ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93-98 ว่าด้วยเขตเลือกตั้ง ตามที่คณะกรรมการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน ได้ผ่านสภาในวาระ 1 ไปแล้วนั้น นอกจากจะแก้ไขให้กลับไปสู่ระบบ "วันแมนวันโหวต" หรือระบบ "เขตเดียวเบอร์เดียว" แล้ว ยังมีการกำหนดจำนวน ส.ส.ไว้ทั้งหมด 500 คน แบ่งเป็นส.ส.เขต 375 คน และส.ส.ระบบสัดส่วน 125 คน จากเดิมที่มีส.ส.เขต 400 คน และส.ส.ระบบสัดส่วน 100 คน
ทั้งนี้ จะมีจังหวัดที่มีจำนวนส.ส.ระบบเขต ที่เปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น 24 จังหวัด จำนวน 25 ที่นั่ง ดังนี้
กรุงเทพฯ ส.ส. ลดลง 2 คน จาก 36 คน เหลือ 34 คน ภาคกลาง คือ จ.นครนายก จาก 2 คนลดลงเหลือ 1 คน จ.นครสวรรค์ จาก 7 คนลดเหลือ 6 คน จ.ลพบุรี จาก 5 คน ลดเหลือ 4 คน รวมหายไป 3 คน
ภาคใต้ จ.กระบี่ จาก 3 คน ลดเหลือ 2 คน จ.นครศรีธรรมราช จาก 10 คน ลดเหลือ 9 คน จ.นราธิวาส จาก 5 คน ลดเหลือ 4 คน จ.พังงา จาก 2 คน ลดเหลือ 1 คน รวมหายไป 4 คน
ภาคอีสาน จ.มหาสารคาม จาก 6 คน ลดเหลือ 5 คน จ. ขอนแก่น จาก 11 คนลดเหลือ 10 คน จ.นครราชสีมา จาก 16 คน ลดเหลือ 15 คน จ.บุรีรัมย์ จาก 10 คน ลดเหลือ 9 คน จ.ยโสธร จาก 4 คน ลดเหลือ 3 คน จ.ศรีสะเกษ จาก 9 คนลดเหลือ 8 คน จ.สุรินทร์ จาก 6 คน ลดเหลือ 5 คน จ.หนองคาย จาก 6 คนลดเหลือ 5 คน จ.อุดรธานี จาก 10 คน ลดเหลือ 9 คน รวมทั้งสิ้นลดไป 9 คน
ภาคเหนือ จ.กำแพงเพชร จาก 11 คน ลดเหลือ 10 คน จ.เชียงราย จาก 8 คนลดเหลือ 7 คน จ.เชียงใหม่ จาก 11 คนลดเหลือ 10 คน จ. พิจิตร จาก 4 คนลดเหลือ 3 คน จ.แม่ฮ่องสอน จาก 2 คน ลดเหลือ 1 คน จ. ลำปาง จาก 5 คน ลดเหลือ 4 คน และ จ.ลำพูน จาก 3 คน เหลือ 2 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน
จากข้อมูลรายละเอียดดังกล่าว ทำให้มีเสียงคัดค้านจาก พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นฝ่ายค้าน รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาแล้ว
เพราะจำนวนส.ส.เขตที่หดหายไปนั้น 16 ที่นั่ง เป็นส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา
ขณะที่ ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ หายไปเพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น ที่เหลือเป็นพื้นที่ กทม.และภาคกลาง อีกเพียงเล็กน้อย
ขณะที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่เพิ่มขึ้นจาก 100 คนเป็น 125 คนนั้น ก็มีการวิเคราะห์จากข้อมูลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า พรรคที่จะได้เปรียบก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเป็นพรรคใหญ่ และอยู่ในฐานะแกนนำรัฐบาล ซึ่งพฤติกรรมการเลือกพรรคของประชาชนนั้น ส่วนใหญ่จะเลือกพรรคที่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน
จึงต้องจับตาว่าในชั้นแปรญัตติของกรรมาธิการ และการลงมิติในวาระ 2 วาระ 3 ประชาธิปัตย์ จะยังคงยืนหยัดในสูตร 375+125 ตามระบบใหม่ หรือจะต้องกลับไปเป็นสูตร 400-100 ตามแรงผลักดันของฝ่ายค้าน และ 2 พรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ จะมีจังหวัดที่มีจำนวนส.ส.ระบบเขต ที่เปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น 24 จังหวัด จำนวน 25 ที่นั่ง ดังนี้
กรุงเทพฯ ส.ส. ลดลง 2 คน จาก 36 คน เหลือ 34 คน ภาคกลาง คือ จ.นครนายก จาก 2 คนลดลงเหลือ 1 คน จ.นครสวรรค์ จาก 7 คนลดเหลือ 6 คน จ.ลพบุรี จาก 5 คน ลดเหลือ 4 คน รวมหายไป 3 คน
ภาคใต้ จ.กระบี่ จาก 3 คน ลดเหลือ 2 คน จ.นครศรีธรรมราช จาก 10 คน ลดเหลือ 9 คน จ.นราธิวาส จาก 5 คน ลดเหลือ 4 คน จ.พังงา จาก 2 คน ลดเหลือ 1 คน รวมหายไป 4 คน
ภาคอีสาน จ.มหาสารคาม จาก 6 คน ลดเหลือ 5 คน จ. ขอนแก่น จาก 11 คนลดเหลือ 10 คน จ.นครราชสีมา จาก 16 คน ลดเหลือ 15 คน จ.บุรีรัมย์ จาก 10 คน ลดเหลือ 9 คน จ.ยโสธร จาก 4 คน ลดเหลือ 3 คน จ.ศรีสะเกษ จาก 9 คนลดเหลือ 8 คน จ.สุรินทร์ จาก 6 คน ลดเหลือ 5 คน จ.หนองคาย จาก 6 คนลดเหลือ 5 คน จ.อุดรธานี จาก 10 คน ลดเหลือ 9 คน รวมทั้งสิ้นลดไป 9 คน
ภาคเหนือ จ.กำแพงเพชร จาก 11 คน ลดเหลือ 10 คน จ.เชียงราย จาก 8 คนลดเหลือ 7 คน จ.เชียงใหม่ จาก 11 คนลดเหลือ 10 คน จ. พิจิตร จาก 4 คนลดเหลือ 3 คน จ.แม่ฮ่องสอน จาก 2 คน ลดเหลือ 1 คน จ. ลำปาง จาก 5 คน ลดเหลือ 4 คน และ จ.ลำพูน จาก 3 คน เหลือ 2 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน
จากข้อมูลรายละเอียดดังกล่าว ทำให้มีเสียงคัดค้านจาก พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นฝ่ายค้าน รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาแล้ว
เพราะจำนวนส.ส.เขตที่หดหายไปนั้น 16 ที่นั่ง เป็นส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา
ขณะที่ ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ หายไปเพียง 4 ที่นั่งเท่านั้น ที่เหลือเป็นพื้นที่ กทม.และภาคกลาง อีกเพียงเล็กน้อย
ขณะที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่เพิ่มขึ้นจาก 100 คนเป็น 125 คนนั้น ก็มีการวิเคราะห์จากข้อมูลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า พรรคที่จะได้เปรียบก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเป็นพรรคใหญ่ และอยู่ในฐานะแกนนำรัฐบาล ซึ่งพฤติกรรมการเลือกพรรคของประชาชนนั้น ส่วนใหญ่จะเลือกพรรคที่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน
จึงต้องจับตาว่าในชั้นแปรญัตติของกรรมาธิการ และการลงมิติในวาระ 2 วาระ 3 ประชาธิปัตย์ จะยังคงยืนหยัดในสูตร 375+125 ตามระบบใหม่ หรือจะต้องกลับไปเป็นสูตร 400-100 ตามแรงผลักดันของฝ่ายค้าน และ 2 พรรคร่วมรัฐบาล
