ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ย่างเข้าสู่ปี 2554 ความพยายามของทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีผู้เร่ร่อน ที่จะกลับเข้ามาเป็นใหญ่อีกครั้งยังไม่สิ้นสุด และเป็นที่น่าจับตาว่าอดีตนายกฯ ที่กำลังหลบหนีโทษจำคุกพร้อมหมายจับอีกนับสิบใบผู้นี้ จะเลือกแนวทางใดในการต่อสู้เพื่อให้ตัวเองได้กลับเข้าประเทศโดยไม่ต้องมีความผิดและกลับมาควบคุมอำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้อีกครั้ง
มองในภาพรวม เชื่อว่าทักษิณ ชินวัตร จะยังคงเลือกใช้กลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเป็นแขนขาหลักเช่นเดิมเหมือนช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าในปี 2554 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งใหญ่รออยู่ข้างหน้า เขาจะให้น้ำหนักไปในทางใด ระหว่าง การปลุกม็อบคนเสื้อแดงสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลและระบบยุติธรรมไทย กับให้พรรคเพื่อไทยต่อสู้ในแนวทางรัฐสภา
ณ เวลานี้ เป็นที่แน่นอนว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะยังคงเป็นหมากตัวหนึ่งที่ทักษิณ ชินวัตร จะใช้เดินเกมต่อไป เมื่อมีการปรับขบวนทัพของคนเสื้อแดง ด้วยการให้นางธิดา ถาวรเศรษฐ ภรรยาของ นายแพทย์เหวง โตจิราการ มาเป็นรักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไคนขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ให้นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ นายกสมาคมศัลยกรรมหัวใจแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นที่หันมาเล่นการเมือง รวมทั้งนางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย สาราคำ มาเป็นกรรมการ นปช. เพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ นปช.ให้ไปสู่แนวทางสันติวิธีมากขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนโครงสร้าง นปช.ให้ลงลึกสู่ระดับมวลชน โดยให้มีกรรมการระดับจังหวัด อำเภอ ลงไปถึงระดับตำบล
มีคำถามว่าในปี 2554 ทักษิณ ชินวัตร จะให้ความสำคัญกับคนเสื้อแดงมากแค่ไหน ซึ่งหากจะวัดจากการโฟนอินของเขาเข้าไปยังที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ก็จะพบว่าเขายังให้ความสำคัญกับคนเสื้อแดงเป็นอย่างมาก
ในวันนั้น เป็นการประชุม ส.ส.พรรคหลังจากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 5 เขต ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้กลับคืนมาเพียงเขตเดียว โดยทักษิณ ชินวัตร มองว่าฐานมวลชนของพรรคซึ่งเป็นคนเสื้อแดงน่าจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่ง ส.ส.กลับมาในการเลือกตั้งใหญ่ในจำนวนที่ไม่น้อยกว่าเดิม
ทักษิณ ได้บอกให้ ส.ส.ของพรรคออกไปเยี่ยมเยียนรวมทั้งสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงให้มากขึ้น พร้อมกำชับให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเขาพร้อมให้เบิกได้ไม่อั้น
นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่า การกำหนดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตที่ไม่มี ส.ส.เดิมอยู่นั้น แกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่จะได้เป็นผู้สมัคร
ทักษิณ ชินวัตร ยังคงให้ความสำคัญกับคนเสื้อแดง ในฐานะที่มีภาพของการเคลื่อนไหวในนามภาคประชาชนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะประเด็นล่าสุด คือกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ที่สามารถนำไปเคลื่อนไหวปลุกกระแสได้อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและเวทีต่างประเทศ
ยิ่งเมื่อแผนปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยการช่วยประกันตัวแกนนำคนเสื้อแดงต้องสะดุดลง เมื่อศาลพิจารณาว่าไม่สมควรให้ประกันตัว คนเสื้อแดงก็มีประเด็นที่จะเคลื่อนไหวโดยใช้วาทกรรม “สองมาตรฐาน” ได้ต่อไป
วันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา นางธิดา ได้แถลงข่าวว่าจะส่งจดหมายเพื่อขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศส่งผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมกระบวนการพิจารณาและไต่สวนคดีของ นปช.ในศาลไทย พร้อมเผยแพร่ความคืบหน้าของคดีให้โลกได้รับรู้ โดยอ้างว่าเพื่อความยุติธรรมและเที่ยงธรรม หลังแกนนำและผู้ชุมนุมยังไม่ได้รับการประกันตัวและถูกปฏิเสธที่จะได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ และถูกจำกัดการมีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมที่จะคัดค้านในคดี ส่วนกรณีที่ศาลยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คนนั้น ก็จะเดินหน้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลต่อไป
ขณะเดียวกัน ในเวทีต่างประเทศนั้น นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่ ทักษิณ ชินวัตร ว่าจ้างเอาไว้ ยังคงเดินหน้าที่จะนำกรณีการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ และพยายามให้ทักษิณ ชินวัตร ไปให้การต่อกรรมาธิการในรัฐสภาสหรัฐฯ แม้ว่าจะถูกเลื่อนไปแล้ว
ส่วนเวทีรัฐสภานั้น ดูเหมือนว่า ทักษิณ ชินวัตร จะยังหวังพึ่งได้ไม่เต็มที่ แม้ว่าจะมีช่วงเปิดประชุมสมัยสามัญที่พรรคฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ในช่วงต้นปี 2554 นี้ แต่เชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร น่าจะมองไปที่การเลือกตั้งใหญ่ ในช่วงเกือบๆ กลางปี มากกว่า นั่นเพราะความพร้อมของพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ดูจะไม่มีเอาเสียเลย แม้กระทั่งการหาหัวหน้าพรรคที่เป็น ส.ส.เพื่อรับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ก็ยังไม่สามารถหาได้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา จึงเป็นการกำหนดหัวหน้าทีมอภิปรายแบบเอาตัวรอดเป็นครั้งๆ ไป ซึ่งก็ไม่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสถานะของรัฐบาลได้ เนื่องจากข้อมูลที่นำมาไม่มีพลังและแหลมคมพอ ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยจะเปิดอภิปรายไม่ไว่วางใจในช่วงต้นปีนี้ จึงคาดหมายกันว่ารัฐบาลน่าจะผ่านไปได้โดยง่าย
ขณะดียวกันปัญหาการขาดเอกภาพภายในพรรคเพื่อไทยจนเกิดสภาวะเลือดไหลออก รวมทั้งยังต้องคอยฟังคำสั่งจากทักษิณ ชินวัตร ในการเลือกหัวหน้าคนใหม่ ทำให้เกิดความระส่ำระสายขึ้นภายใน เนื่องจากไม่มั่นใจว่า เจ้าของพรรคตัวจริง จะให้ใครขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคกันแน่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่จะพร้อมปล่อยท่อน้ำเลี้ยงให้อย่างราบรื่นเพียงใด
เมื่อประเมินเปรียบกับคู่แข่ง ซึ่งมีความชัดเจนแล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิม นำโดยพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงจับมือกันหาเสียงและร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันต่อไป ดังจะเห็นได้จากการเร่งอนุมัติโครงการแนวประชานิยมต่างๆ เพื่อเก็บคะแนนเสียงล่วงหน้า รวมถึงการโยกย้ายข้าราชการเข้าไปคุมพื้นที่ต่างๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างเสียเปรียบ ซึ่งผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 5 เขตเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2553 ย่อมบ่งบอกแนวโน้มของผลการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงได้เป็นอย่างดี หากพรรคร่วมรัฐบาลยังคงจับมือกันต่อไป
นอกจากนี้ กำหนดวันที่นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาที่ขึ้นอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ก็ทำให้พรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบลงไปอีก โดยเฉพาะหากมีการเลื่อนการยุบสภาออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ก็จะทำให้รัฐบาลสามารถผ่านงบประมาณได้อีก 1 ปี และอนุมัติโครงการซื้อใจประชาชนเพิ่มได้อีก โอกาสของพรรคเพื่อไทยที่จะได้จำนวน ส.ส.กลับเข้าสภาเป็นกอบเป็นกำก็ยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
ทักษิณ ชินวัตร น่าจะมองสถานการณ์ออก และคงไม่หวังพึ่งแนวทางรัฐสภาแต่เพียงอย่างเดียว นั่นหมายความว่า คนเสื้อแดงจะยังมีบทบาทสำคัญต่อไป และต้องจับตาว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในปี 2554 นี้ จะใช้แนวทางสวันติวิธีตามภาพลักษณ์ใหม่ที่พยายามสร้างขึ้น หรือจะยังคงสอดไส้ด้วยความรุนแรงเหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา