00 คงต้องหุบปากโม้ไม่ออกไปอีกหลายวัน เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนใต้ หลังจากก่อนหน้านี้ ทั้งนายกฯอภิสิทธิ์ รองนายกฯฝ่ายความ(ไม่)มั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ย้ำมาตลอดวันละ 3 เวลาว่า “ดีขึ้น” หรือ “มาถูกทาง”แล้ว หรือ “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” แล้ว สารพัด และกำลังจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่มขึ้นอีกหลายจุด แล้วเป็นไง ผลจากการที่คนร้ายถล่มฐานปฏิบัติการ ฉก.นราธิวาส 38 เมื่อตอนหัวค่ำวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา เหตุการณ์คราวนี้ร้ายแรงกว่าการปล้นปืนในค่ายทหารกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อ 4 ม.ค.47 คราวนั้นแค่ปล้นปืน แต่ครั้งนี้เป็นการปล้นปืน-ฆ่าทหาร มีแนวโน้มว่าเหตุการณ์ร้ายกำลังก่อตัวอย่างรุนแรงในอีกไม่นาน
00 เป็นไงละ “มาร์ค-เทือก” คราวก่อน สุเทพ ควงคู่หรือ “ประกบตัว” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ไปโม้กับชาวบ้านที่ ปัตตานี ว่าไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่ทำได้เท่ากับในยุคของเขา และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ราคายางสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างสวัสดิการความเป็นอยู่ดีที่สุด ไม่เคยมีใครทำได้ และยืนยันว่า ได้รักษาศักดิ์ศรีพี่น้องคนไทยมากที่สุด แต่พอคล้อยหลังไม่นานในตอนค่ำ ก็เกิดเหตุร้ายที่ว่า ก็ได้แต่มานั่งเสียใจ
00 แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าด้วยสภาพภูมิประเทศ ภาษาวัฒนธรรม ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน รู้ว่ายากแสนยาก อันตราย แต่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ผ่านมาสองปี การบริหารจัดการอย่างเต็มกำลังของทหาร ทำไมมันไม่ดีขึ้น หรือว่ามันมีอะไร “พิเศษ” ซ่อนอยู่ ลองถามฝ่ายทหารฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลสิว่า “ผู้นำ” ก่อการร้ายตัวจริง คือใครกันแน่ เวลานี้ก็ยังบอกไม่ได้ เหมือนกับการสู้รบกับ “เงา” ตัวเอง และข่าวว่ายังมี “เจ้าหน้าที่” บางกลุ่ม “เลี้ยงสถานการณ์” เพื่อประโยชน์ มันก็น่าคิด !!
00 การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ “หน้ามืด” เป็นไฟลนก้นกันอยู่เวลานี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องส่วนตัวของนักการเมืองล้วนๆ อย่างที่ “นายหัว” ชวน หลีกภัย ว่าเอาไว้จริงๆ และเห็นด้วยจะหากแก้ไขก็ให้มีผลใช้บังคับในสภาชุดต่อไป ไม่ใช่ผูกพันกับชุดนี้ เพราะมีส่วนได้-เสีย แต่เชื่อเถอะเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ หรือแม้แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ในหัวของแต่ละคนก็คิดแต่เรื่องได้เปรียบ-เสียเปรียบไม่ใช่หรือ
00 ในที่สุด “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ก็รอดคุกเป็นครั้งที่ 4 และคราวนี้คาดว่าจะรอดยาวไปตลอดสมัยประชุม เพราะมีธรรมเนียม “บิดเบือนเจตนารมณ์” จนเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าเป็น ส.ส.ก็ไม่ต้องติดคุกในสมัยประชุม ทั้งที่ความต้องการเดิมกฎหมายเขาห้ามไม่ให้ฝ่ายบริหารกลั่นแกล้งฝ่ายค้านไม่ให้ตรวจสอบการบริหารราชการ แต่นี่คดีของไอ้ตู่ ไม่ได้เกี่ยวกับการตรวจสอบรัฐบาลตรงไหน มันเป็นคดี “ก่อการร้าย” เผาบ้านเผาเมือง เป็นคดีอาญา แต่เอาเถอะเมื่อเป็นแบบนี้ไปแล้ว ก็ว่ากันไป
00 การทำหน้าที่ของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ถือว่าเข้มข้นพอใช้ ในการตามจิกยื่นถอนประกันตลอดเวลา อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายพะวักพะวงมาบ้าง ยิ่งคราวนี้ศาลกำชับห้ามก้าวล่วง “กระบวนการยุติธรรมทั้งมวล” ความหมายก็ย่อมรวมถึงทุกส่วน ไม่ใช่ศาลอย่างเดียว หากยังร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงแล้วยังขืนปากมาก มันก็อาจ “พลาด” ซักวัน
00 ยังเกี่ยวกับ ธาริต คนเดิม กับการที่วืดเก้าอี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับการเสนอชื่อไปพร้อมกับ “สมบัติ ธำรงธัญวงศ์” อธิการนิด้า ประธานคณะกรรมการปฏิรูปฯ ด้านแก้ไขรธน. โดยพ่ายคะแนนโหวตให้กับ วิษณุ เครืองาม และ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ สะท้อนให้เห็นหลายอย่าง อย่างแรกอิทธิพลของ “เทพเทือก” ในฐานะประธาน ก.ตร. ไม่มีน้ำยาและยังโยงไปถึงนายกฯ ที่เป็นคนทาบทามสองคนนี้เข้ามา สอง ระหว่างหน่วยงานดีเอสไอกับสตช. ยังมีการขบเหลี่ยม และ สามในบรรดา ก.ตร.โดยตำแหน่งที่โหวตนั้น ยังไม่ใช่พวกเดียวกับปชป.แน่นอน ชัดยิ่งกว่าชัด
00 การที่ศาลกัมพูชากลับลำเรียก 5 คนไทยเข้ามาไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งรวมทั้ง พนิช วิกิตเศรษฐ์ ก่อนกำหนดเดิมวันที่ 1 ก.พ. ยกเว้น วีระ สมความคิด มันก็ทะแม่งพิกล และการที่ รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงกับกราบขอบคุณ ฮุนเซน ที่ช่วยประสานให้นั้น มันก็เห็น “พิรุธ” ชัดเจนเรื่อยๆ แล้วว่า “พวกเขา” เป็นใครกันบ้าง !!
00 เป็นไงละ “มาร์ค-เทือก” คราวก่อน สุเทพ ควงคู่หรือ “ประกบตัว” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ไปโม้กับชาวบ้านที่ ปัตตานี ว่าไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่ทำได้เท่ากับในยุคของเขา และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ราคายางสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างสวัสดิการความเป็นอยู่ดีที่สุด ไม่เคยมีใครทำได้ และยืนยันว่า ได้รักษาศักดิ์ศรีพี่น้องคนไทยมากที่สุด แต่พอคล้อยหลังไม่นานในตอนค่ำ ก็เกิดเหตุร้ายที่ว่า ก็ได้แต่มานั่งเสียใจ
00 แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าด้วยสภาพภูมิประเทศ ภาษาวัฒนธรรม ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน รู้ว่ายากแสนยาก อันตราย แต่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ผ่านมาสองปี การบริหารจัดการอย่างเต็มกำลังของทหาร ทำไมมันไม่ดีขึ้น หรือว่ามันมีอะไร “พิเศษ” ซ่อนอยู่ ลองถามฝ่ายทหารฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลสิว่า “ผู้นำ” ก่อการร้ายตัวจริง คือใครกันแน่ เวลานี้ก็ยังบอกไม่ได้ เหมือนกับการสู้รบกับ “เงา” ตัวเอง และข่าวว่ายังมี “เจ้าหน้าที่” บางกลุ่ม “เลี้ยงสถานการณ์” เพื่อประโยชน์ มันก็น่าคิด !!
00 การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ “หน้ามืด” เป็นไฟลนก้นกันอยู่เวลานี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องส่วนตัวของนักการเมืองล้วนๆ อย่างที่ “นายหัว” ชวน หลีกภัย ว่าเอาไว้จริงๆ และเห็นด้วยจะหากแก้ไขก็ให้มีผลใช้บังคับในสภาชุดต่อไป ไม่ใช่ผูกพันกับชุดนี้ เพราะมีส่วนได้-เสีย แต่เชื่อเถอะเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ หรือแม้แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ในหัวของแต่ละคนก็คิดแต่เรื่องได้เปรียบ-เสียเปรียบไม่ใช่หรือ
00 ในที่สุด “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ก็รอดคุกเป็นครั้งที่ 4 และคราวนี้คาดว่าจะรอดยาวไปตลอดสมัยประชุม เพราะมีธรรมเนียม “บิดเบือนเจตนารมณ์” จนเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าเป็น ส.ส.ก็ไม่ต้องติดคุกในสมัยประชุม ทั้งที่ความต้องการเดิมกฎหมายเขาห้ามไม่ให้ฝ่ายบริหารกลั่นแกล้งฝ่ายค้านไม่ให้ตรวจสอบการบริหารราชการ แต่นี่คดีของไอ้ตู่ ไม่ได้เกี่ยวกับการตรวจสอบรัฐบาลตรงไหน มันเป็นคดี “ก่อการร้าย” เผาบ้านเผาเมือง เป็นคดีอาญา แต่เอาเถอะเมื่อเป็นแบบนี้ไปแล้ว ก็ว่ากันไป
00 การทำหน้าที่ของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ ถือว่าเข้มข้นพอใช้ ในการตามจิกยื่นถอนประกันตลอดเวลา อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายพะวักพะวงมาบ้าง ยิ่งคราวนี้ศาลกำชับห้ามก้าวล่วง “กระบวนการยุติธรรมทั้งมวล” ความหมายก็ย่อมรวมถึงทุกส่วน ไม่ใช่ศาลอย่างเดียว หากยังร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงแล้วยังขืนปากมาก มันก็อาจ “พลาด” ซักวัน
00 ยังเกี่ยวกับ ธาริต คนเดิม กับการที่วืดเก้าอี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับการเสนอชื่อไปพร้อมกับ “สมบัติ ธำรงธัญวงศ์” อธิการนิด้า ประธานคณะกรรมการปฏิรูปฯ ด้านแก้ไขรธน. โดยพ่ายคะแนนโหวตให้กับ วิษณุ เครืองาม และ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ สะท้อนให้เห็นหลายอย่าง อย่างแรกอิทธิพลของ “เทพเทือก” ในฐานะประธาน ก.ตร. ไม่มีน้ำยาและยังโยงไปถึงนายกฯ ที่เป็นคนทาบทามสองคนนี้เข้ามา สอง ระหว่างหน่วยงานดีเอสไอกับสตช. ยังมีการขบเหลี่ยม และ สามในบรรดา ก.ตร.โดยตำแหน่งที่โหวตนั้น ยังไม่ใช่พวกเดียวกับปชป.แน่นอน ชัดยิ่งกว่าชัด
00 การที่ศาลกัมพูชากลับลำเรียก 5 คนไทยเข้ามาไต่สวนเพิ่มเติม ซึ่งรวมทั้ง พนิช วิกิตเศรษฐ์ ก่อนกำหนดเดิมวันที่ 1 ก.พ. ยกเว้น วีระ สมความคิด มันก็ทะแม่งพิกล และการที่ รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงกับกราบขอบคุณ ฮุนเซน ที่ช่วยประสานให้นั้น มันก็เห็น “พิรุธ” ชัดเจนเรื่อยๆ แล้วว่า “พวกเขา” เป็นใครกันบ้าง !!