วานนี้(24 ม.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา สมัยสามัญทั่วไปนัดแรก มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม หลังจากที่ประชุมรับทราบพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไป พ.ศ.2554 ช่วงก่อนเข้าวาระเรื่องด่วน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เสนอให้มีการหารือเรื่องการดำรงตำแหน่งของประธานวุฒิสภา ว่าการพูดอะไรในหมู่สมาชิกต้องยึดถือคำพูดที่พูดไว้ วันนี้สมาชิกมีความเห็นต่างกัน บางส่วนอยากให้นายประสพสุขอยู่ต่อ แต่บางส่วนอยากให้รักษาคำพูด
“ถ้าเป็นไปได้อยากขอความกรุณาประธานว่า อะไรที่เคยพูดหรือรับปากกันทั้งที่โบนันซ่า (โรงแรม ที่จ.นครราชสีมา) และห้องประธาน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรแน่ น่าจะทำให้มันจบไป ข่าวก็บอกว่า จะออกวันนั้นวันนี้ จึงอยากให้ยึดกฎกติกาไว้ ที่บอกว่ารอให้บ้านเมืองสงบก่อนนั้น เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร”กล่าวนายเรืองไกร
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี กล่าวว่า อยากถามความชัดเจน เพราะท่านเคยยืนยันจากปากท่านเอง แต่กลับเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย แต่ที่เราไม่ประเมิน เพราะเชื่อมั่นในคำพูดกัน ให้เกียรติกัน วันนี้ท่านมาเปลี่ยนแปลงคำพูดที่ให้ไว้ต่อหน้าตน และคนอื่น อยากถามว่า คำพูดที่ท่านรับปากทำไมจึงเปลี่ยนไป ไม่ทำตามที่พูดคุยไว้ ยืนยันว่ามีการพูดคุยกันจริง
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้ยินข่าวมาว่า นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี และนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ที่มีข่าวว่า จะลงชิงตำแหน่ง มีการจัดวางไว้เสร็จสรรพ ว่า ใครจะมาเป็นประธาน และรองประธานคนที่ 1 คนที่ 2 โดยได้ข่าวว่า นายนิคม มีการจัดตั้ง และเป็นคนวางแผนกดดันให้ประธานฯ ลาออกก่อน เพื่อให้มีการเลือกประธานใหม่ อาศัยเทคนิคตรงนี้ฉวยโอกาสก่อนจะมี ส.ว.สรรหา ชุดใหม่ จึงได้โทรศัพท์สอบถามนายนิคม ซึ่งได้ปฏิเสธ และตนยังเป็นต่อสาย ท่านนายนิคม พูดคุยกับนายประสพสุข ด้วย ก็ยืนยันว่าไม่เคยทำ แต่กลับมีข่าวว่าไปให้สัมภาษณ์ให้ประธานรักษาคำพูด คิดว่าตรงนี้ไม่ถูกต้อง ใครวางแผนอยากมาเป็นประธานตอนนี้ จะถูกกรรมสนอง เมื่อมี ส.ว.สรรหาชุดใหม่เข้ามา ก็จะถูกบีบลักษณะนี้เช่นกัน จะถูกลงโทษเช่นนี้ ถือว่ากรรมตามสนอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายของน.ส.สุมล ทำให้นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนไม่เคยออกมาให้ข่าวทำนองบีบประธานฯ ไม่เคยไปทวงถามที่ห้องประธานฯ ว่าจะลาออกเมื่อไร
นายประสพสุขกล่าวชี้แจงว่า ในการสัมมนาที่โบนันซ่าครบ 1 ปี ในการดำรงตำแหน่ง ส.ว.บอกว่าไม่ต้องประเมิน ตนก็บอกว่า อย่างนั้นก็เป็น 2 ปีพอ ตนก็มุ่งมั่นว่า 2 ปีก็จะพอแล้ว แต่พอครบเหตุการณ์บ้านเมืองเกิดไม่สงบ หลังเดือนธันวาคม 2553 บ้านเมืองสงบแล้ว ตนมุ่งมั่นจะทำตามพันธสัญญาโดยก่อนปีใหม่จะลาออก แต่มีบางคนมาบอกว่าลาออกตอนนี้ไม่มีประโยชน์ ย้ำตลอดว่าบ้านเมืองสงบแล้วและกำหนดจะลาออกวันที่ 18 มกราคม แต่มี ส.ว.หลายคณะเข้ามาหาให้อยู่ต่อบอกว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบ หลายคนก็บอกว่า ได้ประสานกับหลายคนที่จะลงชิงก็บอกว่าไม่ติดใจแล้ว มาวันนี้มีการทวงถามอีก บางฝ่ายก็อยากให้อยู่ต่อ ดังนั้น จึงขอให้เป็นมติของสมาชิกทุกคน ว่าจะให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการลงคะแนนด้วยวิธีเสียบบัตร ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ให้นายประสพสุขอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยคะแนน 53 ต่อ 9 งดออกเสียง 13 จากช่วงแรกที่เปิดประชุมมี ส.ว.เข้าประชุมจำนวน 137 คน โดยมี ส.ว.จำนวนมากได้เดินออกนอกห้องประชุมทันที ไม่ยอมลงคะแนน เพราะไม่อยากมีส่วนร่วมรับรู้ด้วย
ต่อมาเวลา 13.45 น. ตัวแทน ส.ว. เลือกตั้ง ทั้ง 29คน นำโดยนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ฯลฯร่วมกันแถลงกรณีการทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายประสพสุข ในหัวข้อ “ยื่นถึงนายประสพสุข บุญเดช ผู้หลงใหลอำนาจประธานวุฒิสภา”
“ถ้าเป็นไปได้อยากขอความกรุณาประธานว่า อะไรที่เคยพูดหรือรับปากกันทั้งที่โบนันซ่า (โรงแรม ที่จ.นครราชสีมา) และห้องประธาน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรแน่ น่าจะทำให้มันจบไป ข่าวก็บอกว่า จะออกวันนั้นวันนี้ จึงอยากให้ยึดกฎกติกาไว้ ที่บอกว่ารอให้บ้านเมืองสงบก่อนนั้น เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร”กล่าวนายเรืองไกร
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี กล่าวว่า อยากถามความชัดเจน เพราะท่านเคยยืนยันจากปากท่านเอง แต่กลับเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย แต่ที่เราไม่ประเมิน เพราะเชื่อมั่นในคำพูดกัน ให้เกียรติกัน วันนี้ท่านมาเปลี่ยนแปลงคำพูดที่ให้ไว้ต่อหน้าตน และคนอื่น อยากถามว่า คำพูดที่ท่านรับปากทำไมจึงเปลี่ยนไป ไม่ทำตามที่พูดคุยไว้ ยืนยันว่ามีการพูดคุยกันจริง
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้ยินข่าวมาว่า นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี และนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ที่มีข่าวว่า จะลงชิงตำแหน่ง มีการจัดวางไว้เสร็จสรรพ ว่า ใครจะมาเป็นประธาน และรองประธานคนที่ 1 คนที่ 2 โดยได้ข่าวว่า นายนิคม มีการจัดตั้ง และเป็นคนวางแผนกดดันให้ประธานฯ ลาออกก่อน เพื่อให้มีการเลือกประธานใหม่ อาศัยเทคนิคตรงนี้ฉวยโอกาสก่อนจะมี ส.ว.สรรหา ชุดใหม่ จึงได้โทรศัพท์สอบถามนายนิคม ซึ่งได้ปฏิเสธ และตนยังเป็นต่อสาย ท่านนายนิคม พูดคุยกับนายประสพสุข ด้วย ก็ยืนยันว่าไม่เคยทำ แต่กลับมีข่าวว่าไปให้สัมภาษณ์ให้ประธานรักษาคำพูด คิดว่าตรงนี้ไม่ถูกต้อง ใครวางแผนอยากมาเป็นประธานตอนนี้ จะถูกกรรมสนอง เมื่อมี ส.ว.สรรหาชุดใหม่เข้ามา ก็จะถูกบีบลักษณะนี้เช่นกัน จะถูกลงโทษเช่นนี้ ถือว่ากรรมตามสนอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายของน.ส.สุมล ทำให้นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนไม่เคยออกมาให้ข่าวทำนองบีบประธานฯ ไม่เคยไปทวงถามที่ห้องประธานฯ ว่าจะลาออกเมื่อไร
นายประสพสุขกล่าวชี้แจงว่า ในการสัมมนาที่โบนันซ่าครบ 1 ปี ในการดำรงตำแหน่ง ส.ว.บอกว่าไม่ต้องประเมิน ตนก็บอกว่า อย่างนั้นก็เป็น 2 ปีพอ ตนก็มุ่งมั่นว่า 2 ปีก็จะพอแล้ว แต่พอครบเหตุการณ์บ้านเมืองเกิดไม่สงบ หลังเดือนธันวาคม 2553 บ้านเมืองสงบแล้ว ตนมุ่งมั่นจะทำตามพันธสัญญาโดยก่อนปีใหม่จะลาออก แต่มีบางคนมาบอกว่าลาออกตอนนี้ไม่มีประโยชน์ ย้ำตลอดว่าบ้านเมืองสงบแล้วและกำหนดจะลาออกวันที่ 18 มกราคม แต่มี ส.ว.หลายคณะเข้ามาหาให้อยู่ต่อบอกว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบ หลายคนก็บอกว่า ได้ประสานกับหลายคนที่จะลงชิงก็บอกว่าไม่ติดใจแล้ว มาวันนี้มีการทวงถามอีก บางฝ่ายก็อยากให้อยู่ต่อ ดังนั้น จึงขอให้เป็นมติของสมาชิกทุกคน ว่าจะให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการลงคะแนนด้วยวิธีเสียบบัตร ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ให้นายประสพสุขอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยคะแนน 53 ต่อ 9 งดออกเสียง 13 จากช่วงแรกที่เปิดประชุมมี ส.ว.เข้าประชุมจำนวน 137 คน โดยมี ส.ว.จำนวนมากได้เดินออกนอกห้องประชุมทันที ไม่ยอมลงคะแนน เพราะไม่อยากมีส่วนร่วมรับรู้ด้วย
ต่อมาเวลา 13.45 น. ตัวแทน ส.ว. เลือกตั้ง ทั้ง 29คน นำโดยนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายประสิทธิ์ โพธสุธน ส.ว.สุพรรณบุรี ฯลฯร่วมกันแถลงกรณีการทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายประสพสุข ในหัวข้อ “ยื่นถึงนายประสพสุข บุญเดช ผู้หลงใหลอำนาจประธานวุฒิสภา”