จากการที่นายกรัฐมนตรี ประกาศว่า อาจจะยุบสภาในเดือนเม.ย. เพื่อเลือกตั้งใหม่นั้น ขณะนี้กกต. กำลังรอประกาศของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ.วันที่ 31 ธ.ค. 53 ที่จะต้องประกาศออกมาในช่วงเดือน มี.ค.นี้ เพื่อนำจำนวนราษฎรที่มีในแต่ละจังหวัดมาใช้คำนวนจำนวน ส.ส.ที่แต่ละจังหวัดพึงมี
เบื้องต้นทางกกต.ได้มีการคำนวนจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดพึงมี โดยคิดจากฐานจำนวนราษฎร ณ. เดือนก.ย. 53 ที่มีราษฎรทั้งสิ้น 63,782,221 คน หากให้ส.ส.ระบบเขตมีทั้งหมด 375 คน เฉลี่ย ส.ส. 1 คน จะเท่ากับจำนวนราษฎร 170,085.92 คน ซึ่งก็จะทำให้มีการลดลงของส.ส.ในจังหวัดต่างๆ เมื่อเทียบกับจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งปี 50 จำนวน 23 จังหวัดดังนี้
1 .กรุงเทพมหานคร จะเหลือ ส.ส. 33 คน จากเดิม 36 คน 2 จ. กำแพงเพชร เหลือส.ส. 4 คนจากเดิม 5 คน 3. จ.ขอนแก่น เหลือส.ส. 10 คน จากเดิม 11 คน 4 . จ.เชียงราย จะเหลือส.ส. 7 คนจากเดิม 8 คน 5.จ.เชียงใหม่ จะเหลือส.ส. 10 คนจากเดิม 11 คน
6 จ.นครนายก จะเหลือส.ส. 1 คนจากเดิม 2 คน 7. จ.นครราชสีมา จะเหลือส.ส. 15 คนจากเดิม 16 คน 8.จ.นครศรีธรรมราช จะเหลือส.ส. 9 คนจากเดิม 10 คน 9. จ.นครสวรรค์ จะเหลือส.ส. 6 คนจากเดิม 7คน 10. จ.นราธิวาส จะเหลือส.ส. 4 คน จากเดิม 5 คน
11. จ.บุรีรัมย์ จะเหลือส.ส. 9 คนจากเดิม 10 คน 12.จ. พังงา จะเหลือส.ส. 1 คนจากเดิม 2 คน 13 จ.พิจิตร จะเหลือส.ส. 3 คน จากเดิม 4 คน 14.จ.มหาสารคาม จะเหลือส.ส. 5 คน จากเดิม 6 คน 15. จ.แม่ฮ่องสอน จะเหลือส.ส. 1 คนจากเดิม 2 คน
16 จ.ยโสธร จะเหลือส.ส. 3 คนจาก 4 คน 17.จ.ลพบุรี จะเหลือส.ส.4 คนจากเดิม 5 คน 18. จ.ลำปาง จะเหลือส.ส. 4 คนจากเดิม 5 คน 19.ลำพูน จะเหลือส.ส. 2 คน จากเดิม 3 คน 20 . จ.ศรีสะเกษ จะเหลือส.ส. 8 คนจากเดิม 9 คน
21 จ.สุรินทร์ จะเหลือส.ส. 8 คนจากเดิม 9 คน 22 จ.หนองคาย จะเหลือส.ส. 5 คนจากเดิม 6 คน และ 23 จ.อุดรธานี จะเหลือส.ส. 9 คน จากเดิม 10 คน
ทั้งนี้กกต.ได้มีการเตรียมการในกรณีหากนายกฯ ประกาศยุบสภาก่อนเดือนมี.ค. และกรณีที่กรมการปกครองยังไม่มีการประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ. 31 ธ.ค. 53 ออกมา ก็จะทำให้กกต. ต้องใช้ฐานข้อมูลจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรที่มีการประกาศล่าสุดคือของ ณ. วันที่ 31 ธ.ค. 52 มาเป็นหลักในการคำนวนจำนวนส.ส. ที่แต่ละจังหวัดพึงมี ซึ่งก็จะทำให้มีส.ส.เขตลดลง โดยแตกต่างจากข้างต้นใน 2 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จะมีส.ส.เหลือ 34 คนจากเดิม 36 คน และกระบี่ จะเหลือส.ส.2 คนจากเดิม 3 คน
ส่วนอีก 53 จังหวัดนั้น จำนวนที่เพิ่มขึ้นของราษฎร ไม่มีผลให้จำนวนส.ส.เปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธ.ค. 50 โดยจังหวัดที่จะมีส.ส. เพียง 1 คนมี 4 จังหวัด คือ ตราด ระนอง สุมทรสงคราม สิงห์บุรี จังหวัดที่มี ส.ส. 2 คน มี 7 จังหวัด คือ ชัยนาท ภูเก็ต มุกดาหาร สตูล อ่างทอง อำนาจเจริญ อุทัยธานี
จังหวัดที่มี ส.ส. 3 คน มี16 จังหวัด คือ กระบี่ จันทบุรี ชุมพร ตาก น่าน ประจวบ ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง เพชรบุรี แพร่ ยะลา สมุทรสาคร สระแก้ว หนองบัวลำภู และอุตรดิตถ์ จังหวัดที่มี ส.ส.4 คน มี 8 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ตรัง นครพนม ปัตตานี ระยอง เลย สระบุรี สุโขทัย จังหวัดที่มี ส.ส. 5 คน มี 7จังหวัดคือ กาญจนบุรี นครปฐม นนทบุรี อยุธยา พิษณุโลก ราชบุรี สุพรรณบุรี
จังหวัดที่มี ส.ส. 6 คนมี 4 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ ปทุมธานี เพชรบูรณ์ สุราษฎร์ธานี จังหวัดที่มีส.ส. 7 คน มี 3 จังหวัดคือ ชัยภูมิ สกลนคร สมุทรปราการ จังหวัดที่มี ส.ส. 8 คน มี 3 จังหวัด คือชลบุรี ร้อยเอ็ด สงขลา และจังหวัดที่มี ส.ส. 11 คนคือ จ. อุบลราชธานี
ส่วนงบประมาณที่จะใช้ในการเลือกตั้ง จะขอจากงบกลางซึ่งต้องใช้ประมาณ 3,800 ล้านเศษ เท่ากับส.ส. 1 คน จะใช้ค่าจัดการเลือกตั้งราว 8 ล้านบาท
** ปชป.จัดงานระดมทุน 8 มี.ค.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะมีการจัดงานเลี้ยงระดมทุนเข้าพรรค ในวันที่ 8 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง มีหน้าที่รับผิดชอบในการเตรียมการเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้งทั้งหมด และที่ตนจะต้องรีบทำคือการเตรียมตัวผู้สมัครให้ครบทุกพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าการระดมทุนในครั้งนี้ ขายบัตรไม่เข้าเป้า นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนด เราจะไปขอเงินเขาแล้วจะไปตั้งเป้าไม่ได้ แต่คิดว่าจะเชิญคนมาร่วมงานประมาณ 2,500 คน เพื่อพูดคุยให้ฟัง ถึงการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต ว่าจะทำอย่างไรบ้าง
สำหรับปัญหาเรื่องผู้สมัคร ที่มีจำนวนลดลง จากเดิม 400 คนเหลือ 375 คน ก็จะนำ จำนวน ส.ส.เขตที่ลดลงนั้นไปอยู่ในบัญชีรายชื่อแทน โดยจัดให้อยู่ในลำดับที่คิดว่า เขาจะได้เป็นส.ส. ซึ่ง ตนเป็นผู้บริหารจัดการ ในฐานะเลขาธิการพรรค ก็จะทำให้เรียบร้อย ไม่ให้มีปัญหา
เบื้องต้นทางกกต.ได้มีการคำนวนจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดพึงมี โดยคิดจากฐานจำนวนราษฎร ณ. เดือนก.ย. 53 ที่มีราษฎรทั้งสิ้น 63,782,221 คน หากให้ส.ส.ระบบเขตมีทั้งหมด 375 คน เฉลี่ย ส.ส. 1 คน จะเท่ากับจำนวนราษฎร 170,085.92 คน ซึ่งก็จะทำให้มีการลดลงของส.ส.ในจังหวัดต่างๆ เมื่อเทียบกับจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งปี 50 จำนวน 23 จังหวัดดังนี้
1 .กรุงเทพมหานคร จะเหลือ ส.ส. 33 คน จากเดิม 36 คน 2 จ. กำแพงเพชร เหลือส.ส. 4 คนจากเดิม 5 คน 3. จ.ขอนแก่น เหลือส.ส. 10 คน จากเดิม 11 คน 4 . จ.เชียงราย จะเหลือส.ส. 7 คนจากเดิม 8 คน 5.จ.เชียงใหม่ จะเหลือส.ส. 10 คนจากเดิม 11 คน
6 จ.นครนายก จะเหลือส.ส. 1 คนจากเดิม 2 คน 7. จ.นครราชสีมา จะเหลือส.ส. 15 คนจากเดิม 16 คน 8.จ.นครศรีธรรมราช จะเหลือส.ส. 9 คนจากเดิม 10 คน 9. จ.นครสวรรค์ จะเหลือส.ส. 6 คนจากเดิม 7คน 10. จ.นราธิวาส จะเหลือส.ส. 4 คน จากเดิม 5 คน
11. จ.บุรีรัมย์ จะเหลือส.ส. 9 คนจากเดิม 10 คน 12.จ. พังงา จะเหลือส.ส. 1 คนจากเดิม 2 คน 13 จ.พิจิตร จะเหลือส.ส. 3 คน จากเดิม 4 คน 14.จ.มหาสารคาม จะเหลือส.ส. 5 คน จากเดิม 6 คน 15. จ.แม่ฮ่องสอน จะเหลือส.ส. 1 คนจากเดิม 2 คน
16 จ.ยโสธร จะเหลือส.ส. 3 คนจาก 4 คน 17.จ.ลพบุรี จะเหลือส.ส.4 คนจากเดิม 5 คน 18. จ.ลำปาง จะเหลือส.ส. 4 คนจากเดิม 5 คน 19.ลำพูน จะเหลือส.ส. 2 คน จากเดิม 3 คน 20 . จ.ศรีสะเกษ จะเหลือส.ส. 8 คนจากเดิม 9 คน
21 จ.สุรินทร์ จะเหลือส.ส. 8 คนจากเดิม 9 คน 22 จ.หนองคาย จะเหลือส.ส. 5 คนจากเดิม 6 คน และ 23 จ.อุดรธานี จะเหลือส.ส. 9 คน จากเดิม 10 คน
ทั้งนี้กกต.ได้มีการเตรียมการในกรณีหากนายกฯ ประกาศยุบสภาก่อนเดือนมี.ค. และกรณีที่กรมการปกครองยังไม่มีการประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ. 31 ธ.ค. 53 ออกมา ก็จะทำให้กกต. ต้องใช้ฐานข้อมูลจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรที่มีการประกาศล่าสุดคือของ ณ. วันที่ 31 ธ.ค. 52 มาเป็นหลักในการคำนวนจำนวนส.ส. ที่แต่ละจังหวัดพึงมี ซึ่งก็จะทำให้มีส.ส.เขตลดลง โดยแตกต่างจากข้างต้นใน 2 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จะมีส.ส.เหลือ 34 คนจากเดิม 36 คน และกระบี่ จะเหลือส.ส.2 คนจากเดิม 3 คน
ส่วนอีก 53 จังหวัดนั้น จำนวนที่เพิ่มขึ้นของราษฎร ไม่มีผลให้จำนวนส.ส.เปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธ.ค. 50 โดยจังหวัดที่จะมีส.ส. เพียง 1 คนมี 4 จังหวัด คือ ตราด ระนอง สุมทรสงคราม สิงห์บุรี จังหวัดที่มี ส.ส. 2 คน มี 7 จังหวัด คือ ชัยนาท ภูเก็ต มุกดาหาร สตูล อ่างทอง อำนาจเจริญ อุทัยธานี
จังหวัดที่มี ส.ส. 3 คน มี16 จังหวัด คือ กระบี่ จันทบุรี ชุมพร ตาก น่าน ประจวบ ปราจีนบุรี พะเยา พัทลุง เพชรบุรี แพร่ ยะลา สมุทรสาคร สระแก้ว หนองบัวลำภู และอุตรดิตถ์ จังหวัดที่มี ส.ส.4 คน มี 8 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ตรัง นครพนม ปัตตานี ระยอง เลย สระบุรี สุโขทัย จังหวัดที่มี ส.ส. 5 คน มี 7จังหวัดคือ กาญจนบุรี นครปฐม นนทบุรี อยุธยา พิษณุโลก ราชบุรี สุพรรณบุรี
จังหวัดที่มี ส.ส. 6 คนมี 4 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ ปทุมธานี เพชรบูรณ์ สุราษฎร์ธานี จังหวัดที่มีส.ส. 7 คน มี 3 จังหวัดคือ ชัยภูมิ สกลนคร สมุทรปราการ จังหวัดที่มี ส.ส. 8 คน มี 3 จังหวัด คือชลบุรี ร้อยเอ็ด สงขลา และจังหวัดที่มี ส.ส. 11 คนคือ จ. อุบลราชธานี
ส่วนงบประมาณที่จะใช้ในการเลือกตั้ง จะขอจากงบกลางซึ่งต้องใช้ประมาณ 3,800 ล้านเศษ เท่ากับส.ส. 1 คน จะใช้ค่าจัดการเลือกตั้งราว 8 ล้านบาท
** ปชป.จัดงานระดมทุน 8 มี.ค.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะมีการจัดงานเลี้ยงระดมทุนเข้าพรรค ในวันที่ 8 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง มีหน้าที่รับผิดชอบในการเตรียมการเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้งทั้งหมด และที่ตนจะต้องรีบทำคือการเตรียมตัวผู้สมัครให้ครบทุกพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าการระดมทุนในครั้งนี้ ขายบัตรไม่เข้าเป้า นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนด เราจะไปขอเงินเขาแล้วจะไปตั้งเป้าไม่ได้ แต่คิดว่าจะเชิญคนมาร่วมงานประมาณ 2,500 คน เพื่อพูดคุยให้ฟัง ถึงการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต ว่าจะทำอย่างไรบ้าง
สำหรับปัญหาเรื่องผู้สมัคร ที่มีจำนวนลดลง จากเดิม 400 คนเหลือ 375 คน ก็จะนำ จำนวน ส.ส.เขตที่ลดลงนั้นไปอยู่ในบัญชีรายชื่อแทน โดยจัดให้อยู่ในลำดับที่คิดว่า เขาจะได้เป็นส.ส. ซึ่ง ตนเป็นผู้บริหารจัดการ ในฐานะเลขาธิการพรรค ก็จะทำให้เรียบร้อย ไม่ให้มีปัญหา
