00 การชุมนุมของพี่น้องพันธมิตรฯที่เริ่มดีเดย์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาถือว่า “หนาตา” เกินคาด แม้กระทั่งคนในรัฐบาลก็คงคาดไม่ถึงว่าจะมาขนาดนี้ เพราะเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่สุดสัปดาห์ที่จะต้องมีคนที่เลิกงานมาสมทบอีกไม่น้อย ตอนแรกคงคิดว่ามีพี่น้องจำนวนหนึ่งที่ยังหลงใหลปชป.และหลงคารมความหล่อของ “หนุ่มมาร์ค” แล้วแยกตัวไป คงทำให้พันธมิตรฯแห้งตายแน่ แต่กลายเป็นตรงกันข้าม และนับวันต้องออกมาเพิ่มหลังจากได้เห็นลีลาธาตุแท้ของคนในรัฐบาลตำตาอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะพฤติกรรม “สวมตอ” โกง-ขายชาติ เพียงแต่ต้องทำใจ “ลากยาว” หากต้องสู้กับ “มารในร่างเทพ” นี่แหละ
00 ข่าวล่ามาเร็วเมื่อตอนสายวานนี้( 26 ม.ค.)แจ้งว่าเขมรได้เปลี่ยนป้ายที่ปักไว้บริเวณหน้าวัดแก้วศิขาคีรีสวาระจากเดิมที่สลักข้อความประณามไทยเป็นผู้รุกราน โดยเปลี่ยนเป็นข้อความใหม่ว่า “ที่นี่กัมพูชา” ถือว่า “หนักกว่า” เก่า เพราะเป็นการประกาศอธิปไตยอย่างเปิดเผย
00 อย่างไรก็ดี แม้ว่าล่าสุด เมื่อตอนสายวานนี้( 26 ม.ค.)พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้นำทหารจำนวนหนึ่งบุกขึ้นไปบนเขา หน้าวัดแก้วศิขาฯเจรจาให้ฝ่ายทหารกัมพูชาถอนป้ายข้อความใหม่ออกไป แต่ก็เจอลูกตุกติกโยกโย้ ทำให้ฝ่ายไทยต้องติดป้ายเขียนข้อความในลักษณะเดียวกันบ้าง แม้เหตุการณ์จะตึงเครียดในช่วงนั้น แต่ในที่สุดก็ได้ตกลงกันได้ว่าต่างฝ่ายต่างทุบทำลายป้ายทิ้ง
00 เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่าถ้าเราแข็งขืน ฝ่ายกัมพูชามันก็ต้อง “หงอ”วันยังค่ำ เพราะมันด้อยกว่าเราทุกทาง ด้อยในที่นี้หมายถึงกำลังทหาร แต่ที่ผ่านมาฝ่ายเรามันเฉื่อยแฉะไม่เคยใช้ความได้เปรียบให้เป็นประโยชน์ พิทักษ์ความยุติธรรมให้คนไทย ประเทศไทย เป็นเพราะ“ข้างบน” มันมีผลประโยชน์อะไรจุกปากอยู่ในเปล่า ต้องถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่าทำไมยังปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามคืบเข้ามาตลอด ทุด !!
00 เสร็จสมอารมณ์หมายกันไปอีกขยักหนึ่งแล้ว กับมติผ่านร่างแก้ไขรธน.วาระที่สอง ทั้งในเรื่อง ม.190 เกี่ยวกับหนังสือสัญญากับต่างประเทศ และม.93-98 เกี่ยวกับเรื่อง “แบ่งเขตเล็ก” และ สัดส่วน ส.ส.ซึ่งในที่สุดเสียงส่วนใหญ่ก็ลากถูลู่ถูกังกันไปเรียบร้อย ตามสูตร “มาร์ค-เทือก” คือ 375-125 จากนั้นค่อยมาว่ากันในวาระที่ 3 ที่ต้องเว้นช่วง 15 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 11 ก.พ.ที่จะถึงนี้
00 มองตามรูปการณ์แล้ว เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะนาทีนี้ถือว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้ยอม “อ่อนข้อ” ให้เรียบร้อยแล้ว แต่การที่จู่ๆโหวตแบบ “กลับหลังหัน” แบบนั้นมันก็ย่อมมีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็เรื่องคำขู่ “ยุบสภา” หากไม่ผ่านและสองคำสัญญาในเรื่อง “โควตาเดิม” ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง นั่นคือส่งสัญญาณ “ฮั้ว” ล่วงหน้า เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเชื่อว่าเมื่อถึงวันโหวตวาระที่ 3 ก็ไร้ปัญหา ก็อย่างที่เคยย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า พวก “นักเลือกตั้ง” เขาประสานประโยชน์กันง่าย ไอ้ประเภททำขึงขังเอาเป็นเอาตาย แต่จู่ๆก็พลิกผันเป็นตรงกันข้ามหน้าตาเฉย ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมด้วยว่านี่เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง ชาวบ้านไม่เกี่ยว
00 ข่าวการจับกุม 4 ผู้ต้องหาพร้อมอาวุธสงครามแบบเต็มพิกัด เบื้องต้นบอกว่าเป็น “การ์ดแดง” มีการแถลงข่าวอย่างเอิกเกริก บอกว่ามูลเหตุจูงใจมาจาก “เกลียดพันธมิตร-สันติอโศก” แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าถูกสงสัยว่านี่คือ รายการ “จัดฉาก” พ่วงกับ “แผนเลื่อยเก้าอี้” ตามมา ทำให้ต้องติดตามเบาะแสกันอย่างใกล้ชิด ประเภทตาไม่กระพริบทีเดียว เพราะว่ากันว่างานนี้มีคนเครียดกันหลายคน
00 ข้อสังเกตก็คือการจับกุมเกิดขึ้นในท้องที่ บก.น.1 แต่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ กลับไม่รู้เรื่อง หัวหน้าทีม ฉก.จับกุมคือ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 ส่วนหัวขบวนก็เป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สบ.10 ขณะที่ ผบ.ตร.ก็ใบ้กิน เวลารายงานก็รายงานตรง “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงทำเนียบฯ ข่าวว่างานนี้ไม่ธรรมดา หรือว่าต้นเหตุอาจมาจากเรื่องตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่คนของฝ่ายการเมืองเสนอไป “สอบตก” หมดทำให้ “เสียหน้า” ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงหรือไม่ ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้จริงก็อย่าไปโทษคนอื่นให้ประจานตัวเองเลย ทำไมไม่ชะโงก “ดูเงา” ของตัวเองบ้างว่ามี “น้ำยา” แค่ไหน
00 ถามว่าที่ผ่านมาไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตามที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าไปกำกับดูแลจะมีความมั่นคง มีประสิทธิภาพ ไม่มีความแตกแยก รวมไปถึงไม่มีข้อครหาในเรื่อง “ทุจริต” บางหน่วยงานก็ข้ามฟากเข้าไปดูแลแบบพิลึกพิลั่น เช่น เป็นรองนายกฯด้านความมั่นคงแต่กลับไปดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เช่นโควตาน้ำมันปาล์ม หรือการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติในทะเล หรือเจรจารถไฟความเร็วสูงกับจีน ถ้าจะตะแบงว่านี่คือเรื่องความมั่นคงมันก็ใช่ แต่ทีเรื่องความมั่นคงโดยตรง ทำไมทำให้ “ไม่มั่นคง” ละ เช่นปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้ “มาตายถูกทาง” รายวัน ชายแดนไทย-เขมร ดังนั้นถ้าให้วกมาสรุปเรื่องจับมือบึ้มเตรียมป่วนม็อบพันธมิตรฯก็ต้องติดตามดูต่อไปเพราะถ้าเป็นละครจัดฉากรับรองว่า ไม่นาน “หาง” ก็ต้องโผล่แน่นอน !!
00 ข่าวล่ามาเร็วเมื่อตอนสายวานนี้( 26 ม.ค.)แจ้งว่าเขมรได้เปลี่ยนป้ายที่ปักไว้บริเวณหน้าวัดแก้วศิขาคีรีสวาระจากเดิมที่สลักข้อความประณามไทยเป็นผู้รุกราน โดยเปลี่ยนเป็นข้อความใหม่ว่า “ที่นี่กัมพูชา” ถือว่า “หนักกว่า” เก่า เพราะเป็นการประกาศอธิปไตยอย่างเปิดเผย
00 อย่างไรก็ดี แม้ว่าล่าสุด เมื่อตอนสายวานนี้( 26 ม.ค.)พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้นำทหารจำนวนหนึ่งบุกขึ้นไปบนเขา หน้าวัดแก้วศิขาฯเจรจาให้ฝ่ายทหารกัมพูชาถอนป้ายข้อความใหม่ออกไป แต่ก็เจอลูกตุกติกโยกโย้ ทำให้ฝ่ายไทยต้องติดป้ายเขียนข้อความในลักษณะเดียวกันบ้าง แม้เหตุการณ์จะตึงเครียดในช่วงนั้น แต่ในที่สุดก็ได้ตกลงกันได้ว่าต่างฝ่ายต่างทุบทำลายป้ายทิ้ง
00 เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่าถ้าเราแข็งขืน ฝ่ายกัมพูชามันก็ต้อง “หงอ”วันยังค่ำ เพราะมันด้อยกว่าเราทุกทาง ด้อยในที่นี้หมายถึงกำลังทหาร แต่ที่ผ่านมาฝ่ายเรามันเฉื่อยแฉะไม่เคยใช้ความได้เปรียบให้เป็นประโยชน์ พิทักษ์ความยุติธรรมให้คนไทย ประเทศไทย เป็นเพราะ“ข้างบน” มันมีผลประโยชน์อะไรจุกปากอยู่ในเปล่า ต้องถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่าทำไมยังปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามคืบเข้ามาตลอด ทุด !!
00 เสร็จสมอารมณ์หมายกันไปอีกขยักหนึ่งแล้ว กับมติผ่านร่างแก้ไขรธน.วาระที่สอง ทั้งในเรื่อง ม.190 เกี่ยวกับหนังสือสัญญากับต่างประเทศ และม.93-98 เกี่ยวกับเรื่อง “แบ่งเขตเล็ก” และ สัดส่วน ส.ส.ซึ่งในที่สุดเสียงส่วนใหญ่ก็ลากถูลู่ถูกังกันไปเรียบร้อย ตามสูตร “มาร์ค-เทือก” คือ 375-125 จากนั้นค่อยมาว่ากันในวาระที่ 3 ที่ต้องเว้นช่วง 15 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 11 ก.พ.ที่จะถึงนี้
00 มองตามรูปการณ์แล้ว เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะนาทีนี้ถือว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้ยอม “อ่อนข้อ” ให้เรียบร้อยแล้ว แต่การที่จู่ๆโหวตแบบ “กลับหลังหัน” แบบนั้นมันก็ย่อมมีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็เรื่องคำขู่ “ยุบสภา” หากไม่ผ่านและสองคำสัญญาในเรื่อง “โควตาเดิม” ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง นั่นคือส่งสัญญาณ “ฮั้ว” ล่วงหน้า เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเชื่อว่าเมื่อถึงวันโหวตวาระที่ 3 ก็ไร้ปัญหา ก็อย่างที่เคยย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า พวก “นักเลือกตั้ง” เขาประสานประโยชน์กันง่าย ไอ้ประเภททำขึงขังเอาเป็นเอาตาย แต่จู่ๆก็พลิกผันเป็นตรงกันข้ามหน้าตาเฉย ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมด้วยว่านี่เป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง ชาวบ้านไม่เกี่ยว
00 ข่าวการจับกุม 4 ผู้ต้องหาพร้อมอาวุธสงครามแบบเต็มพิกัด เบื้องต้นบอกว่าเป็น “การ์ดแดง” มีการแถลงข่าวอย่างเอิกเกริก บอกว่ามูลเหตุจูงใจมาจาก “เกลียดพันธมิตร-สันติอโศก” แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าถูกสงสัยว่านี่คือ รายการ “จัดฉาก” พ่วงกับ “แผนเลื่อยเก้าอี้” ตามมา ทำให้ต้องติดตามเบาะแสกันอย่างใกล้ชิด ประเภทตาไม่กระพริบทีเดียว เพราะว่ากันว่างานนี้มีคนเครียดกันหลายคน
00 ข้อสังเกตก็คือการจับกุมเกิดขึ้นในท้องที่ บก.น.1 แต่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ กลับไม่รู้เรื่อง หัวหน้าทีม ฉก.จับกุมคือ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 ส่วนหัวขบวนก็เป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สบ.10 ขณะที่ ผบ.ตร.ก็ใบ้กิน เวลารายงานก็รายงานตรง “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงทำเนียบฯ ข่าวว่างานนี้ไม่ธรรมดา หรือว่าต้นเหตุอาจมาจากเรื่องตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่คนของฝ่ายการเมืองเสนอไป “สอบตก” หมดทำให้ “เสียหน้า” ต้องหัวฟัดหัวเหวี่ยงหรือไม่ ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้จริงก็อย่าไปโทษคนอื่นให้ประจานตัวเองเลย ทำไมไม่ชะโงก “ดูเงา” ของตัวเองบ้างว่ามี “น้ำยา” แค่ไหน
00 ถามว่าที่ผ่านมาไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตามที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าไปกำกับดูแลจะมีความมั่นคง มีประสิทธิภาพ ไม่มีความแตกแยก รวมไปถึงไม่มีข้อครหาในเรื่อง “ทุจริต” บางหน่วยงานก็ข้ามฟากเข้าไปดูแลแบบพิลึกพิลั่น เช่น เป็นรองนายกฯด้านความมั่นคงแต่กลับไปดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เช่นโควตาน้ำมันปาล์ม หรือการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติในทะเล หรือเจรจารถไฟความเร็วสูงกับจีน ถ้าจะตะแบงว่านี่คือเรื่องความมั่นคงมันก็ใช่ แต่ทีเรื่องความมั่นคงโดยตรง ทำไมทำให้ “ไม่มั่นคง” ละ เช่นปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้ “มาตายถูกทาง” รายวัน ชายแดนไทย-เขมร ดังนั้นถ้าให้วกมาสรุปเรื่องจับมือบึ้มเตรียมป่วนม็อบพันธมิตรฯก็ต้องติดตามดูต่อไปเพราะถ้าเป็นละครจัดฉากรับรองว่า ไม่นาน “หาง” ก็ต้องโผล่แน่นอน !!
