xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

การกลับมาของพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การพิจารณามาตรา 93-98 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้งของรัฐสภา กว่า 16 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะลงมติเห็นชอบ ตรงกันข้ามกับการวิพากษ์วิจารณ์ของ ส.ส. และ ส.ว.

ถือว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ สามารถขจัดอุปสรรคทางการเมืองไปได้เปลาะหนึ่ง

โดยที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบในมาตรา 93 ตามสูตร 357+125 ด้วยคะแนน 298 ต่อ 211 งดออกเสียง 35 ไม่ลงคะแนน 3

มาตรา 94 ที่ประชุมเห็นชอบด้วยคะแนน 301 ต่อ 198 งดออกเสียง 40 ไม่ลงคะแนนเสียง 2

มาตรา 95 ที่ประชุมเห็นชอบด้วยคะแนน 307 ต่อ 192 งดออกเสียง 41ไม่ลงคะแนนเสียง 2

มาตรา 96 ที่ประชุมเห็นชอบ ด้วยคะแนน 302 ต่อ 200 งดออกเสียง 40 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 ส่วนมาตรา 97 ที่ประชุมเห็นชอบ ด้วยคะแนน 306 ต่อ 192 งดออกเสียง 43 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 และในมาตรา 98 ที่ประชุมเห็นชอบด้วยคะแนน 306 ต่อ192 งดออกเสียง 42 ไม่ลงคะแนนเสียง 2
 
โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมโหวตไม่เห็นด้วยทุกมาตรา จากเดิมที่เคยแถลงว่า จะงดออกเสียง

ทั้งนี้จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติในวาระ 3 ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.

แต่ผิดพลาดด้านนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะการก้มหัวให้กับศาลกัมพูชา กลับทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

โดยเฉพาะคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งระบุว่า คนไทยทั้ง 7 รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชา

จนมีข้อโต้แย้งจำนวนมาก บ่งบอกว่า คนไทยถูกจับในแผ่นดินไทย

อย่างน้อยที่สุด หากไม่มีความชัดเจน แกนนำรัฐบาลอาจจะบอกว่า “คนไทยถูกจับในพื้นที่พิพาท” มากกว่าที่จะยอมก้มหัวให้กับกัมพูชา

" ผมขอถามว่า รัฐบาลกลัวเสียความสัมพันธ์ แต่ไม่กลัวเสียดินแดนหรือ มันหยามถึงขนาดเอาตัวคนไทยไปขึ้นศาล มันไม่กลัวแต่เรากลับกลัวมันหงอ" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ วิจารณ์ท่าทีของรัฐบาล

นั่นหมายความว่า รัฐบาลแสดงท่าทีอ่อนปวกเปียกในเชิงการทูต

ปล่อยให้กัมพูชา ซึ่งครั้งหนึ่งต้องมาพึ่งพาประเทศไทย ช่วยเหลือให้ยุติสงครามกลางเมือง...มาเหยียบบ่าขี่คอ

แม้กระทั่ง ฮุนเซน ก็ยังเคยเดินเข้ามาเมืองไทย เพื่อขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาการเมืองในประเทศ

ความผิดพลาดมหันต์ก็คือ การที่ อภิสิทธิ์ ออกทีวีพูล แจกแจงปัญหาคนไทยถูกจับ และพื้นที่ทับซ้อน
 
ยิ่งเติมเชื้อฟืนไฟในใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งแต่เช้าวันอังคารที่ 25 ม.ค. จึงปรากฏขึ้น เพื่อเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดำเนินการในเรื่อง

1.ถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลก

2. ยกเลิกเอ็มโอยู 43

3. ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย

เป็นข้อเรียกร้องที่มีความชอบธรรมในตัว

ที่สำคัญ ยังเป็นข้อเรียกร้องที่ทำให้สุเทพ และอภิสิทธิ์ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ไม่ใช่ยากลำบาก เพราะเป็นปัญหาใหญ่

แต่ยากลำบาก เพราะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังใช้จุดแข็งที่สุดของพันธมิตรฯ เปิดแผลประชาธิปัตย์


จุดแข็งที่สุดของพันธมิตรฯ คือ การเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสังคมส่วนรวมอย่างแท้จริง
ไม่ใช่เคลื่อนไหวแล้วรวยขึ้นเหมือนแกนนำเสื้อแดง

ในขณะที่คนยังสงสัยในการเป็นนักการเมืองของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า “ทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม” หรือ “เพื่อเงินในกระเป๋าตัวเอง”

จุดอ่อนใหญ่ที่สุดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็คือ การคอร์รัปชัน และ การขาดวิสัยทัศน์

“ สนธิ ลิ้มทองกุล” แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า วันนี้นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ต่างจากทักษิณ ที่มีการทุจริต คอร์รัปชัน ทักษิณย้ายคนอย่างไม่มีเหตุผล แต่วันนี้กระทรวงมหาดไทย ก็ตั้งปลัดข้ามอาวุโสกว่า 50 คน ก็ไม่มีเหตุผลเช่นกัน เหมือนทุกวันนี้การแต่งตั้ง ผู้กำกับ รองผู้กำกับ ผู้บังคับการ ก็ตั้งโต๊ะเก็บเงินที่ทำเนียบฯ 3 ล้าน 5 ล้าน 7 ล้าน ทักษิณ ดีๆ ชั่วๆ ก็ยังกล้าทำ กล้ารับแต่นี่ ไม่กล้า

“ มีคนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง แต่กลับเป็นประธานกรรมการพิจารณาผลประโยชน์การขุดเจาะน้ำมันที่อ่าวไทยกับกัมพูชา คนที่เป็นรองนายกฯ เป็นกรรมการพิจารณาการนำเข้าน้ำมันปาล์ม แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ทำอะไร ”

“ทำไมนายสุเทพ และพรรคร่วมฯ ต้องชูนายอภิสิทธิ์ เพราะวันนี้มีการแอบจับมือแบบลับๆ กับพรรคเพื่อไทย ผ่านทางเจ้าของค่ายเพลง เจ้าของโรงแรม และเจ้าของดิวตี้ฟรี ซึ่งจับมือกับคนตัวดำ โดยบอกว่าเลือกตั้งเสร็จ ก็จะเตรียมจัดตั้งรัฐบาล และให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ”

สนธิ บอกว่า การที่ไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 43 ก็เพราะต้องการสวมตอผลประโยชน์ทางทะเลและรับผลประโยชน์ร่วมกัน และที่ต้องชู นายอภิสิทธิ์ เพราะนายอภิสิทธิ์ ยังขายได้กับคนโง่ๆ และที่ประเทศนี้ย่ำแย่ก็เพราะมีคนโง่หลงกลความหล่อ ตนเลยฝากบอกคนใต้ว่า จะเอาชาติหรือเอาพรรคประชาธิปัตย์

“ ต่อไปนี้อย่าทวงบุญคุณกับพรรคประชาธิปัตย์ ให้ถือว่าการที่เขาได้เป็นรัฐบาล ก็เหมือนหมาฉี่รดเสาโทรเลข ” สนธิ กล่าวทิ้งท้ายไว้

เหมือนนกรู้ “สุเทพ” คนที่เคยวิจารณ์สนธิ อย่างรุนแรง ถึงกับเรียก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา สบ 10 และ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. เข้าพบที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ เพื่อหารือถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง...แต่ไม่มีใครเชื่อ

แม้ว่าจะมีการจับกุมมือยิง และวางระเบิด ซึ่งเตรียมลงมือต่อกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง

การเพิกเฉยต่อท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่แสดงออกผ่านแถลงการณ์ ยิ่งแสดงถึงอำนาจการถ่วงดุลของประชาธิปัตย์ที่เพิ่มสูงขึ้น

เเกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 1 เเละรุ่นที่ 2 ได้ออกเเเถลงการณ์กลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งที่ 1/2554 เรื่องกรณี 7 คนไทย ถูกทหารกัมพูชาจับกุม เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 โดยมีเนื้อหาเรียกร้องดังนี้

1. ยืนยันว่าจากหลักฐานในเอกสารสิทธิทำกินของราษฎรไทย เช่น สค.1 เเละ นส.3 รวมทั้งเเผนที่ L7017 เเละเเผนที่ L7018 ของไทย รวมทั้งเเผนที่ L7016 ของกัมพูชา ระบุ ตรงกันว่า จุดพิกัดที่ 7 คนไทยโดนจับกุมนั้น อยู่ในดินเเดนไทย ก่อนถึงหลักเขตที่ 46-47 ชัดเจน เเละตรงกันกับหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศของ UNHCR 

2. กลุ่มพันธมิตรฯ ขอประณามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี  นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ   พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รมว.กลาโหม เเละคณะข้าราชการที่ดูเเลเรื่องเขตเเดนไทย  รวมทั้งผู้ว่าฯ จ.สระเเก้ว  เพราะไปให้ข่าวกล่าวหาว่า คนไทยรุกกล้ำดินเเดนกัมพูชาอย่างไร้ความรับผิดชอบ

รวมทั้งประณามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เเละรัฐบาลที่ไม่ใช้อำนาจของตัวเองกดดันกัมพูชาให้ปล่อย 7 คนไทย เช่นเดียวกับ สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ทหารกัมพูชา รวมทั้งรัฐบาล เเละศาลกัมพูชา ที่จับคนไทยในดินเเดนของไทย 

ฉะนั้น ขอให้รัฐบาลเเละนายกฯ ต้องประกาศไม่รับคำตัดสินของศาลกัมพูชา เพราะถือว่า เป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เเละละเมิดอธิปไตยเหนือดินเเดนไทย ขอให้รัฐบาลไทยยื่นคำขาดอย่างเป็นทางการ เเละใช้มาตรการกดดันอย่างเป็นรูปธรรม ให้กัมพูชาปล่อยตัว 7 คนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข

แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เพิกเฉย

จนมีข้อสงสัยใน “ผลประโยชน์การขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย” กลายเป็นเงินยัดปากแกนนำรัฐบาล
ปล่อยให้ศาลพนมเปญ ตัดสิน 5 คนไทย เมื่อวันที่ 21 มกรมคม ที่ผ่านมา มีความผิดฐานรุกล้ำดินแดน จำคุกคนละ 9 เดือน ปรับ 1 ล้านเรียล (1 หมื่นบาท) โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา  

เหลือ “วีระ สมความคิด” และ “ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์” ที่ศาลกัมพูชา จะพิพากษาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้

โดยอาจจะกลายเป็น “แพะบูชายัญ” ผลประโยชน์ของคนในรัฐบาล !!

ขณะที่กัมพูชากลับอ้างสิทธิบนพื้นที่ทับซ้อนมาตลอด ล่าสุดยังจารึกบนแผ่นหินอ่อนว่า ทหารไทยรุกรานดินแดนเขมร ใกล้วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ บนเขาพระวิหาร 

แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้แสดงบทบาทเชิงรุกทางการทูตใด ๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น