วานนี้(1 ก.พ.)นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลซื้อเสียง ส.ว. 20 คน ด้วยเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อลงมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ในการประชุมร่วมรัฐสภา 11 ก.พ.นี้ว่า ข่าวนี้ดูแล้วไม่มีมูลอะไร เป็นแค่ข่าวเกิดขึ้นมาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3
**ส.ว.เลือกตั้งล่ารายชื่อขออภิปรายทั่วไป
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า กำลังรวบรวมรายชื่อ ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 50 คนเพื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 161 โดยมีญัตติ ประเด็นวิกฤตความแตกแยกแบ่งฝ่ายทางความคิดของประชาชนหลายกลุ่ม เช่น เรื่องการทับซ้อนของเขตแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้รับความยุติธรรมจากรัฐ ฯลฯ โดยมี ส.ว.มาลงชื่อ เกือบ 20 คน แล้ว อาทิ นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายพีระ มานะทัศน์ ส.ว.ลำปาง คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะยื่นให้ประธานวุฒิสภาได้
**ปชป.เดินหน้าหาแนวร่วมหนุนวาระ 3
อีกด้าน เรื่องการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ที่จะต้องมีการลงมติในวันที่ 11 ก.พ.นี้
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เสียงสนับสนุนอาจจะขาดประมาณ 15 เสียงว่า ได้มอบหมายให้ส.ส.ของพรรคไปพูดคุยกับเพื่อนสมาชิกรัฐสภาเพื่อสนับสนุนให้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด มุ่งเน้นคนที่งดออกเสียงในวาระที่ 2 จำนวน 22 คนและติดภารกิจสำคัญที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในการพิจารณาวาระ 2 จำนวน 53 คน โดยไม่สนใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติในวาระ 3 หรือไม่
** “ปชป.ใต้” ระส่ำหนีลงสัดส่วน
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมการปกครองเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งส.ส.ภายใต้สูตร 375+125 ให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งกำลังสร้างปัญหาให้กับทุกพรรคการเมือง เนื่องจากการแบ่งเขตใหม่อาจจะต้องมีการเฉือนบางพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เดิมของส.ส. จึงอาจต้องไปเร่งทำพื้นที่ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมพรรคบรรดาส.ส.ที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้สูตร 375+125 ต่างแสดงความวิตกกังวล มีการหารือถึงปัญหาของสมาชิกบางคนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการแก้รัฐธรรมนูญใหม่ โดยนายกอร์ปศักดิ์ระบุว่าหากใครมีปัญหาก็สามารถไปลงในระบบสัดส่วนได้ ซึ่งส.ส.ส่วนใหญ่จากภาคใต้หลายคนเกรงมีความลำบากใจ เพราะไม่อยากไปลงสมัครในระบบสัดส่วน เพราะกลัวปัญหาขาลอย ไม่มีพื้นที่ให้ลงไปทำงาน อย่างไรก็ตามทางส.ส. แต่ละพื้นที่ต้องไปตกลงกัน และต้องรอให้กกต.ประกาศแบ่งเขตชัดเจนอีกครั้ง
**ส.ส.ใต้เตรียมทำใจลงสัดส่วน
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่จะถูกย้ายไปในระบบสัดส่วนหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาหรือเรื่องใหญ่สำหรับส.ส. ไม่ว่าจะอยู่ในระบบไหนก็ต้องทำงานเพื่อประชาชนได้เหมือนกัน ขณะนี้กติกาทุกอย่างยังไม่นิ่ง
นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ กล่าวว่า อาจถึงขั้นจับฉลากเพื่อขึ้นไปอยู่ระบบสัดส่วน ตนคิดว่าควรให้นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ไปอยู่ระบบสัดส่วนเพราะเป็นน้องหลังสุด
นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวยืนยันว่ามี ส.ส.ในพื้นที่ที่ต้องการขึ้นระบบสัดส่วน แต่ไม่ใช่นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช แต่ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะบริหารของพรรคประชาธิปัตย์
**มติภท.ให้ ส.ส.หนุน 375 + 125
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร แถลงว่า พรรคภท. มีมติให้ส.ส.ทุกคนยกมือโหวตสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในสูตร 375 +125
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้าพรรคหนุนสูตร 400 + 100 ส.ส.จะไปบอกกับประชาชนได้อย่างไร โฆษกพรรค ภท.ไทย กล่าวว่า ส.ส.ต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เมื่อมาเทียบเคียงเรื่องตัวเลข ส.ส.ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ต้องยอมรับว่า เกิดผลกระทบขึ้นกับทุกพรรคการเมือง แต่ไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ให้การต้อนรับนายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมชาติพัฒนา ที่ย้ายมาร่วมกิจกรรมกับพรรค โดยมีนาย บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และส.ส.นครราชสีมา รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับพร้อมนำเสื้อแจ๊คเก็ตของพรรค ภท.มาสวมใส่ให้ด้วย
นางศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรค ภท.หยุดรับรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว จำนวน 306 ,000 รายชื่อ ทั้งนี้ภายหลังการโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 จะได้มีการประชุมพรรคเพื่อกำหนด วัน เวลา ในการเสนอรายชื่อประชาชน เพื่อเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยประชุมสภาฯนี้
ทั้งนี้พรรคได้มีการประเมินวิเคราะห์กรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พรรคเห็นว่าเงื่อนไขสำคัญต่อการเลือกตั้งใหม่ที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุไว้คือบรรยากาศการเลือกตั้งจะต้องปลอดภัย ผู้สมัครสามารถเดินไปหาเสียงเลือกตั้งได้ ซึ่งไม่ใช่ในช่วงเวลานี้เพราะบรรยากาศยังมีความอึมครึม อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์ที่จะอยู่จนครบวาระ หากถึงเวลาที่เหมาะสมเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน
**“พผ.”มีมติสั่งส.ส.หนุนวาระ3
ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน นพ. อลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้ส.ส.ของพรรคร่วมลงมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 สูตร 375 +125ทั้งนี้พรรคยืนยันว่า แม้ว่าจำนวน ส.ส.จะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ทำให้พรรคมีความเสียเปรียบพรรคการเมืองอื่น
นพ.อลงกต กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะยุบสภานั้น มองว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนหรือจะยุบสภาทันทีที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน ซึ่งเพื่อไม่ประมาทแกนนำพรรคได้สั่งให้ส.ส.ในสังกัดลงพื้นที่พบประชาชนและเตรียมแผนเลือกตั้ง
**ปชป. อัดฉีดเงินให้ส.ส.คนละกว่า 1.2 ล.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังรัฐธรรมนูญวาระ 3 ผ่านในวันที่ 11 ก.พ.นี้ก็จะเป็นการนับถอยหลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ โดยมอบหมายให้ส.ส.ของพรรคไปดำเนินการคือ 1.เตรียมการเข้าร่วมการจัดงานระดมทุนของพรรคในวันที่ 8 มี.ค. นี้ ซึ่งมีเป้าหมายการที่ 300 โต๊ะในวงเงิน 600 ล้านบาทเพื่อเตรียมการใช้จ่ายให้กับผู้สมัครเฉลี่ยคนละ 1.2 ล้านบาท ในจำนวนผู้สมัครส.ส.ของพรรค 500 คน ซึ่งไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ 2.ให้ส.ส.ลงพื้นที่จัดประชุมสัมมนาแกนนำรุ่นละ 100 คน โดยไม่กำจัดจำนวนรุ่นตามความสามารถและศักยภาพของส.ส.แต่ละคน เพื่อเป็นการสร้างเครื่อข่ายแกนนำหรือหัวคะแนนของพรรค ในการใช้เครือข่ายดังกล่าวหาคะแนนสนับสนุนทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและในระบบเขตเลือกตั้ง 3.ให้ส.ส.เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครในนามพรรคในเขตที่พรรคยังไม่มีส.ส.ของพรรคอยู่ โดยให้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งที่มีนายสุเทพ เป็นประธาน และมีกรรมการคนอื่น ๆ
**อัดปล่อยข่าวเสธ.หนั่น แค่เสี้ยม!
อีกด้านกระแสข่าวพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรค ชาติไทยพัฒนา จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคเพื่อไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมทั้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างแสดงความแปลกใจกับแระข่าวนี้
โดย พล.ต.สนั่น ได้บอกกับที่ประชุม ครม.ว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งหัวเราะว่า เสนอชื่อตนไปได้อย่างไร
ขณะที่คนของพรรคเพื่อไทย เช่น นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการธิการพรรคเพื่อไทย หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ต่างก็แสดงความแลปกใจกับกระแสข่าวนี้
ขณะที่นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน เห็นว่า เป็นความจงใจของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการสร้างมุกใหม่เพื่อเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจผิดและขัดแย้งกัน ถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์เสนอชื่อคนนอกพรรคเพื่อเป็นนายกฯแนบท้ายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่ความเห็นส่วนตัวไม่เหมาะสม
**“เป็ดเหลิม” เปิดทาง“โดเรมิ่ง” นำ
อย่างไรก็ตามวันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังจากการประชุม ส.ส.ของพรรคว่า พรรคเพื่อไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ทอบหมายให้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย และอดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชาชนเป็นผู้นำในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและเป็นรายชื่อที่จะแนบเพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามระเบียบของกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยได้ให้นายมิ่งขวัญเป็นผู้กำหนดรูปแบบในการอภิปราย ผู้อภิปราย และรายละเอียดในประเด็นที่จะนำไปอภิปรายทั้งหมด ซึ่งจะมีการเริ่มทำงานในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ช่วงเวลา 15.00 น.ที่ห้องวิปฝ่ายค้าน รัฐสภา
ส่วนที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรค พท. ระบุว่า อาจมีการเจรจาแนบชื่อ พล.ต.สนั่น จะ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้างใจ นั้น เป็นเรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อหวังจะก่อสงครามเก้าทัพ ตนเชื่อว่านายพิชัยพูดเพียงแค่ต้องการความหวือหวา เพราะเรื่องที่นายพิชัยพูดมเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้อยู่แล้ว
**เป็ดเหลิมไม่ร่วมอภิปรายแน่
ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ตนจะนัดประชุม ส.ส.ในพรรค เพื่อวางแผนกำหนดองค์คณะในการอภิปรายและรายละเอียดในทุกเรื่อง ๆ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะเลือกใครเป็นผู้อภิปราย ทั้งนี้ขอเรียนเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม ให้ร่วมอภิปรายเอาไว้ตรงนี้เลย
ทั้งนี้มีรายงานยืนยันว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่เปลี่ยนใจร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ อย่างที่เคยยืนยันมาตลอดแน่นอน แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ระบุว่าตนยังจะให้ข้อมูลในการอภิปรายในครั้งนี้ .
**ส.ว.เลือกตั้งล่ารายชื่อขออภิปรายทั่วไป
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า กำลังรวบรวมรายชื่อ ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 50 คนเพื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 161 โดยมีญัตติ ประเด็นวิกฤตความแตกแยกแบ่งฝ่ายทางความคิดของประชาชนหลายกลุ่ม เช่น เรื่องการทับซ้อนของเขตแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้รับความยุติธรรมจากรัฐ ฯลฯ โดยมี ส.ว.มาลงชื่อ เกือบ 20 คน แล้ว อาทิ นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นายพีระ มานะทัศน์ ส.ว.ลำปาง คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะยื่นให้ประธานวุฒิสภาได้
**ปชป.เดินหน้าหาแนวร่วมหนุนวาระ 3
อีกด้าน เรื่องการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ที่จะต้องมีการลงมติในวันที่ 11 ก.พ.นี้
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เสียงสนับสนุนอาจจะขาดประมาณ 15 เสียงว่า ได้มอบหมายให้ส.ส.ของพรรคไปพูดคุยกับเพื่อนสมาชิกรัฐสภาเพื่อสนับสนุนให้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด มุ่งเน้นคนที่งดออกเสียงในวาระที่ 2 จำนวน 22 คนและติดภารกิจสำคัญที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในการพิจารณาวาระ 2 จำนวน 53 คน โดยไม่สนใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติในวาระ 3 หรือไม่
** “ปชป.ใต้” ระส่ำหนีลงสัดส่วน
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมการปกครองเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งส.ส.ภายใต้สูตร 375+125 ให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งกำลังสร้างปัญหาให้กับทุกพรรคการเมือง เนื่องจากการแบ่งเขตใหม่อาจจะต้องมีการเฉือนบางพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เดิมของส.ส. จึงอาจต้องไปเร่งทำพื้นที่ใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมพรรคบรรดาส.ส.ที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้สูตร 375+125 ต่างแสดงความวิตกกังวล มีการหารือถึงปัญหาของสมาชิกบางคนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการแก้รัฐธรรมนูญใหม่ โดยนายกอร์ปศักดิ์ระบุว่าหากใครมีปัญหาก็สามารถไปลงในระบบสัดส่วนได้ ซึ่งส.ส.ส่วนใหญ่จากภาคใต้หลายคนเกรงมีความลำบากใจ เพราะไม่อยากไปลงสมัครในระบบสัดส่วน เพราะกลัวปัญหาขาลอย ไม่มีพื้นที่ให้ลงไปทำงาน อย่างไรก็ตามทางส.ส. แต่ละพื้นที่ต้องไปตกลงกัน และต้องรอให้กกต.ประกาศแบ่งเขตชัดเจนอีกครั้ง
**ส.ส.ใต้เตรียมทำใจลงสัดส่วน
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่จะถูกย้ายไปในระบบสัดส่วนหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาหรือเรื่องใหญ่สำหรับส.ส. ไม่ว่าจะอยู่ในระบบไหนก็ต้องทำงานเพื่อประชาชนได้เหมือนกัน ขณะนี้กติกาทุกอย่างยังไม่นิ่ง
นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ กล่าวว่า อาจถึงขั้นจับฉลากเพื่อขึ้นไปอยู่ระบบสัดส่วน ตนคิดว่าควรให้นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ไปอยู่ระบบสัดส่วนเพราะเป็นน้องหลังสุด
นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวยืนยันว่ามี ส.ส.ในพื้นที่ที่ต้องการขึ้นระบบสัดส่วน แต่ไม่ใช่นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช แต่ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะบริหารของพรรคประชาธิปัตย์
**มติภท.ให้ ส.ส.หนุน 375 + 125
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร แถลงว่า พรรคภท. มีมติให้ส.ส.ทุกคนยกมือโหวตสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในสูตร 375 +125
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้าพรรคหนุนสูตร 400 + 100 ส.ส.จะไปบอกกับประชาชนได้อย่างไร โฆษกพรรค ภท.ไทย กล่าวว่า ส.ส.ต้องไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เมื่อมาเทียบเคียงเรื่องตัวเลข ส.ส.ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ต้องยอมรับว่า เกิดผลกระทบขึ้นกับทุกพรรคการเมือง แต่ไม่มีปัญหาอะไร
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ให้การต้อนรับนายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมชาติพัฒนา ที่ย้ายมาร่วมกิจกรรมกับพรรค โดยมีนาย บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และส.ส.นครราชสีมา รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับพร้อมนำเสื้อแจ๊คเก็ตของพรรค ภท.มาสวมใส่ให้ด้วย
นางศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรค ภท.หยุดรับรายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว จำนวน 306 ,000 รายชื่อ ทั้งนี้ภายหลังการโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 จะได้มีการประชุมพรรคเพื่อกำหนด วัน เวลา ในการเสนอรายชื่อประชาชน เพื่อเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยประชุมสภาฯนี้
ทั้งนี้พรรคได้มีการประเมินวิเคราะห์กรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พรรคเห็นว่าเงื่อนไขสำคัญต่อการเลือกตั้งใหม่ที่นายกรัฐมนตรีเคยระบุไว้คือบรรยากาศการเลือกตั้งจะต้องปลอดภัย ผู้สมัครสามารถเดินไปหาเสียงเลือกตั้งได้ ซึ่งไม่ใช่ในช่วงเวลานี้เพราะบรรยากาศยังมีความอึมครึม อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์ที่จะอยู่จนครบวาระ หากถึงเวลาที่เหมาะสมเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน
**“พผ.”มีมติสั่งส.ส.หนุนวาระ3
ที่พรรคเพื่อแผ่นดิน นพ. อลงกต มณีกาศ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้ส.ส.ของพรรคร่วมลงมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 สูตร 375 +125ทั้งนี้พรรคยืนยันว่า แม้ว่าจำนวน ส.ส.จะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ทำให้พรรคมีความเสียเปรียบพรรคการเมืองอื่น
นพ.อลงกต กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะยุบสภานั้น มองว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนหรือจะยุบสภาทันทีที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน ซึ่งเพื่อไม่ประมาทแกนนำพรรคได้สั่งให้ส.ส.ในสังกัดลงพื้นที่พบประชาชนและเตรียมแผนเลือกตั้ง
**ปชป. อัดฉีดเงินให้ส.ส.คนละกว่า 1.2 ล.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังรัฐธรรมนูญวาระ 3 ผ่านในวันที่ 11 ก.พ.นี้ก็จะเป็นการนับถอยหลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ โดยมอบหมายให้ส.ส.ของพรรคไปดำเนินการคือ 1.เตรียมการเข้าร่วมการจัดงานระดมทุนของพรรคในวันที่ 8 มี.ค. นี้ ซึ่งมีเป้าหมายการที่ 300 โต๊ะในวงเงิน 600 ล้านบาทเพื่อเตรียมการใช้จ่ายให้กับผู้สมัครเฉลี่ยคนละ 1.2 ล้านบาท ในจำนวนผู้สมัครส.ส.ของพรรค 500 คน ซึ่งไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ 2.ให้ส.ส.ลงพื้นที่จัดประชุมสัมมนาแกนนำรุ่นละ 100 คน โดยไม่กำจัดจำนวนรุ่นตามความสามารถและศักยภาพของส.ส.แต่ละคน เพื่อเป็นการสร้างเครื่อข่ายแกนนำหรือหัวคะแนนของพรรค ในการใช้เครือข่ายดังกล่าวหาคะแนนสนับสนุนทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและในระบบเขตเลือกตั้ง 3.ให้ส.ส.เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครในนามพรรคในเขตที่พรรคยังไม่มีส.ส.ของพรรคอยู่ โดยให้เสนอชื่อต่อคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งที่มีนายสุเทพ เป็นประธาน และมีกรรมการคนอื่น ๆ
**อัดปล่อยข่าวเสธ.หนั่น แค่เสี้ยม!
อีกด้านกระแสข่าวพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรค ชาติไทยพัฒนา จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคเพื่อไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา รวมทั้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างแสดงความแปลกใจกับแระข่าวนี้
โดย พล.ต.สนั่น ได้บอกกับที่ประชุม ครม.ว่า ไม่รู้เรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งหัวเราะว่า เสนอชื่อตนไปได้อย่างไร
ขณะที่คนของพรรคเพื่อไทย เช่น นายสุพล ฟองงาม เลขาธิการธิการพรรคเพื่อไทย หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ต่างก็แสดงความแลปกใจกับกระแสข่าวนี้
ขณะที่นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ โฆษกวอร์รูมพรรคเพื่อแผ่นดิน เห็นว่า เป็นความจงใจของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการสร้างมุกใหม่เพื่อเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจผิดและขัดแย้งกัน ถึงแม้ว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์เสนอชื่อคนนอกพรรคเพื่อเป็นนายกฯแนบท้ายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่ความเห็นส่วนตัวไม่เหมาะสม
**“เป็ดเหลิม” เปิดทาง“โดเรมิ่ง” นำ
อย่างไรก็ตามวันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังจากการประชุม ส.ส.ของพรรคว่า พรรคเพื่อไทยมีมติเป็นเอกฉันท์ทอบหมายให้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย และอดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชาชนเป็นผู้นำในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและเป็นรายชื่อที่จะแนบเพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามระเบียบของกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยได้ให้นายมิ่งขวัญเป็นผู้กำหนดรูปแบบในการอภิปราย ผู้อภิปราย และรายละเอียดในประเด็นที่จะนำไปอภิปรายทั้งหมด ซึ่งจะมีการเริ่มทำงานในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ช่วงเวลา 15.00 น.ที่ห้องวิปฝ่ายค้าน รัฐสภา
ส่วนที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรค พท. ระบุว่า อาจมีการเจรจาแนบชื่อ พล.ต.สนั่น จะ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้างใจ นั้น เป็นเรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อหวังจะก่อสงครามเก้าทัพ ตนเชื่อว่านายพิชัยพูดเพียงแค่ต้องการความหวือหวา เพราะเรื่องที่นายพิชัยพูดมเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้อยู่แล้ว
**เป็ดเหลิมไม่ร่วมอภิปรายแน่
ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ตนจะนัดประชุม ส.ส.ในพรรค เพื่อวางแผนกำหนดองค์คณะในการอภิปรายและรายละเอียดในทุกเรื่อง ๆ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะเลือกใครเป็นผู้อภิปราย ทั้งนี้ขอเรียนเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม ให้ร่วมอภิปรายเอาไว้ตรงนี้เลย
ทั้งนี้มีรายงานยืนยันว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่เปลี่ยนใจร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ อย่างที่เคยยืนยันมาตลอดแน่นอน แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ระบุว่าตนยังจะให้ข้อมูลในการอภิปรายในครั้งนี้ .