00 มองออกไม่ยากว่าการออกทีวีชี้แจงกรณีชายแดนไทย-กัมพูชานานเกือบชั่วโมงของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อตอนค่ำวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมาเป็นแค่ “สยบม็อบ” ล่วงหน้าเท่านั้น เพราะรู้กันแล้วว่าในวันอังคารที่ 25 ม.ค.คือวันนี้ กลุ่มพันธมิตรฯและคนไทยรักชาติทั้งมวลนัดหมายกันชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่ “บังอาจ” กระทำการ “ขายชาติ” ทำลายศักดิ์ศรี แถมยังยัดข้อหาจนทำให้กัมพูชาจับขังคุก สูญเสียอิสรภาพ
00 การชี้แจงประเด็นสำคัญก็คือต้องการยืนยันความจำเป็นของ เอ็มโอยู 43 ว่าไม่ใช่เป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนพิพาท สองการชี้แจงครั้งนี้เพื่อ “สร้างภาพ” ให้คนทั่วไปได้เห็นว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผล เมื่อสงสัยอะไรก็ออกมาชี้แจงให้เข้าใจ ทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายที่ออกมาชุมนุม เป็นพวก “ไร้เหตุผล” ดันทุรังไม่เลิก อะไรประมาณนั้น
00 ใครได้ฟังคำพูดของนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อค่ำวันที่ 23 ม.ค.โทนย่อมไปในทางนั้นจริงๆ ว่ามีเจตนาใช้ “วาทศิลป์” ใช้คำพูดสุภาพ ไม่ติดขัด บางครั้งอธิบาย “เรื่องยาก” ให้ “เข้าใจยาก” และเป็นเรื่องที่ “แก้ปัญหายาก” เหมือนกับยกตัวอย่างกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีมานานหลายรัฐบาล ซึ่งกรณีดังกล่าวเหมือนจงใจทำให้ “เข้าใจยาก” แต่ใช้คำพูดที่ฟังดูลื่นไหล “ฟังเพลินแต่ไม่เข้าใจ” !!
00 อย่างไรก็ดีเท่าที่สรุปความตั้งแต่ต้นจนจบก็คือ บริเวณที่ 7 คนไทยถูกเขมรจับกุมนั้นยัง “ไม่ชัดเจน” ว่าเป็นเขตแดนของใคร ซึ่ง นายกฯบอกว่าต้องใช้ “เจบีซี” และ “เอ็มโอยู43” เจรจาหาข้อยุติกันต่อไป รวมทั้งกรณีที่ศาลกัมพูชาตัดสินความผิดคนไทยว่า “รุกล้ำแดน” ก็ไม่ผล และจะทำหนังสือประท้วงชี้แจงในอนาคต
00 ฟังดูแล้วมันก็เคลิ้มเพลิดเพลินดีเพราะไม่ติดขัด แต่คงหลงลืมไปว่า เคยมี “สุนัข” สองสามตัวในรัฐบาลไทยที่ไป “การันตี” ให้เสร็จสรรพว่าคนไทยทั้ง 7 คนรุกล้ำแดนเขาไปแล้ว และทุกคนก็บอกว่าให้ “ยอมรับศาลกัมพูชา” ขณะที่บางคนที่ “หน้าดำๆ” เป็นถึงรองนายกฯเสียด้วยเคยบอกว่ารุกเข้าไปถึง 1.2 กิโลเมตร ใช่ สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือเปล่า หรือ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ใช่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมหรือเปล่า หรือว่าใช่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือเปล่าที่บอกว่าให้ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา ลืมไปแล้วหรือ มาวันนี้ทำไมถึง “กลืนน้ำลาย”จนมั่วไปหมดแล้ว
00 นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นตำตาว่า “รัฐบาลไทย” และ “กองทัพไทย” ในยุคปัจจุบัน บ่มิไก๊ ถูกเขมรดูถูกเหยียดหยามตลอดเวลา จะชี้นำเล่นเกมไปทางไหนก็ได้มันน่าอดสูจริงๆ การที่เขียนป้ายอย่างเป็นทางการ ด่ารัฐบาล-ทหารไทย ว่า “เป็นผู้รุกราน” ปักให้เห็นเด่นชัดที่วัดแก้วศิขาคีรีสวาระที่ชายแดนประสาทพระวิหาร มันก็ได้เห็นปัญหาขึ้นมาอีก และการที่นายกฯบอกว่าได้สั่งการให้ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปคุยกับเขมรให้รื้อถอนนั้น เขาก็ตอบกลับมาทันควันแล้วว่า “ไม่” แล้วไงต่อละท่านนายกฯ จะออกทีวีชี้แจง “ฮุนเซน” อีกมั๊ย
00 สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา งานนี้ถือว่าจะเป็นการพิสูจน์กันให้เห็นในอีกไม่นานว่ามีฝีมือเด็ดขาดแค่ไหนเมื่อเทียบกับฝีปากที่ “จัดจ้าน” ไปก่อนหน้านี้ ขออย่าให้เข้าตำรา “ดีแต่ปาก” ก็แล้วกัน หรืออย่าดีแต่ “เอาเรื่องกับคนไทย” ด้วยกันเท่านั้น
00 ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนักข่าว “อ่อนหัด”ที่ถามรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเรื่อยกรณีเหตุการณ์รุนแรงชายแดนใต้ที่ปะทุขึ้นมารุนแรงว่าจะต้องเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่ แทนที่จะถามว่าเมื่อเหตุการณ์จริง “ตบหน้า” ฉาดใหญ่แบบนี้สมควรต้องเปลี่ยนตัวรองนายกฯความมั่นคงที่ชื่อ สุเทพ กับ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร หรือไม่ น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะคนพวกนี้ไม่เคยสร้างความมั่นคงให้กับชาติบ้านเมืองเลย ยกเว้นสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองเท่านั้น ทุด !!
00 วันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับนักเลือกตั้งทั้งหลาย เพราะวาระการแก้ไข รธน.แบ่งเขตเล็กจะเข้าสภาพิจารณาวาระสอง เชื่อว่าคงต้องเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่า “ใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน แต่เชื่อว่าในที่สุดมันก็ “ฮั้ว” กันลงตัวจนได้ อย่าห่วง ประเภทที่ยังทำฮึดฮัด ไม่ว่าจะเป็น “หลงจู๊บรรหาร” เนวิน ชิดชอบ หรือใครก็ตามสุดท้ายก็สุมหัวแบ่งๆกันไป !!
00 การชี้แจงประเด็นสำคัญก็คือต้องการยืนยันความจำเป็นของ เอ็มโอยู 43 ว่าไม่ใช่เป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายกัมพูชาอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนพิพาท สองการชี้แจงครั้งนี้เพื่อ “สร้างภาพ” ให้คนทั่วไปได้เห็นว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผล เมื่อสงสัยอะไรก็ออกมาชี้แจงให้เข้าใจ ทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายที่ออกมาชุมนุม เป็นพวก “ไร้เหตุผล” ดันทุรังไม่เลิก อะไรประมาณนั้น
00 ใครได้ฟังคำพูดของนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อค่ำวันที่ 23 ม.ค.โทนย่อมไปในทางนั้นจริงๆ ว่ามีเจตนาใช้ “วาทศิลป์” ใช้คำพูดสุภาพ ไม่ติดขัด บางครั้งอธิบาย “เรื่องยาก” ให้ “เข้าใจยาก” และเป็นเรื่องที่ “แก้ปัญหายาก” เหมือนกับยกตัวอย่างกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีมานานหลายรัฐบาล ซึ่งกรณีดังกล่าวเหมือนจงใจทำให้ “เข้าใจยาก” แต่ใช้คำพูดที่ฟังดูลื่นไหล “ฟังเพลินแต่ไม่เข้าใจ” !!
00 อย่างไรก็ดีเท่าที่สรุปความตั้งแต่ต้นจนจบก็คือ บริเวณที่ 7 คนไทยถูกเขมรจับกุมนั้นยัง “ไม่ชัดเจน” ว่าเป็นเขตแดนของใคร ซึ่ง นายกฯบอกว่าต้องใช้ “เจบีซี” และ “เอ็มโอยู43” เจรจาหาข้อยุติกันต่อไป รวมทั้งกรณีที่ศาลกัมพูชาตัดสินความผิดคนไทยว่า “รุกล้ำแดน” ก็ไม่ผล และจะทำหนังสือประท้วงชี้แจงในอนาคต
00 ฟังดูแล้วมันก็เคลิ้มเพลิดเพลินดีเพราะไม่ติดขัด แต่คงหลงลืมไปว่า เคยมี “สุนัข” สองสามตัวในรัฐบาลไทยที่ไป “การันตี” ให้เสร็จสรรพว่าคนไทยทั้ง 7 คนรุกล้ำแดนเขาไปแล้ว และทุกคนก็บอกว่าให้ “ยอมรับศาลกัมพูชา” ขณะที่บางคนที่ “หน้าดำๆ” เป็นถึงรองนายกฯเสียด้วยเคยบอกว่ารุกเข้าไปถึง 1.2 กิโลเมตร ใช่ สุเทพ เทือกสุบรรณ หรือเปล่า หรือ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ใช่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมหรือเปล่า หรือว่าใช่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือเปล่าที่บอกว่าให้ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา ลืมไปแล้วหรือ มาวันนี้ทำไมถึง “กลืนน้ำลาย”จนมั่วไปหมดแล้ว
00 นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นตำตาว่า “รัฐบาลไทย” และ “กองทัพไทย” ในยุคปัจจุบัน บ่มิไก๊ ถูกเขมรดูถูกเหยียดหยามตลอดเวลา จะชี้นำเล่นเกมไปทางไหนก็ได้มันน่าอดสูจริงๆ การที่เขียนป้ายอย่างเป็นทางการ ด่ารัฐบาล-ทหารไทย ว่า “เป็นผู้รุกราน” ปักให้เห็นเด่นชัดที่วัดแก้วศิขาคีรีสวาระที่ชายแดนประสาทพระวิหาร มันก็ได้เห็นปัญหาขึ้นมาอีก และการที่นายกฯบอกว่าได้สั่งการให้ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปคุยกับเขมรให้รื้อถอนนั้น เขาก็ตอบกลับมาทันควันแล้วว่า “ไม่” แล้วไงต่อละท่านนายกฯ จะออกทีวีชี้แจง “ฮุนเซน” อีกมั๊ย
00 สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา งานนี้ถือว่าจะเป็นการพิสูจน์กันให้เห็นในอีกไม่นานว่ามีฝีมือเด็ดขาดแค่ไหนเมื่อเทียบกับฝีปากที่ “จัดจ้าน” ไปก่อนหน้านี้ ขออย่าให้เข้าตำรา “ดีแต่ปาก” ก็แล้วกัน หรืออย่าดีแต่ “เอาเรื่องกับคนไทย” ด้วยกันเท่านั้น
00 ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนักข่าว “อ่อนหัด”ที่ถามรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเรื่อยกรณีเหตุการณ์รุนแรงชายแดนใต้ที่ปะทุขึ้นมารุนแรงว่าจะต้องเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 หรือไม่ แทนที่จะถามว่าเมื่อเหตุการณ์จริง “ตบหน้า” ฉาดใหญ่แบบนี้สมควรต้องเปลี่ยนตัวรองนายกฯความมั่นคงที่ชื่อ สุเทพ กับ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร หรือไม่ น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะคนพวกนี้ไม่เคยสร้างความมั่นคงให้กับชาติบ้านเมืองเลย ยกเว้นสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองเท่านั้น ทุด !!
00 วันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับนักเลือกตั้งทั้งหลาย เพราะวาระการแก้ไข รธน.แบ่งเขตเล็กจะเข้าสภาพิจารณาวาระสอง เชื่อว่าคงต้องเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่า “ใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน แต่เชื่อว่าในที่สุดมันก็ “ฮั้ว” กันลงตัวจนได้ อย่าห่วง ประเภทที่ยังทำฮึดฮัด ไม่ว่าจะเป็น “หลงจู๊บรรหาร” เนวิน ชิดชอบ หรือใครก็ตามสุดท้ายก็สุมหัวแบ่งๆกันไป !!