“ยุติธรรม” รับพบท่อน้ำเลี้ยงไหลเข้าประเทศ ไม่ชัดโยงการเมือง

รมต.ยุติธรรม ชี้ เงินท่อน้ำเลี้ยงไหลเข้าเป็นเรื่องปกติ ยังไม่ยืนยันโยงการเมือง เพราะไม่มีหลักฐานชัด เร่งขยายผลสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเหตุระเบิดกรมบังคับคดี เชื่อ เป็นการสร้างสถานการณ์ พร้อมขอกำลังทหารรักษาความปลอดภัย

วันนี้ (25 มี.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวเงินท่อน้ำเลี้ยงก๊อก 2 ที่มีการโอนผ่านบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินจากต่างประเทศ และคาดว่า มีการพัวพันกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ช่วงที่ผ่านมามีความผิดปกติของเงินที่ไหลเข้าประเทศจริง เพราะเงินผิดปกติไม่ได้ไหลเข้ามาแค่ช่วงนี้เท่านั้น แต่มีกระแสเงินผิดกฎหมายเข้ามาตลอดอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่อยากยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดเจน โดยหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ทั้ง ดีเอสไอ และ ปปง.กำลังเร่งขยายผลการสืบสวน ดังนั้น เพื่อไม่ให้ถูกมองว่ากลไกในกระทรวงยุติธรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในการตรวจสอบซึ่งถือเป็นความลับราชการ อย่างไรก็ตามถ้าพบหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงเหตุคนร้ายปาระเบิดที่กรมบังคับคดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งกำชับทุกหน่วยงานให้เข้มงวดกวดขันมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรก็ยังเกิดเหตุสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วน ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งมีกำลังไม่เพียงพอในการดูแลสถานที่ราชการได้ครบทุกแห่ง เพราะไม่ทราบได้ว่าคนร้ายหรือผู้ก่อความไม่สงบจะลงมือเวลาใด เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถสั่งห้ามการเดินทางผ่านหน้าสถานที่ราชการ ซึ่งขณะนี้ทำได้อย่างเดียวคือเฝ้าระวังเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ก็อยากตั้งข้อสังเกตรู้สึกแปลกใจที่ช่วงนี้มีการนำอาวุธสงครามออกมาใช้จำนวนมาก เชื่อว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทุกครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยกระทรวงยุติธรรมจะประสานกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นเพื่อสอดส่องดูแลเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนกรณีคนเสื้อแดงได้นำประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่ระบุว่า คนชั้นล่างไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม รัฐมนตรียุติธรรม กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกมาเป็นประโยชน์ทางการเมือง เพื่อให้คนมาร่วมชุมนุม แต่ก็ยอมรับว่าความยุติธรรมคงไปไม่ถึงประชาชนทั้ง 60 ล้านคน วันนี้จึงต้องเริ่มวางกรอบและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเข้าถึงประชาชนมากที่สุด

ด้าน นางชูจิรา กองแก้ว อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดด้านหน้ากรมบังคับคดีว่ากล้องวงจรปิดหรือซีซีทีวีที่ติดอยู่บนรั้วของกรมบังคับคดีส่องไปไม่ถึงจุดที่เกิดระเบิด เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นจุดอับติดคลองและไฟทางก็ดับ จึงสั่งการให้มีการซ่อมแซมและเพิ่มการติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดดังกล่าว รวมทั้งให้จัดเวรยามเจ้าหน้าที่เพิ่มในช่วงกลางคืน อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่มีส่วนใดเสียหาย เชื่อว่า เป็นการสร้างสถานการณ์จากเหตุความขัดแย้งในบ้านเมือง เพราะถ้าดูจากรั้วของกรมบังคับคดีผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถที่จะโยนเข้ามาภายในกรมก็สามารถทำได้ แต่คงเป็นแค่เพียงการข่มขู่เท่านั้น

ส่วนการเกิดระเบิดจะไปโยงกับประเด็นข่าวที่พนักงานอัยการเตรียมเร่งบังคับคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะกรมบังคับคดีมีหน้าที่ที่จะไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินการในส่วนของทรัพย์สินอีกหลายคดีไม่ใช่แค่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดียึดทรัพย์นั้นขณะนี้เรื่องคดีที่ศาลฎีกาได้ตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในขั้นการใช้สิทธิอุทธรณ์ ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของทางพนักงานอัยการอยู่ ส่วนทางกรมบังคับคดีจะมีหน้าที่ดำเนินการนั้นต้องได้รับการติดต่อจากทางอัยการมาก่อน และมีคำสั่งศาลให้ตั้งพนักงานบังคับคดีมาดูแลเรื่องต่างๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากอัยการให้ช่วยดำเนินการใดเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ ทั้งนี้หน้าที่ที่กรมบังคับคดีจะเข้าไปดำเนินการจะเป็นส่วนของหุ้นที่จะต้องนำไปขายทอดตลาด ก่อนส่งเงินเข้ากระทรวงการคลัง แต่ในส่วนของเงินสดจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะไปตามยึดตามบัญชีธนาคารต่างๆของพ.ต.ท.ทักษิณได้เลย และต้องดูว่าเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอก็ต้องไปตามยึดส่วนอื่นให้ครบจำนวนที่ศาลตัดสินต่อได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่อาคารซอฟต์แวร์ ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเคยมีข่าวพบของแปลกปลอมที่คาดว่าจะเป็นระเบิดในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีการจัดเตรียมกำลังทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กว่า 10 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งมารักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบกระทรวงยุติธรรม