ASTVผู้จัดการรายวัน - อธิบดีกรมสรรพากรสยบข่าวขึ้นภาษี ยันปีนี้งดขึ้นภาษีทุกชนิด เพราะจัดเก็บยังทะลุเป้า 10% ขอใช้เวลาขยายฐานการจัดเก็บให้มั่นคง รวดเร็ว เชื่อมโยงข้อมูลมากขึ้น รอปี 55 ค่อยคิดปฏิรูปครั้งใหญ่!
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดี กรมสรรพากรเปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรยังไม่มีแนวคิดว่าจะปรับขึ้นภาษีตัวใดบ้าง เพราะต้องการขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้ยั่งยืนก่อน เพราะในปี 2554 นั้นธุรกิจยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ที่จะทำให้การจัดเก็บรายได้ภายในปีนี้ยังสามารถสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% หลังจากที่ไตรมาสแรกพบว่า สามารถจัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าเป้าหมาย 10% โดยที่ไม่ได้ทำให้ธุรกิจไหนเดือดร้อนขึ้น ดังนั้นจึงต้องการทุ่มเทเวลาไปกับการสร้างระบบการจัดเก็บให้เชื่อมโยงมากขึ้น ด้วยการจัดฐานข้อมูลใหม่ รวมถึงนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้กว้างขึ้นและยั่งยืน
นายสาธิตกล่าวต่อว่า กรมสรรพากรได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาลว่า หากจะดำเนินการสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลภายใน 5 ปี จะต้องเพิ่มการจัดเก็บรายได้จาก 1.3 ล้านล้านบาทเป็น 2.4 ล้านล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20% ดังนั้นหากดจะเดินหน้าตามเป้าหมายดังกล่าวต้องมาวางกลยุทธ์ว่า จะต้องทำอย่างไร ฐานข้อมูลจะต้องดีขึ้น หรือเชื่อมโยงกันมากขึ้นและยั่งยืน ไม่ใช่พุดเพียงตัวเลขเป้าหมายเท่านั้น
“เราวางเป้าหมายไว้แล้วว่าภายในปี 2555 จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโครงสร้างภาษี ซึ่งจะสำเร็จได้ก็ต้องปรับปรุงในหลายๆด้าน ทั้งกำหมาย ระบบ วิธีการทำงาน การเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อดึงผู้ที่ยังไม่ได้เข้ามาในระบบมาอยู่ในฐานผู้เสียมากขึ้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานอีกมาก ไม่ใช่แค่ว่าจะขึ้นหรือลดภาษีตัวใดบ้าง และเรื่องนี้ก็ละเอียดอ่อน เราต้องคิดให้ตกผลึกก่อนจึงจะเสนอรัฐมนตรีว่าการ เพื่อออกมาเป็นนโยบาย เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสน”นายสาธิตกล่าว
สำหรับรูปแบบภาษีที่ปรับปรุงล่าสุดและจะประกาศในไตรมาสแรกปีนี้ นายสาธิตกล่าวว่า จะเป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการควบโอนกิจการ โดยได้ชัดให้ชัดเจนขึ้นในเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้อง 12 รายการ เหลือเพียงการจัดทำเป็นคู่มือให้ชัดเจนในเรื่องการควบโอนกิจการว่ารายการใดต้องเสียภาษีใดบ้าง นอกจากนั้นช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้หารือกับสภาหอการค้าไทยและหอการค้าต่างประเทศในการจัดทำคู่มือในรายธุรกิจรวม 13 ธุรกิจว่า มีแต่ละธุรกิจมีขั้นตอนอะไร และสรรพากรจะใส่ภาษีภาษีแต่ละจุดว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความชัดเจน.
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดี กรมสรรพากรเปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรยังไม่มีแนวคิดว่าจะปรับขึ้นภาษีตัวใดบ้าง เพราะต้องการขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้ยั่งยืนก่อน เพราะในปี 2554 นั้นธุรกิจยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น ที่จะทำให้การจัดเก็บรายได้ภายในปีนี้ยังสามารถสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% หลังจากที่ไตรมาสแรกพบว่า สามารถจัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าเป้าหมาย 10% โดยที่ไม่ได้ทำให้ธุรกิจไหนเดือดร้อนขึ้น ดังนั้นจึงต้องการทุ่มเทเวลาไปกับการสร้างระบบการจัดเก็บให้เชื่อมโยงมากขึ้น ด้วยการจัดฐานข้อมูลใหม่ รวมถึงนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ เพื่อขยายฐานการจัดเก็บภาษีให้กว้างขึ้นและยั่งยืน
นายสาธิตกล่าวต่อว่า กรมสรรพากรได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาลว่า หากจะดำเนินการสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลภายใน 5 ปี จะต้องเพิ่มการจัดเก็บรายได้จาก 1.3 ล้านล้านบาทเป็น 2.4 ล้านล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20% ดังนั้นหากดจะเดินหน้าตามเป้าหมายดังกล่าวต้องมาวางกลยุทธ์ว่า จะต้องทำอย่างไร ฐานข้อมูลจะต้องดีขึ้น หรือเชื่อมโยงกันมากขึ้นและยั่งยืน ไม่ใช่พุดเพียงตัวเลขเป้าหมายเท่านั้น
“เราวางเป้าหมายไว้แล้วว่าภายในปี 2555 จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโครงสร้างภาษี ซึ่งจะสำเร็จได้ก็ต้องปรับปรุงในหลายๆด้าน ทั้งกำหมาย ระบบ วิธีการทำงาน การเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อดึงผู้ที่ยังไม่ได้เข้ามาในระบบมาอยู่ในฐานผู้เสียมากขึ้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานอีกมาก ไม่ใช่แค่ว่าจะขึ้นหรือลดภาษีตัวใดบ้าง และเรื่องนี้ก็ละเอียดอ่อน เราต้องคิดให้ตกผลึกก่อนจึงจะเสนอรัฐมนตรีว่าการ เพื่อออกมาเป็นนโยบาย เพราะไม่ต้องการให้เกิดความสับสน”นายสาธิตกล่าว
สำหรับรูปแบบภาษีที่ปรับปรุงล่าสุดและจะประกาศในไตรมาสแรกปีนี้ นายสาธิตกล่าวว่า จะเป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการควบโอนกิจการ โดยได้ชัดให้ชัดเจนขึ้นในเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้อง 12 รายการ เหลือเพียงการจัดทำเป็นคู่มือให้ชัดเจนในเรื่องการควบโอนกิจการว่ารายการใดต้องเสียภาษีใดบ้าง นอกจากนั้นช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้หารือกับสภาหอการค้าไทยและหอการค้าต่างประเทศในการจัดทำคู่มือในรายธุรกิจรวม 13 ธุรกิจว่า มีแต่ละธุรกิจมีขั้นตอนอะไร และสรรพากรจะใส่ภาษีภาษีแต่ละจุดว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความชัดเจน.