ศรีสะเกษ - ทหารเขมร-ไทย ปะทะรอบ 2 ที่ภูมะเขือ ทิศตะวันตกเขาพระวิหาร ทหารไทยสละชีพ 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ผู้ว่าฯศรีสะเกษ เร่งระดมช่วยเหลือชาวบ้านอพยพหนีภัยสงครามกว่า 3,000 คน สั่งปิด “ด่านช่องสะงำ” ชั่วคราว รวมทั้งอุทยานเขาพระวิหาร คณะทัวร์ไทยติดอยู่ฝั่งกัมพูชากว่า 30 คน กำนันตำบลเสาธงชัย ระบุ บ้านราษฎรถูกปืนใหญ่เขมรถล่มไฟไหม้พังทั้งหลัง 7 หลัง เผย มีรายงานทหารเขมรดับ 64 นาย รถถังยับเยิน 12 คัน วัดแก้วฯหลังคาพัง ชุมนุมเขมรรอบวัด เสียหายหลายสิบหลัง
วันนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.25 น.ได้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชารอบ 2 ที่ช่องโดนอาว อยู่ใกล้กับภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ซึ่งทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะกันนานประมาณ 30 นาที เสียงปืนจึงได้สงบลง ซึ่งผลจากการปะทะกันในครั้งนี้ ปรากฏว่า มีทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย ชื่อ ส.อ.รุชรินทร์ ชาติคำดี สังกัด พัน ร.162 จ.ยโสธร โดนสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ สมองไหล เสียชีวิตคาที่ และมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ พลฯ ธวัชชัย ศรีวิเศษ และ อาสาสมัครทหารพรานสงคราม ธุรชัย โดยทหารพรานสงครามได้รับบาดเจ็บโดนสะเก็ดระเบิดที่หน้าอก
ส่วน พลฯ ธวัชชัย ได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวา ซึ่งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมดถูกส่งไปที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อให้แพทย์รักษาพยาบาลและชันสูตรศพต่อไป
ต่อมาเวลา 08.00 น.วันเดียวกัน ที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย ได้สั่งให้รถดับเพลิงเข้าไปทำการฉีดน้ำดับไฟที่ไหม้บ้านเรือนของชาวบ้าน ซึ่งถูกไหม้ทั้งหลัง เนื่องจากถูกกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) ที่ไฟยังคุกรุ่นอยู่
ส่วนชาวบ้านภูมิซรอลทั้งหมดได้พากันอพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพบริเวณหอประชุมที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ ทั้งหอประชุมใหม่และเก่า จนล้นหอประชุมทั้ง 2 แห่ง และต้องมีการขยายพื้นที่รองรับผู้อพยพไปอยู่ที่หอประชุมวิทยาลัยการอาชีพกันทรลักษ์ หอประชุมที่ว่าการ อ.ศรีรัตนะ หอประชุมโรงเรียนบ้านท่าสว่าง และ สำนักศีรษะอโศก ซึ่งขณะนี้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามรวมกว่า 3,000 คน
ต่อมาเวลา 08.15 น.พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ได้สั่งการให้ทหารสังกัดกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จำนวนมาก พร้อมอาวุธหนัก ให้เคลื่อนไปเสริมกำลังเพิ่มเติมที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร และที่บริเวณช่องโดนอาว ซึ่งเป็นที่ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน หลายส่วนราชการของ จ.ศรีสะเกษ ได้นำเอารถยนต์ไปรับชาวบ้านที่ยังตกค้างอยู่ และยังออกมาจากหมู่บ้านตามแนวชายแดนไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เพื่ออพยพชาวบ้านให้มารวมกันอยู่ที่ศูนย์อพยพที่ทางราชการจัดไว้ เพื่อความปลอดภัย
เวลา 08.30 น.ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ทางราชการได้มีการสั่งปิดด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เป็นการชั่วคราว ห้ามไม่ให้ประชาชนชาวไทยและชาวกัมพูชาผ่านเข้าออก เนื่องจากสถานการณ์ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งจากการปิดด่านช่องสะงำในครั้งนี้ ปรากฏว่า ได้ทำให้คณะนักท่องเที่ยวของคนไทยจาก จ.อุบลราชธานี จำนวนประมาณ 30 คน ติดค้างอยู่ในเขตฝั่งกัมพูชา ที่ จ.เสียมราฐ กัมพูชา ซึ่งยังไม่ทราบว่ากลุ่มทัวร์คนไทยดังกล่าวจะสามารถเข้ามาในเขตแดนไทยได้ในช่วงวัน เวลาใด
ขณะเดียวกัน ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการสั่งปิดเป็นการชั่วคราวแต่อย่างใด แต่ปรากฏว่า ไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดกล้าที่จะขึ้นไปเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงว่าอาจได้รับอันตรายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ซึ่งที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้มีทหารไทยพร้อมอาวุธปืนครบมือเต็มอัตรา ตั้งด่านตรวจเข้ม เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ มีเพียงรถทหารที่บรรทุกกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งเสบียงอาหารเท่านั้นที่ผ่านขึ้นลงตลอดเวลา
เวลา 08.45 น.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทำการสำรวจความเสียหายอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา
ขณะที่ พ.ต.ท.ทิพย์พงษ์ ทิพย์เกสร สารวัตรใหญ่ สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ และ ร.ต.อ.ไพรวัลย์ อายุวงค์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู และ สภ.โดนอาว ออกตรวจสอบดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในเขต ต.เสาธงชัย และทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินของชาวบ้านที่ทิ้งบ้านเรือน ทรัพย์สินเอาไว้ และอพยพหนีภัยสงครามไปอยู่ที่ศูนย์อพยพของทางราชการ
นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า จากการสำรวจบ้านเรือนของชาวบ้าน พบว่า มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เนื่องจากถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา โดยมีบ้านเรือนถูกไฟไหม้ทั้งหลัง จำนวน 7 หลัง และบ้านเรือนเสียหายเป็นบางส่วน หลังคาและฝาบ้านพังเสียหายเล็กน้อย และตนได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่า เมื่อช่วงเวลา 20.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ได้มีทหารกัมพูชา จำนวนประมาณ 200 นาย บุกเข้ามาที่บริเวณเขื่อนห้วยขนุน ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ แต่ว่าถูกทหารไทยยิงปะทะสกัดเอาไว้ได้
เวลา 09.30 น.มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวทางทหาร ว่า จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีทหารกัมพูชาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จำนวน 64 นาย และรถถังถูกกระสุนปืนใหญ่ของไทยพังเสียหายยับเยิน ไม่สามารถใช้การได้ จำนวน 12 คัน ซึ่งรถถังทั้งหมดของกัมพูชาที่ถูกทำลายนี้ จะประจำอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร
ขณะเดียวกัน วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งสร้างอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน ปรากฏว่าได้ถูกกระสุนปืนใหญ่ของไทย หลังคาวัดได้รับความเสียหาย ขณะที่ชุมชนรอบวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ก็ได้ถูกกระสุนปืนใหญ่ได้รับความเสียหายหลายสิบหลังด้วยกัน