ASTVผู้จัดการรายวัน-"เทือก"เรียก"อัศวิน-จักรทิพย์"หารือปรับแผนดูแลผู้ชุมนุม "อัศวิน"ปัดข่าวจัดฉากจับกุม "ผบ.ทบ."สั่งสอบแหล่งที่มาระเบิด "ประพันธ์"แฉรัฐบาลจับมือตำรวจบางกลุ่มจัดฉากจับกุม หวังให้มวลชนกลัวไม่กล้ามาร่วมชุมนุม ชี้ "วิเชียร" เตรียมแถลงเอง แต่พอรู้ความจริง จึงไม่มา "ไอ้ตู่"ตามสูตร ปัดไม่เกี่ยวเสื้อแดง แฉช้ำแค่จัดฉากเลื่อยขาเก้าอี้ผบ.ตร. ด้านนครบาลคุม 5 ผู้ต้องหาพร้อมของกลางแถลงยันจับจริง ส่วนผู้ต้องหาให้การมีพิรุธเพียบ
วานนี้ (25 ม.ค.) เวลา 08.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เรียก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษาสบ.10 และ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. เข้าพบที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ ซึ่งใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง
ต่อมาพล.ต.อ.อัศวิน ให้สัมภาษณ์ว่า นายสุเทพ ได้ซักถามเกี่ยวกับการดูแลป้องกันของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และได้ฝากให้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหากับผู้ชุมนุม จึงต้องป้องกันไม่ให้มีใครมาทำความเดือดร้อน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะมีการแถลง โดยจะมีการนำผู้ต้องหาที่จับได้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. พร้อมอุปกรณ์ระเบิดมาแถลงด้วย ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่และถึงที่สุด ว่าไปตามกระบวนการทั้งหมด ไม่มีการหยุดยั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจมีประวัติของผู้ต้องหารายนี้มาก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ผู้ต้องหาคนนี้ไม่เคยมีประวัติ แต่เรารู้ว่า กลุ่มนี้เคยมีอยู่ รู้แต่กลุ่มเฉยๆ ว่าน่าจะเป็นกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ติดตามและเกาะติดมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีใหม่ เพราะที่แยกราชประสงค์ เราก็ห่วงว่าจะมีเหตุร้ายแรง เราก็ระมัดระวังกันเต็มที่
***"อัศวิน"ปัดจัดฉากจับกุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากลักษณะการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมทั้งอาวุธที่ยังอยู่สภาพใหม่ จึงทำให้มองกันว่า เป็นการจัดฉากหรือสร้างสถานการณ์เพื่อป้องกันไม่ให้คนมาชุมนุมกันหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การจับ ไม่ง่ายเลย กรณีนี้ไม่ใช่ว่าผู้ต้องหามาเดินมาให้จับ ต้องปล้ำกันแทบตาย และใครจะมายอมติดคุก เพราะคดีนี้โทษถึงประหารชีวิต มันไม่ง่ายนะ ถ้ารู้ข้อเท็จจริงมันจะไม่ง่าย เพราะใช้เวลาถึง 2-3 เดือน หมดเงินไม่รู้เท่าไรในการแกะรอย ทั้งหมดทุกรายที่มีการก่อเหตุ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก เชื่อเถอะว่าไม่ง่าย ทำไมต้องอดตาหลับขับตานอน ปีใหม่เขาพักผ่อนกัน ตนยังไม่ได้พักเลย เป็นพลเอกแล้วยังต้องมาตะลอนๆ อยู่
*** ผบ.ทบ.จี้ขยายผลที่มาของอาวุธ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า เราห่วงใยอยู่ตลอดเวลาในเรื่องการชุมนุมว่าอาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ หรือเริ่มก่อน และมีผู้ที่ไม่หวังดีต้องการให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ส่วนเหตุที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าการปฏิบัติงานประสบผลสำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ซึ่งต้องสอบสวนว่าใครเป็นคนทำ และที่มาของระเบิดและพยานต่างๆ พร้อมสอบหาผู้ที่กระทำความผิดให้ชัดเจน
***แฉ ตร.จัดฉากจับ 5 การ์ดแดง**
นายประพันธ์ คุณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมการ์ดเสื้อแดง 5 คน เตรียมระเบิดและอาวุธสงคราม โดยอ้างว่าเตรียมไว้ลอบเล่นงานการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เรื่องนี้เป็นการสร้างสถานการณ์ให้มวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ กลัว ไม่กล้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งตนมีคำถามว่า ทำไมต้องมาจับกุมได้ก่อนกลุ่มพันธมิตรฯ นัดชุมนุมกันเพียง 1 วัน
ทั้งนี้ เห็นว่า รัฐบาลมีแผนที่ต้องการพยายามสกัดกั้นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ต้น หลังพันธมิตรฯประกาศชุมนุมกันในวันที่ 25 ม.ค.โดยแผนแรก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ประสานแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ลงพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว เพื่อไปตรวจสอบพื้นที่ที่ชาวบ้านร้องเรียนว่า ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ จนไม่สามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ โดยไปเชิญนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้ พร้อมคณะ 7 คน ไปร่วมตรวจสอบ เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหา หวังนำมาใช้เป็นข้ออ้างให้มวลชนที่จะชุมนุมได้เห็น แต่แผนผิดพลาด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองมีจริง คนไทย 7 คน ถูกกัมพูชาจับกุมตัวไปฐานรุกล้ำเขตแดน
เมื่อแผนแรกผิดพลาด จึงใช้แผน 2 หลังจากศาลกัมพูชาปล่อยตัว 5 คนไทยแล้ว นายกรัฐมนตรี ก็ออกโทรทัศน์ชี้แจงกรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุม และถือโอกาสชี้แจงเอ็มโอยู 43 และเรื่องปัญหาเขตแดน หวังเบรกมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ให้มาร่วมการชุมนุม แต่นายอภิสิทธิ์ พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ซึ่งก็หมายถึงเป็นการโกหกนั่นเอง วันต่อมาจึงถูกกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงตอกหน้าจนยับเยิน
ดังนั้น เมื่อแผน 2 ไม่ได้ผล จึงใช้แผน 3 เพื่อสกัดกั้นและแยกสลายพลังมวลชนของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ให้มาร่วม หรือมาร่วมให้น้อยที่สุด เพราะรู้ว่าการชุมนุมครั้งนี้พันธมิตรฯ เอาจริง ไม่ชนะไม่เลิก จากการตรวจสอบของตนพบว่าการจัดกุมการ์ดแดง 5 คนครั้งนี้ เป็นการจัดฉากกันของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการสกัดมวลชนพันธมิตรฯ กับตำรวจบางกลุ่มที่หวังผลงาน เพื่อตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งก็สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย
*** พิรุธ ผบก.น.1 ไม่รู้เรื่องการจับกุม
นายประพันธ์กล่าวว่า ที่น่าสังเกต ก็คือ การจับกุมครั้งนี้จับได้ที่แยกสวนมิสกวัน เขตรับผิดชอบของ สน.ดุสิต พื้นที่ของ บก.น.1 แต่ปรากฏว่า พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กลับไม่รู้เรื่องเลย หลังจับกุมได้ มีเพียง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาการ ผบช.ภ.1 ซึ่งไม่เกี่ยวกับตำรวจนครบาล มาแถลงข่าวการจับกุม พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.อัศวิน เป็นเรื่องที่แปลกไหม เจ้าของพื้นที่ไม่รู้
"ตอนแรกก็บอกว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. จะมาแถลงข่าวเรื่องการจับกุมครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ทราบมาว่า พล.ต.อ.วิเชียร จะไม่มาร่วมแถลงข่าว คงมีคนรายงานเรื่องนี้ให้ได้ทราบแล้วจึงไม่มา ผมอยากเตือน พล.ต.อ.วิเชียร พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. และ พล.ต.ต.วิชัย ระวังเก้าอี้ไว้ด้วย เพราะผลงานครั้งนี้อาจเข้าตารัฐบาลก็ได้ ซึ่งอาจจะมีปัญหาถึงเก้าอี้ของท่านในอนาคต"
นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนทราบมาว่า ร.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง ลูกชาย พล.ต.อ.อัศวิน ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ แต่ถูกขอตัวมาเป็นผู้ช่วยนายเวรผบช.น. ก็มีบทบาทในการจับกุมครั้งนี้ และตนคิดว่าเรื่องนี้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง คงออกมาปฏิเสธว่า 5 คนที่ถูกจับเป็นแดงเทียมแน่นอน
***"ไอ้ตู่"ปัดผู้ต้องหาไม่เกี่ยวเสื้อแดง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวปฏิเสธการเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องที่ถูกตำรวจจับกุมได้ พร้อมกับประณามการกระทำของรัฐบาล โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นนายตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ และเป็นผู้ที่เข้าไปทำคดี
"เรื่องนี้ผมยืนยันว่า คนเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ว่าใครที่จะเป็นผู้วางแผน กลิ่นอายปฏิวัติยังมีอยู่ หากรัฐบาลคิดว่าจะใช้วิธีการโง่ๆ แบบไข่ชั่งกิโล ผมเชื่อว่าประชาธิปไตย ก็จะเสีย และคนที่แสดงพฤติกรรมก็ต้องได้รับการประณาม" นายจตุพรกล่าว
***"จตุพร"ย้ำมีขวบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.
นายจตุพรกล่าวว่า ตามที่ได้ประติดประต่อเรื่อง เห็นได้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการจัดฉากเพื่อที่จะเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. จากคนในวงการสีกากีที่มีความใกล้ชิด ผบ.ตร. และต้องการดำรงตำแหน่งสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงหาวิธี เพราะบุคคลดังกล่าวทราบว่าหากรอให้เป็นไปตามจังหวะการเลื่อนชั้น คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพล.ต.อ.วิเชียร เหลืออายุราชการหลายปี แต่บุคคลดังกล่าวมีอายุราชการเหลือเพียง 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น ขอให้ ผบ.ตร.ระวังไว้ให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดฉากดังกล่าวมีรายงานหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงเหมือนคืนส่งท้ายปี 2549 นายจตุพร กล่าวว่า คงต้องไปถามคนจัดฉาก ซึ่งตนมองว่าการจัดฉากดังกล่าว แม้แต่คนปัญญาอ่อนที่สุดยังรู้ คุณต้องไปถามอัศวินดู เพราะอัศวินเป็นคนจัดให้
***แถลงผลจับกุมพร้อมโชว์อาวุธครบมือ
วันเดียวกันเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) แถลงการจับกุม นายธวัชชัย หรือดำ เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี ,นายดร มาตา อายุ 42 ปี ,นายนพคุณ ศรีวงศ์มงคล อายุ 60 ปี ,นายวิวัฒน์ หรือเซี๊ยะ วัฒนสกุลยิ้ม อายุ 60 ปี และนายมานัส รันรัตน์ อายุ 52 ปี พร้อมของกลาง เครื่องยิงอาร์พีจี 1 กระบอก, ลูกยิงอาร์พีจี จำนวน 3 นัด, ดินขับ 3 ชุด, ตัวชนวน 4 อัน, กระสุนซ้อมยิงใช้กับปืน ขนาด 20 มม.จำนวน 2 นัด, ลูกระเบิดขนาด 40 มม. เป็นแบบลูกปราย 3 นัด แบบเจาะเกราะ 4 นัด แบบสังหาร 27 นัด ซึ่งใช้กับ เอ็ม 79, กระสุนขนาด 7.62 ใช้กับปืนอาก้า 23 นัด, กระสุนขนาด 5.56 ใช้กับเอ็ม 16 จำนวน 115 นัด, กระสุนแบบเอ็ม 60 ขนาด 7.62 จำนวน 35 นัด, กระสุนปืนคาร์บิน 117 นัด และรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว ทะเบียน บท-4330 ลำปาง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายธวัชชัย ได้ที่สี่แยกสวนมิสกวัน ถนนราชดำเนินนอก แขวงและเขตดุสิต กทม. โดยอยู่ในพื้นที่ สน.ดุสิต พร้อมระเบิดแสวงเครื่องซึ่งจุดระเบิดเป็นแบบใช้การตั้งเวลา ดินระเบิดเป็นทีเอ็นที โดยระเบิดแสวงเครื่องยังไม่ได้ประกอบ มีพลุส่องสว่าง ประกอบกับเชื้อประทุไฟฟ้า, โทรศัพท์มือถือโนเกีย รุ่น 3310 โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย พร้อมซิมการ์ด หมายเลข 082-342-9446 จำนวน 1 เครื่องและรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นนูโว ทะเบียน ลยบ-676 กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะ เบื้องต้นแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจับกุม นายดร, นายนพคุณ, นายวิวัฒน์ และนายมานัส พร้อมของกลางทั้งหมดได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในตลาดนัดกลางซอยพระราม 2/28 แขวงและเขตจอมทอง กทม. ในพื้นที่ สน.บางมด เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
***อ้าง"นายพล"นำอาวุธมาฝากไว้
จากการสวนสวนนายธวัชชัย ให้การว่า มีคนรู้จักชื่อ “พล” นำอาวุธทั้งหมดมาฝากไว้ให้ โดยรู้จักกันจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ซึ่งระเบิดที่พบตนเตรียมมาวางรอบทำเนียบรัฐบาล หรือรอบพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ และพันธมิตรฯ ที่จะมาชุมนุม เพราะมีแนวความคิดตรงข้ามกันกับตน โดยก่อนถูกจับกุมตนตั้งใจวางระเบิดแบบตั้งเวลา ดินระเบิดเป็นทีเอ็นที จำนวน 1 ลูก ซึ่งจะตั้งเวลาประมาณ 30 นาที ส่วนระเบิดแสวงเครื่องอีกชุดที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะหาที่วาง ก่อนใช้โทรศัพท์มือถือโทรเข้าเพื่อให้เกิดการระเบิดแต่ถูกจับกุมเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่รับฝากอ้างว่าจากคนชื่อพล ไม่กลัวถูกตำรวจจับหรือ นายธวัชชัย กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะฝากไว้นานขนาดนี้ ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นอะไร ฝากมา 4-5 เดือนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักกับคนชื่อพลได้อย่างไร นายธวัชชัย กล่าวว่า มาจากการพบกันที่ชุมนุม ช่วงเดือนเม.ย-พ.ค. ซึ่งได้ไปร่วมด้วยเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เป็นการ์ด นปช.
“ออกข่าวแบบนี้เขาจะได้รู้ว่าผมเอาของออกมาแล้ว พอฝากไว้ก็ไม่มาเลย จึงเอาไปฝากบ้านนายดรไว้ เพราะบ้านผมมีลูกเล็ก โดยทั้งหมดนายพลฝากไว้ แต่เอาออกมาและโดนจับแค่ 2 อัน ส่วนหนึ่งก็เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ มาชุมนุม ผมแค่อยากให้มีเสียงดัง มีควันขึ้นเท่านั้น เพราะผมไม่ได้ใส่สะเก็ดระเบิด เป็นแค่เสียงกับควัน” นายธวัชชัย กล่าว
ด้านนายดร กล่าวว่า ของทั้งหมดพี่ดำมาฝากไว้ให้ ตอนที่มาฝากก็ทราบว่าเป็นอาวุธ ซึ่งรู้จักกัน เพราะขับวินมอเตอร์ไซค์ด้วยกันก็ไว้ใจกัน แต่ก็รู้จักกันไม่นาน ส่วนอีก 3 คนนี้ไม่รู้เรื่อง อยากดูของก็เลยเข้าไปดูว่าเป็นยังไง พอดีตำรวจเข้าไปจับกุมพอดี ซึ่งตนไม่ได้มีความคิดจะไปใช้ก่อเหตุ เพราะตนใช้ไม่เป็น ซึ่งตนอยากจะเอาไปทิ้งในป่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมจึงเริ่มมีความคิดว่าจะเอาไปทิ้ง นายดรกล่าวว่า กลัว เพราะได้ยินข่าวว่าจะมีการรื้อตรวจค้นบ้านหาสิ่งผิดกฎหมาย เลยตั้งใจจะไปทิ้งในป่า ทิ้งที่ไกลๆ ไม่มีผู้คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวนอีกครั้ง จากนั้นจะนำนายธวัชชัยส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อทำการฝากขัง ส่วนอีก 4 คนที่เหลือจะนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางมด ดำเนินคดีต่อไป
***ปชป.ปัดรัฐจัดฉากสร้างสถานการณ์
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจับกุมอาวุธ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีหลายฝ่ายออกพูดว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ หรือการจัดฉาก โดยเฉพาะความเห็นของแกนนำกลุ่มนปช. และแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โดยตนอยากเรียนว่า ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อมาแก้ปัญหา และรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แกนนำ นปช.ออกมาปฏิเสธ ก็ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การระเบิดสมานเมตตา แมนชั่น ที่เป็นพฤติกรรมที่อยู่ในกระบวนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสิ้น ซึ่งผู้ถูกจับยอมรับว่า อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มที่ถูกจับกุม ไม่ใช่รายสุดท้าย เพราะอาจมีการแฝงตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพียงแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่สามารถ วานใครมาทำ หรือสร้างสถานการณ์ดังกล่าว เพราะโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต ดังนั้น คงไม่มีใครเอาชีวิตมาเสี่ยง
ส่วนที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนออกมาบอกว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ มาชุมนุมนั้น ตนอยากถามว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีแต่ความรุนแรงจนมีผู้สูญเสียจำนวนมาก ต่างจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ มีแต่นอกรอบกรุงเทพฯ เพราฉะนั้น จะมาตั้งว่าเป็นการสร้างสถานการณ์นั้น อยากให้กลับไปดูกับการสูญเสียที่ผ่านมา
วานนี้ (25 ม.ค.) เวลา 08.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เรียก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษาสบ.10 และ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. เข้าพบที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ ซึ่งใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง
ต่อมาพล.ต.อ.อัศวิน ให้สัมภาษณ์ว่า นายสุเทพ ได้ซักถามเกี่ยวกับการดูแลป้องกันของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และได้ฝากให้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหากับผู้ชุมนุม จึงต้องป้องกันไม่ให้มีใครมาทำความเดือดร้อน ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะมีการแถลง โดยจะมีการนำผู้ต้องหาที่จับได้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. พร้อมอุปกรณ์ระเบิดมาแถลงด้วย ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่และถึงที่สุด ว่าไปตามกระบวนการทั้งหมด ไม่มีการหยุดยั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจมีประวัติของผู้ต้องหารายนี้มาก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ผู้ต้องหาคนนี้ไม่เคยมีประวัติ แต่เรารู้ว่า กลุ่มนี้เคยมีอยู่ รู้แต่กลุ่มเฉยๆ ว่าน่าจะเป็นกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ติดตามและเกาะติดมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีใหม่ เพราะที่แยกราชประสงค์ เราก็ห่วงว่าจะมีเหตุร้ายแรง เราก็ระมัดระวังกันเต็มที่
***"อัศวิน"ปัดจัดฉากจับกุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากลักษณะการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมทั้งอาวุธที่ยังอยู่สภาพใหม่ จึงทำให้มองกันว่า เป็นการจัดฉากหรือสร้างสถานการณ์เพื่อป้องกันไม่ให้คนมาชุมนุมกันหรือไม่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การจับ ไม่ง่ายเลย กรณีนี้ไม่ใช่ว่าผู้ต้องหามาเดินมาให้จับ ต้องปล้ำกันแทบตาย และใครจะมายอมติดคุก เพราะคดีนี้โทษถึงประหารชีวิต มันไม่ง่ายนะ ถ้ารู้ข้อเท็จจริงมันจะไม่ง่าย เพราะใช้เวลาถึง 2-3 เดือน หมดเงินไม่รู้เท่าไรในการแกะรอย ทั้งหมดทุกรายที่มีการก่อเหตุ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก เชื่อเถอะว่าไม่ง่าย ทำไมต้องอดตาหลับขับตานอน ปีใหม่เขาพักผ่อนกัน ตนยังไม่ได้พักเลย เป็นพลเอกแล้วยังต้องมาตะลอนๆ อยู่
*** ผบ.ทบ.จี้ขยายผลที่มาของอาวุธ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า เราห่วงใยอยู่ตลอดเวลาในเรื่องการชุมนุมว่าอาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ หรือเริ่มก่อน และมีผู้ที่ไม่หวังดีต้องการให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ส่วนเหตุที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าการปฏิบัติงานประสบผลสำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ซึ่งต้องสอบสวนว่าใครเป็นคนทำ และที่มาของระเบิดและพยานต่างๆ พร้อมสอบหาผู้ที่กระทำความผิดให้ชัดเจน
***แฉ ตร.จัดฉากจับ 5 การ์ดแดง**
นายประพันธ์ คุณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมการ์ดเสื้อแดง 5 คน เตรียมระเบิดและอาวุธสงคราม โดยอ้างว่าเตรียมไว้ลอบเล่นงานการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า เรื่องนี้เป็นการสร้างสถานการณ์ให้มวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ กลัว ไม่กล้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งตนมีคำถามว่า ทำไมต้องมาจับกุมได้ก่อนกลุ่มพันธมิตรฯ นัดชุมนุมกันเพียง 1 วัน
ทั้งนี้ เห็นว่า รัฐบาลมีแผนที่ต้องการพยายามสกัดกั้นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ต้น หลังพันธมิตรฯประกาศชุมนุมกันในวันที่ 25 ม.ค.โดยแผนแรก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ประสานแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ลงพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว เพื่อไปตรวจสอบพื้นที่ที่ชาวบ้านร้องเรียนว่า ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ จนไม่สามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ โดยไปเชิญนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เคลื่อนไหวเรื่องนี้ พร้อมคณะ 7 คน ไปร่วมตรวจสอบ เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหา หวังนำมาใช้เป็นข้ออ้างให้มวลชนที่จะชุมนุมได้เห็น แต่แผนผิดพลาด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองมีจริง คนไทย 7 คน ถูกกัมพูชาจับกุมตัวไปฐานรุกล้ำเขตแดน
เมื่อแผนแรกผิดพลาด จึงใช้แผน 2 หลังจากศาลกัมพูชาปล่อยตัว 5 คนไทยแล้ว นายกรัฐมนตรี ก็ออกโทรทัศน์ชี้แจงกรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุม และถือโอกาสชี้แจงเอ็มโอยู 43 และเรื่องปัญหาเขตแดน หวังเบรกมวลชนกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ให้มาร่วมการชุมนุม แต่นายอภิสิทธิ์ พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ซึ่งก็หมายถึงเป็นการโกหกนั่นเอง วันต่อมาจึงถูกกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงตอกหน้าจนยับเยิน
ดังนั้น เมื่อแผน 2 ไม่ได้ผล จึงใช้แผน 3 เพื่อสกัดกั้นและแยกสลายพลังมวลชนของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ให้มาร่วม หรือมาร่วมให้น้อยที่สุด เพราะรู้ว่าการชุมนุมครั้งนี้พันธมิตรฯ เอาจริง ไม่ชนะไม่เลิก จากการตรวจสอบของตนพบว่าการจัดกุมการ์ดแดง 5 คนครั้งนี้ เป็นการจัดฉากกันของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการสกัดมวลชนพันธมิตรฯ กับตำรวจบางกลุ่มที่หวังผลงาน เพื่อตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งก็สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย
*** พิรุธ ผบก.น.1 ไม่รู้เรื่องการจับกุม
นายประพันธ์กล่าวว่า ที่น่าสังเกต ก็คือ การจับกุมครั้งนี้จับได้ที่แยกสวนมิสกวัน เขตรับผิดชอบของ สน.ดุสิต พื้นที่ของ บก.น.1 แต่ปรากฏว่า พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กลับไม่รู้เรื่องเลย หลังจับกุมได้ มีเพียง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาการ ผบช.ภ.1 ซึ่งไม่เกี่ยวกับตำรวจนครบาล มาแถลงข่าวการจับกุม พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.อัศวิน เป็นเรื่องที่แปลกไหม เจ้าของพื้นที่ไม่รู้
"ตอนแรกก็บอกว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. จะมาแถลงข่าวเรื่องการจับกุมครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ทราบมาว่า พล.ต.อ.วิเชียร จะไม่มาร่วมแถลงข่าว คงมีคนรายงานเรื่องนี้ให้ได้ทราบแล้วจึงไม่มา ผมอยากเตือน พล.ต.อ.วิเชียร พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. และ พล.ต.ต.วิชัย ระวังเก้าอี้ไว้ด้วย เพราะผลงานครั้งนี้อาจเข้าตารัฐบาลก็ได้ ซึ่งอาจจะมีปัญหาถึงเก้าอี้ของท่านในอนาคต"
นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนทราบมาว่า ร.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง ลูกชาย พล.ต.อ.อัศวิน ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ แต่ถูกขอตัวมาเป็นผู้ช่วยนายเวรผบช.น. ก็มีบทบาทในการจับกุมครั้งนี้ และตนคิดว่าเรื่องนี้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง คงออกมาปฏิเสธว่า 5 คนที่ถูกจับเป็นแดงเทียมแน่นอน
***"ไอ้ตู่"ปัดผู้ต้องหาไม่เกี่ยวเสื้อแดง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวปฏิเสธการเกี่ยวข้องกับการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องที่ถูกตำรวจจับกุมได้ พร้อมกับประณามการกระทำของรัฐบาล โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นนายตำรวจที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ และเป็นผู้ที่เข้าไปทำคดี
"เรื่องนี้ผมยืนยันว่า คนเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ว่าใครที่จะเป็นผู้วางแผน กลิ่นอายปฏิวัติยังมีอยู่ หากรัฐบาลคิดว่าจะใช้วิธีการโง่ๆ แบบไข่ชั่งกิโล ผมเชื่อว่าประชาธิปไตย ก็จะเสีย และคนที่แสดงพฤติกรรมก็ต้องได้รับการประณาม" นายจตุพรกล่าว
***"จตุพร"ย้ำมีขวบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ตร.
นายจตุพรกล่าวว่า ตามที่ได้ประติดประต่อเรื่อง เห็นได้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการจัดฉากเพื่อที่จะเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. จากคนในวงการสีกากีที่มีความใกล้ชิด ผบ.ตร. และต้องการดำรงตำแหน่งสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงหาวิธี เพราะบุคคลดังกล่าวทราบว่าหากรอให้เป็นไปตามจังหวะการเลื่อนชั้น คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพล.ต.อ.วิเชียร เหลืออายุราชการหลายปี แต่บุคคลดังกล่าวมีอายุราชการเหลือเพียง 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น ขอให้ ผบ.ตร.ระวังไว้ให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดฉากดังกล่าวมีรายงานหรือไม่ว่าจะเกิดความรุนแรงเหมือนคืนส่งท้ายปี 2549 นายจตุพร กล่าวว่า คงต้องไปถามคนจัดฉาก ซึ่งตนมองว่าการจัดฉากดังกล่าว แม้แต่คนปัญญาอ่อนที่สุดยังรู้ คุณต้องไปถามอัศวินดู เพราะอัศวินเป็นคนจัดให้
***แถลงผลจับกุมพร้อมโชว์อาวุธครบมือ
วันเดียวกันเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) แถลงการจับกุม นายธวัชชัย หรือดำ เอี่ยมนาค อายุ 37 ปี ,นายดร มาตา อายุ 42 ปี ,นายนพคุณ ศรีวงศ์มงคล อายุ 60 ปี ,นายวิวัฒน์ หรือเซี๊ยะ วัฒนสกุลยิ้ม อายุ 60 ปี และนายมานัส รันรัตน์ อายุ 52 ปี พร้อมของกลาง เครื่องยิงอาร์พีจี 1 กระบอก, ลูกยิงอาร์พีจี จำนวน 3 นัด, ดินขับ 3 ชุด, ตัวชนวน 4 อัน, กระสุนซ้อมยิงใช้กับปืน ขนาด 20 มม.จำนวน 2 นัด, ลูกระเบิดขนาด 40 มม. เป็นแบบลูกปราย 3 นัด แบบเจาะเกราะ 4 นัด แบบสังหาร 27 นัด ซึ่งใช้กับ เอ็ม 79, กระสุนขนาด 7.62 ใช้กับปืนอาก้า 23 นัด, กระสุนขนาด 5.56 ใช้กับเอ็ม 16 จำนวน 115 นัด, กระสุนแบบเอ็ม 60 ขนาด 7.62 จำนวน 35 นัด, กระสุนปืนคาร์บิน 117 นัด และรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว ทะเบียน บท-4330 ลำปาง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายธวัชชัย ได้ที่สี่แยกสวนมิสกวัน ถนนราชดำเนินนอก แขวงและเขตดุสิต กทม. โดยอยู่ในพื้นที่ สน.ดุสิต พร้อมระเบิดแสวงเครื่องซึ่งจุดระเบิดเป็นแบบใช้การตั้งเวลา ดินระเบิดเป็นทีเอ็นที โดยระเบิดแสวงเครื่องยังไม่ได้ประกอบ มีพลุส่องสว่าง ประกอบกับเชื้อประทุไฟฟ้า, โทรศัพท์มือถือโนเกีย รุ่น 3310 โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบาย พร้อมซิมการ์ด หมายเลข 082-342-9446 จำนวน 1 เครื่องและรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นนูโว ทะเบียน ลยบ-676 กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะ เบื้องต้นแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจับกุม นายดร, นายนพคุณ, นายวิวัฒน์ และนายมานัส พร้อมของกลางทั้งหมดได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในตลาดนัดกลางซอยพระราม 2/28 แขวงและเขตจอมทอง กทม. ในพื้นที่ สน.บางมด เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
***อ้าง"นายพล"นำอาวุธมาฝากไว้
จากการสวนสวนนายธวัชชัย ให้การว่า มีคนรู้จักชื่อ “พล” นำอาวุธทั้งหมดมาฝากไว้ให้ โดยรู้จักกันจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ซึ่งระเบิดที่พบตนเตรียมมาวางรอบทำเนียบรัฐบาล หรือรอบพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ และพันธมิตรฯ ที่จะมาชุมนุม เพราะมีแนวความคิดตรงข้ามกันกับตน โดยก่อนถูกจับกุมตนตั้งใจวางระเบิดแบบตั้งเวลา ดินระเบิดเป็นทีเอ็นที จำนวน 1 ลูก ซึ่งจะตั้งเวลาประมาณ 30 นาที ส่วนระเบิดแสวงเครื่องอีกชุดที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะหาที่วาง ก่อนใช้โทรศัพท์มือถือโทรเข้าเพื่อให้เกิดการระเบิดแต่ถูกจับกุมเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่รับฝากอ้างว่าจากคนชื่อพล ไม่กลัวถูกตำรวจจับหรือ นายธวัชชัย กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะฝากไว้นานขนาดนี้ ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นอะไร ฝากมา 4-5 เดือนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักกับคนชื่อพลได้อย่างไร นายธวัชชัย กล่าวว่า มาจากการพบกันที่ชุมนุม ช่วงเดือนเม.ย-พ.ค. ซึ่งได้ไปร่วมด้วยเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เป็นการ์ด นปช.
“ออกข่าวแบบนี้เขาจะได้รู้ว่าผมเอาของออกมาแล้ว พอฝากไว้ก็ไม่มาเลย จึงเอาไปฝากบ้านนายดรไว้ เพราะบ้านผมมีลูกเล็ก โดยทั้งหมดนายพลฝากไว้ แต่เอาออกมาและโดนจับแค่ 2 อัน ส่วนหนึ่งก็เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ มาชุมนุม ผมแค่อยากให้มีเสียงดัง มีควันขึ้นเท่านั้น เพราะผมไม่ได้ใส่สะเก็ดระเบิด เป็นแค่เสียงกับควัน” นายธวัชชัย กล่าว
ด้านนายดร กล่าวว่า ของทั้งหมดพี่ดำมาฝากไว้ให้ ตอนที่มาฝากก็ทราบว่าเป็นอาวุธ ซึ่งรู้จักกัน เพราะขับวินมอเตอร์ไซค์ด้วยกันก็ไว้ใจกัน แต่ก็รู้จักกันไม่นาน ส่วนอีก 3 คนนี้ไม่รู้เรื่อง อยากดูของก็เลยเข้าไปดูว่าเป็นยังไง พอดีตำรวจเข้าไปจับกุมพอดี ซึ่งตนไม่ได้มีความคิดจะไปใช้ก่อเหตุ เพราะตนใช้ไม่เป็น ซึ่งตนอยากจะเอาไปทิ้งในป่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมจึงเริ่มมีความคิดว่าจะเอาไปทิ้ง นายดรกล่าวว่า กลัว เพราะได้ยินข่าวว่าจะมีการรื้อตรวจค้นบ้านหาสิ่งผิดกฎหมาย เลยตั้งใจจะไปทิ้งในป่า ทิ้งที่ไกลๆ ไม่มีผู้คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบสวนอีกครั้ง จากนั้นจะนำนายธวัชชัยส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อทำการฝากขัง ส่วนอีก 4 คนที่เหลือจะนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางมด ดำเนินคดีต่อไป
***ปชป.ปัดรัฐจัดฉากสร้างสถานการณ์
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการจับกุมอาวุธ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีหลายฝ่ายออกพูดว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ หรือการจัดฉาก โดยเฉพาะความเห็นของแกนนำกลุ่มนปช. และแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ โดยตนอยากเรียนว่า ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อมาแก้ปัญหา และรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แกนนำ นปช.ออกมาปฏิเสธ ก็ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจนที่เกี่ยวข้อง อาทิ การระเบิดสมานเมตตา แมนชั่น ที่เป็นพฤติกรรมที่อยู่ในกระบวนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสิ้น ซึ่งผู้ถูกจับยอมรับว่า อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มที่ถูกจับกุม ไม่ใช่รายสุดท้าย เพราะอาจมีการแฝงตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพียงแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่สามารถ วานใครมาทำ หรือสร้างสถานการณ์ดังกล่าว เพราะโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต ดังนั้น คงไม่มีใครเอาชีวิตมาเสี่ยง
ส่วนที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนออกมาบอกว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ มาชุมนุมนั้น ตนอยากถามว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีแต่ความรุนแรงจนมีผู้สูญเสียจำนวนมาก ต่างจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ มีแต่นอกรอบกรุงเทพฯ เพราฉะนั้น จะมาตั้งว่าเป็นการสร้างสถานการณ์นั้น อยากให้กลับไปดูกับการสูญเสียที่ผ่านมา