเขาพระวิหารในหลายตำบลของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือที่กระจ่ายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งหมด 7 จุด ประมาณ 6,000 คน ประกอบด้วย อ.กันทรลักษ์ ,อ.ศรีรัตนะ และ อ.เบญจลักษ์ ซึ่งที่ว่าการอ.กันทรลักษ์ ได้มีการเปิดจุดรับบริจาคเพื่อนำมาจัดซื้ออาหาร ยารักษาโรค และเครื่องกันหนาวให้กับประชาชนผู้อพยพทั้งคนชรา ผู้หญิงและเด็ก ที่พบว่าเริ่มประสบความเดือดร้อนป่วยเป็นไข้หวัด กันมาก
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น