xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลังศึกชิง “ปิคนิค” ภท.-พผ.แย่งทุนการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกทับบลัฟแหลกตามสไตลส์ หลังมีข่าว 6 ส.ส.นครราชสีมา ของพรรคเพื่อไทย เจรจาเนวิน ชิดชอบ-ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ขอย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย มีข้อตกลงคือ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีเป็นหลักประกันหลังการเลือกตั้ง

เพื่อไทยก็สวนกลับ บอกตรวจสอบข่าวแล้ว ไหลออกไม่มี วันนี้มีแต่ไหลเข้า ยันยุบสภาเลือกตั้งเมื่อไหร่ 20 ส.ส.ต่างพรรคจะย้ายมาเพื่อไทย อ้างเลือกตั้งวันแมนวันโหวต ได้กระแสทักษิณ ชินวัตร บวกคะแนนนิยมพรรค 20 ส.ส.ย้ายมาก็ไม่ต้องหาเสียงหนัก มีแต่ได้กับได้ แถมยังขย่มว่า

ใครย้ายออกก็พวกคิดสั้น รอวันสอบตก

ก็ว่ากันไป ของแบบนี้ ไม่ถึงวันขีดเส้นตายเมื่อไหร่ ยากจะรู้ข้อเท็จจริงได้ ใครจะย้ายเข้าย้ายออก

รู้แต่ว่า ล่าสุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีบอกแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เมื่อไหร่ รัฐบาลก็ชงเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ออกระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอแก้กฎหมายลูกอย่างพรบ.การเลือกตั้งส.ส.-ส.ว.เพื่อให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร-วุฒิสภาที่ต้องใช้เวลาอีกเกือบ 45-60 วัน อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ

ดังนั้น เป็นไปได้สูงยิ่ง เมษายนนี้ยุบสภาค่อนข้างชัวร์ แบบนี้ บรรดาส.ส.-ผู้สมัครส.ส.ทั้งหลาย ต่างต้องรีบตัดสินใจแล้วจะเอาอย่างไร เชื่อได้ว่าหลัง 11 ก.พ.54 การเมืองเรื่องย้ายพรรคฝุ่นตลบ โก่งราคา ประมูลตัวกันหนัก

ยิ่งกว่าซื้อขายนักเตะพรีเมียร์ลีก!

วันนี้ แม้ 6 ส.ส.โคราช เพื่อไทย นำโดยพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา จะยืนกรานไม่ย้ายออกจากเพื่อไทย แต่ข่าวจากภูมิใจไทยบอกบรรดาแกนนำพรรคทั้งเนวิน ชิดชอบ-อนุทิน ชาญวีรกูล –สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุชาติ ตันเจริญ-สรอรรถ กลิ่นประทุม ก็เคลื่อนไหวเตรียมการเลือกตั้งกันไปมากแล้ว

เพราะเป้าหมาย +70 ที่นั่ง ภูมิใจไทย ต้องทำให้ได้ ไม่อย่างงั้นถือว่าล้มเหลว

จึงเร่งวางแผนเตรียมการไว้หมดทั้งการระดมทุนเข้าพรรค-การดึงกลุ่มทุนต่างๆมาอยู่กับพรรค-การหาตัวผู้สมัครแบบเจ๋งๆ ที่สู้กับพวกส.ส.หลายสมัยของพรรคคู่แข่งในแต่ละจังหวัดให้ได้

ซึ่งเนวินพยายามเน้นไปที่พวก อดีตนายกฯอบจ.-สจ.หลายสมัย-อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด-อดีตสว.เลือกตั้ง เป็นต้น -ส่วนการใช้กลไกอำนาจรัฐเช่นผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้บังคับการจังหวัด ก็คงเน้นย้ำเป็นพิเศษแต่ไม่ให้โจ่งแจ้งเพื่อป้องกันข้อร้องเรียน

เพราะ เนวิน ก็มองเห็นแล้วว่าพรรคการเมืองคู่แข่งขันที่แม้วันนี้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันแต่เมื่อถึงตอนลงสนาม ก็ต้องฟาดกันไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา เพื่อแผ่นดิน รวมชาติพัฒนา ต่างก็วางแผนสู้ศึกเลือกตั้งกันแล้วทั้งแบบเปิดเผยและลับๆ

ยิ่งอีกหนึ่งพรรคคู่แข่งในอีสาน อย่างเพื่อแผ่นดินที่ไพโรจน์ สุวรรณฉวี-พินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหะพงษ์ชนะ รวมถึง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ จากรวมชาติพัฒนา พบว่าใช้จังหวะที่ตอนนี้โดยสถานะแล้วเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่มีคนในกลุ่มในพรรคเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยอย่างไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ การเป็นฝ่ายค้านของเพื่อแผ่นดินทำให้ไม่ค่อยได้ถูกจับตามองมาก การขยับอะไรคนจึงไม่ค่อยรับรู้มากนัก

ล่าสุด แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินคนใหม่ที่จะเข้ามาเป็นนายทุนพรรคอย่างพิมล ศรีวิกรม์ก็ไปคว้ากิจการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ PICNI มาไว้ได้

ทำให้เชื่อว่าเลือกตั้งเมื่อไหร่ เพื่อแผ่นดิน มีความพร้อมมากที่สุดพรรคหนึ่งในอีสาน หลังได้ทั้งสุวัจน์และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก กลับมาจับมือกันไม่พอ ตอนนี้เสี่ยพิมล ที่กำลังเป็นเสี่ยปิคนิคคนใหม่แทน สุริยา ลาภวิสุทธิสิน อดีตรมช.พาณิชย์ หลายคนจับตามองกันมาก ว่าเพื่อแผ่นดินท่อน้ำเลี้ยงในอีสานน่าจะสู้กับภูมิใจไทยได้แม้ทุนไม่หนาเท่า แต่หากบดกันหนักๆในพื้นที่ซึ่งมีลุ้น ภูมิใจไทยก็อาจเหนื่อยเช่นกัน

ยิ่งหากสุวัจน์ไม่เบี้ยว โคราช คือพื้นที่เป้าหมายซึ่งเพื่อแผ่นดินต้องการอย่างน้อย 12 ที่นั่ง เมื่อโคราชไม่ต้องแบกน้ำหนักมาก เพื่อแผ่นดินก็ทุ่มไปที่สนามอื่นได้อีก

โดยเฉพาะในแถบอีสานใต้อย่าง สุรินทร์-ศรีษะเกษ ถิ่นของเนวิน รวมทั้ง หนองคาย ซึ่งพินิจ เจ้าของตำนานวังพญานาคก็ต้องการกลับมาล้างแค้นล้างอายหลังคราวที่แล้ว แพ้หมดรูป

ขณะที่ซีกพรรคเสื้อน้ำเงิน-เนวิน ก็ดูเหมือนจะพยายามสกัดไม่ให้พรรคเพื่อแผ่นดินโตไปมากกว่านี้ เลยมีข่าวว่าเบื้องหลังที่เสี่ยพิมลได้ปิคนิคไปบริหารตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ปิคนิคเมื่อ 27 ม.ค. 54 ก็ใช่ว่ากลุ่มพิมลจะไม่มีคู่แข่ง

เพราะอีกกลุ่มที่ขอชิง”ปิคนิค”ก็คือ กลุ่มทุนที่แนบแน่นกับพรรคภูมิใจไทยยิ่ง นั่นก็คือกลุ่ม “วิไลลักษณ์”แห่ง "บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น" ซึ่งจับมือกับ "เวิลด์แก๊ส"หนึ่งในเจ้าหนี้ปิคนิค โดยเวิลด์แก๊สได้เสนอแผนฟื้นฟูกิจการปิคนิคว่าจะเพิ่มทุนไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาท โดยจะมีกลุ่ม"บมจ.สามารถ “ที่นำโดยวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50%ในปิคนิค และเสนอเงื่อนไขชำระหนี้ให้เจ้าหนี้เป็นเงิน 1,800 ล้านบาทและแปลงหนี้เป็นทุนอีก 100 ล้านหุ้นรวมเป็นมูลค่าชำระหนี้ 1,900 ล้านบาท

ดูแล้วผลตอบแทนที่เสนอ แม้ดีกว่ากลุ่มพิมลที่เสนอแผนฟื้นฟูซึ่งมีมูลหนี้อยู่ที่7,400 ล้านบาท ด้วยการเพิ่มทุนเข้าไปเป็น 1,700 ล้านบาท จากเดิม 1,600 ล้านบาท มีการลดทุนและแปลงหนี้เป็นทุนซึ่งทำให้เจ้าหนี้ได้รับคืนหนี้ประมาณ 20%

แต่ที่ประชุมเจ้าหนี้ซึ่งมีธนาคารกรุงไทย (KTB) เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ก็ลงมติโหวตรับแผนของกลุ่มพิมล ด้วยเหตุผลหลายเรื่องอาทิเวิลด์แก๊สยื่นแผนฟื้นฟูเพิ่มเติมช้ากว่ากำหนดที่กรมบังคับคดีวางไว้ และเจ้าหนี้ไม่มั่นใจว่าบอร์ดสามารถจะเอาด้วยหรือไม่

ทำให้ความพยายามของกลุ่มบริษัท เวิลด์แก๊สและสามารถที่เสนอให้เลื่อนการประชุมเจ้าหนี้เมื่อ 27 ม.ค.ออกไปโดยให้เหตุผลว่ามีกลุ่มทุนใหม่คือสามารถ สนใจเข้าร่วมประมูลหนี้ด้วยไม่สำเร็จเพราะมีเสียงสนับสนุนให้เลื่อนไม่ถึง 10%

กลุ่มสามารถ เลยไม่ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการธุรกิจที่กำลังจะสยายปีกทางธุรกิจแบบข้ามไลน์ชนิดไม่มีบริษัทวงการธุรกิจโทรคมนาคมกล้าคิดได้ถึงเพียงนี้

ท่ามกลางข้อสงสัยของผู้คนในแวดวงการเมืองเช่นกันว่า ความพยายามไม่ให้กลุ่มพิมลได้ปิคนิคไปและต้องการแย่ง “ปิคนิค”มาบริหารของกลุ่มเวิลด์แก๊ส-สามารถ มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่

โดยเฉพาะ “ชายปากห้อย-พรรคเสื้อน้ำเงิน”มีส่วนด้วย หรือไม่ ในศึกการเมืองระหว่างภูมิใจไทยกับเพื่อแผ่นดิน
กำลังโหลดความคิดเห็น